ปิดยอดชิงส.ส. 2ระบบ1.4หมื่น ขู่ฟันกุ‘โซเชียล’


เพิ่มเพื่อน    

  กกต.เปิดตัวเลขผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบ ทำสถิติใหม่ยอด 5 วันทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 13,846 คน ฟันค่าสมัครเกือบ 140 ล้านบาท ตั้ง กก.ไต่สวนแล้วหาเสียงป้ายสีผ่านโซเชียลฯ ขู่ลงโทษรุนแรง “กอ.รมน.” สั่งเจ้าหน้าที่วางตัวเป็นกลาง ปชป.ปราศรัยใหญ่ ชวนกรีดพวกย้ายพรรคไร้อุดมคติ

    เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ก.พ. ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของการปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภาพรวมว่า ใน 5 วันมีผู้สมัครจากพรรคการเมือง 80 พรรค ยื่นสมัครทั้งสิ้น 11,128  คน ส่วนระบบบัญชีรายชื่อ มีพรรคการเมือง 72 พรรค ยื่นสมัคร 2,718 คน ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีนั้น ในวันที่ 8 ก.พ. มีพรรคการเมืองยื่นเสนอ 7 พรรค จำนวน 9 รายชื่อ ยอดรวม 5 วัน มีทั้งสิ้น 33 พรรค จำนวน 52 รายชื่อ โดยในวันที่ 15 ก.พ.นี้ กกต.จะประกาศรายชื่อ แจ้งเป็นผู้มีสิทธิสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่ละพรรคว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ 
    ทั้งนี้ การสมัคร ส.ส.ทั้งระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ต้องเสียค่าสมัครคนละ 10,000 บาท ทำให้มียอดผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบมีทั้งสิ้น 13,846 คน และทำให้ กกต.ได้รับเงินค่าสมัคร ส.ส.ครั้งนี้ทั้งสิ้น 138,460,000 บาท
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกต.ยังได้พิจารณากรณีร้องให้ลบหรือแก้ไขการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นการใส่ร้ายตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยร้องเรียน ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใด หากพบว่ามีความผิดของบุคคลทั่วไป กกต.จะดำเนินคดีอาญา แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับผู้สมัคร จะพิจารณาตัดสิทธิ์สมัคร หากเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอาจถึงขั้นยุบพรรค จึงอยากเตือนไปถึงผู้ใช้โซเชียลมีเดียในการหาเสียง ขอให้ระมัดระวังการหาเสียงที่เข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี เพราะอยู่ช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งกฎหมายกำหนดความผิดมีโทษสูงทั้งจำทั้งปรับ
วันเดียวกัน กกต.ได้จัดกิจกรรมคิกออฟการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง และกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์การคิกออฟ คือ น.ส.พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส 2018, ธชย ประทุมวรรณ (เก่ง เดอะวอยซ์), น.ส.ปราง ปรางทิพย์ (ปราง เดอะวอยซ์), ส.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว บัญชาเมฆ) และ ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี รวมทั้งการแสดงชุดประตูแห่งประเทศไทย พร้อมนำประเทศไทยสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ต่อไป 
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวว่า การรณรงค์การเลือกตั้งจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-23 มี.ค. โดยจะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส.ให้ประชาชนรับทราบผ่านหอกระจายข่าวของชุมชนและศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยให้ครอบคลุมผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 51 ล้านคน 
ต่อมาในช่วงค่ำ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการดำเนินคดีเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. โดยมีทั้งสิ้น 11 ข้อด้วยกัน 
สำหรับการสมัครในวันสุดท้าย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่สำนักงาน กกต.เพื่อยื่นเอกสารสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จำนวน 150 คน ในขณะที่ ส.ส.ระบบเขตส่งทั้งสิ้น 349 คน โดยรายชื่อ 10 ลำดับแรก ได้แก่ 1.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 2.น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช 3.นายอารี ไกรนรา 4.นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล 5.นางลินดา เชิดชัย  6.นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ 7.นายวิโชติ วัณโณ 8.นายวัฒนา พัทรชนม์ 9.นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ และ 10.นายโรจนินทร์ หิรัญโชคอนันต์
ขณะที่นายธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมายื่นสมัคร ส.ส.แบบแบบแข่งเขต 4 เขต และบัญชีรายชื่อเป็นพรรคสุดท้าย ซึ่งพรรคคนธรรมดาได้เบอร์สุดท้ายทุกเขต และพรรคยังยึดมั่นหลักการพรรคการเมืองต้องส่งหัวหน้าพรรคชิงตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะเป็นนายกฯ ต้องเป็น ส.ส.
ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวว่า กอ.รมน.ได้แจ้งให้กำลังพลที่จะปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการเลือกตั้งและกำลังพลทั่วไป วางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ กอ.รมน.ภาค 1-4 แจ้ง กอ.รมน.จังหวัด พร้อมให้การสนับสนุนเมื่อมีการร้องขอจาก กกต. รวมทั้งประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวที่มีสิทธิเลือกตั้งให้ไปใช้สิทธิให้มากที่สุด สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ขอให้สนับสนุนกำลังพลรักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้ง และประชาชนที่เดินทางมาใช้สิทธิอย่างเต็มขีดความสามารถ
    “กอ.รมน.ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนทั้งในประเทศและที่พำนักอยู่ต่างประเทศ ได้ออกมาใช้สิทธิการเลือกตั้งสมาชิก ส.ส.ตามระบอบประชาธิปไตยในการเลือกตั้งทั่วประเทศที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.2562 โดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ เพื่อมีส่วนร่วมในการแสดงออกตามหลักการประชาธิปไตย”พล.ต.ธนาธิปกล่าว  
ส่วน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห.กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ตรวจสอบความพร้อมของระบบกล้องวงจรปิดเดิมและเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมให้ครอบคลุมและเพียงพอในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับให้ควบคุมความปลอดภัยทุกพื้นที่ เพื่อสนับสนุนความเป็นกลางในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวในการหาเสียงของพรรคต่างๆ นั้น นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในถนนเยาวราช ในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และในฐานะประธานคณะทำงาน ได้เดินทางมายัง จ.นครพนม เพื่อเชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมมีป้ายหาเสียงของพรรค รปช. ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 2 ด้วย แต่เนื่องจากการเดินทางมาครั้งนี้ของนายสุเทพ ไม่มีผู้ใดทราบมาก่อน จึงทำให้บรรยากาศการเดินคารวะแผ่นดินค่อนข้างเงียบเหงา
ในช่วงเย็น เวลา 17.00 น. ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในพื้นที่ กทม. โดยตอนต้นรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบภาคต่างๆ ขึ้นเวทีปราศรัยถึงนโยบายของพรรค อีกทั้งมีการเปิดตัวกลุ่มคนรุ่นใหม่ นิวเดมของพรรค                         
จากนั้นเวลา 18.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ปชป. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เลือกตั้งรอบนี้พรรคถูกดูดอดีต ส.ส. 17 คน และสิ่งที่ทำให้เราแปลกใจคือ อดีต ส.ส.บางคนที่ย้ายไปมีสถานภาพพร้อมทุกอย่าง แต่ยังไป ซึ่งอุดมคดติเป็นเรื่องจำเป็น แต่ใช่ว่าจะมีทุกคน บางคนเพียบพร้อมมีศักยภาพ แต่ขาดอุดมคติ โชคดีที่ได้อยู่พรรคนี้เหมือนหลายคน เพราะเขาไม่เลือกปฏิบัติ และทำให้อยู่ในวิญญาณของพวกเรา เมื่อเลือกเรา เราจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียม 
“พูดเรื่องนี้เจ็บปวด พรุ่งนี้จะไปเล่าให้พี่น้องชาวทุ่งฟังว่าสมัยทักษิณ ยิ่งลักษณ์ แกล้งพี่น้องอย่างไร ที่ผ่านมาถือว่าถนนภาคใต้เลวที่สุด ผมได้ร้องเรียนและพูดคุยทั้งข้าราชการระดับ 10 รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าทำไมถึงไม่ซ่อมถนนให้ภาคใต้ ปรากฏว่าข้าราชการคนหนึ่งบอกว่า แม้จะฟ้องรัฐมนตรีก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาตั้งทีมขึ้นมาต่างหาก ถ้าใครจัดสรรงบประมาณให้ภาคใต้ ผู้นั้นจะถูกย้ายทันที สุดท้ายนี้ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะ และให้นายอภิสิทธิ์มาทำสิ่งที่ผมทำไว้ให้ประเทศชาติต่อไป” นายชวนกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"