‘แกนนำแดง’พลิก!พาเหรดโหน


เพิ่มเพื่อน    

  แกนนำเสื้อแดงพับเพียบ! "จตุพร" น้อมรับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ที่ทรงมีพระเมตตาให้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่หวั่นมีรัฐประหารอีก "วิภูแถลง" แจงเป็นศูนย์รวมความสามัคคี ทำให้ความคิดแตกต่างกลับสู่ความสงบสุข "ธิดา" ระบุช็อก ฝ่ายอนุรักษนิยม เป็นกลยุทธ์ยิ่งกว่าเหยียบเมฆ   ราชวงศ์ก้าวหน้าเคยมี ไพร่ก็ล้าหลังได้ "อนค." ยันแคนดิเดตนายกฯ ต้องอภิปรายโต้แย้งได้ ลั่นนายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. พร้อมเป็นฝ่ายค้านหากมีรัฐบาลแห่งชาติ  

     เมื่อวันศุกร์ ที่สนามม้า จ.ขอนแก่น นายจตุพร  พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ และประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ทำการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อชาติ ทั้ง 10 เขตเลือกตั้งของ จ.ขอนแก่น ท่ามกลางกลุ่มคนเสื้อแดงและแกนนำ นปช.ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และหลายจังหวัดในภาคอีสานที่มารอรับฟังการปราศรัย  โดยนายจตุพรกล่าวว่า วันนี้นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของการเมืองไทย ที่พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาให้กับคนไทยในการสมัครรับการเลือกตั้ง และถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อชาตินั้นน้อมรับ และไม่ขอส่งรายชื่อผู้สมัครในตำแหน่งนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อได้ว่าทุกพรรคการเมืองนั้นจะต้องกลับไปคิดทบทวนในทุกเรื่องใหม่อีกครั้ง จากนั้น 3-4 วันเราจึงจะทราบว่าแต่ละพรรคการเมืองนั้นจะมีท่าทีอย่างไร ซึ่งพรรคเพื่อชาตินั้นชัดเจนแล้วว่าไม่ส่งผู้สมัครในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ ส.ส.ระบบเขตนั้นพรรคมีการส่งผู้สมัครครบทุกเขต
    "วันนี้พรรคยังคงเดินหน้าหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต โดยที่ผมนั้นรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสานที่จะต้องลงพื้นที่ให้ครบทุกจังหวัดและทุกอำเภอ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่คนเสื้อแดงและแนวร่วม นปช. จะออกมาแสดงพลังตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยการเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติทุกเขตและทุกคน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ยอมรับว่าสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะมีการปฏิวัติรัฐประหารอีกก็เป็นไปได้ ด้วยสัญญาณไม่ดีหลายอย่าง หลังจากที่มีปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่สุดของไทยเมื่อเช้านี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายนั้นได้จับตาสถานการณ์ต่างๆ ให้ดี"
    นายจตุพรกล่าวว่า คนไทยทุกคนนั้นรักในสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่มีใครที่จะคิดที่จะทำอะไรสถาบันอันเป็นที่รักของเราทุกคนไปได้ ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมา ที่คนบางกลุ่มออกมาโจมตีหรือออกมาพูด  หรือออกมาปลุกระดมคนว่าคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์นั้นล้มเจ้า เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นวันนี้จะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง และอะไรควร  อะไรไม่ควร
      ด้านนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 56 พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ในฐานะแกนนำแนว นปช. กล่าวถึงกรณีเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีบัญชีของพรรคว่า เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างมาก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค มากด้วยบารมี เป็นศูนย์กลางความสามัคคี เชื่อว่าจะทำให้คนที่คิดแตกต่างกลับคืนสู่ความสงบสุข สันติสุข ในสังคมทุกวันนี้ยังโกรธเกลียดกัน อีกทั้งด้วยบุคลิกผู้นำประเทศตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ ไร้ซึ่งเมตตาธรรม การจะให้ประเทศขับเคลื่อนเดินต่อไปได้ ต้องมีนายกฯ ที่มีบารมี นำความแตกต่าง นำความหลากหลาย ให้เป็นคุณต่อบ้านเมือง ไม่ใช่มุ่งหวังเอาแพ้เอาชนะกันเพียงอย่างเดียว
          "หลายคนอาจสงสัยแล้วเรื่องนี้จะเป็นหรือไม่เป็นประชาธิปไตยต่อไป ความเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ชาติกำเนิด แต่อยู่ที่จิตสำนึกคนเกิดที่สูง มีจิตสำนึกประชาธิปไตยมีอยู่มาก คนชั้นล่าง เกิดมามีจิตสำนึกเป็นเผด็จการก็มีมากเช่นกัน คนที่มานำ มาเป็นนายกฯ ถ้าพูดตามภาษาฤาษีคือ ต้องมีตบะพรต มีเมตตาธรรม เชื่อมั่นว่าท่านจะคลี่คลายประเทศ นำพาไปสู่ความสงบสุข สันติสุขได้ ตอนนี้ประเทศแห้งแล้งเหลือเกิน ถ้ามีสายฝนโปรยปราย ทำให้แผ่นดิน ชุ่มฉ่ำ เหมือนสายฝนไม่เลือกปฏิบัติต่อแผ่นดิน พืชพันธุ์ ที่ผ่านมายังไม่มีใครมีบารมีพอนำพา คนที่เชื่อ แตกต่าง ให้ไปสู่ความสงบสุขได้"
ช็อกฝ่ายอนุรักษนิยม
           เมื่อถามถึงวันข้างหน้าอาจเกิดรัฐบาลแห่งชาติ นายวิภูมิแถลงกล่าวว่า แม้รัฐบาลแห่งชาติจะไม่ได้ระบุไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ก็อาจเกิดขึ้นโดยออโตเมติก กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่ถ้าทุกคนมีความรู้สึกร่วม มีคนมีเมตตาธรรม ที่จะพาประเทศไปสู่ความสงบสุข คงไม่มีใครคัดค้าน ถ้าท่านได้เป็นนายกฯ จริง เป็นผู้ที่ตบะพรตได้ บารมีถึง เมตตาธรรมถึง คงไม่มีใครคัดค้าน เพราะจะมาเยียวยาประเทศได้ 
    ขณะที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ หัวข้อ  "สภาวะใหม่ทางการเมืองไทย" ระบุว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ "ช็อก" สำหรับคนจำนวนหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง ถ้าเข้าใจประวัติศาสตร์ คนในส่วนราชวงศ์จำนวนหนึ่งก็เคยเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง หลังจากที่เรามีความขัดแย้งระหว่างคนในชาติ สายอนุรักษนิยม อำนาจนิยม กับสายเสรีนิยมและการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นม็อบของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ที่ตั้งแต่ต้นในการต่อต้าน "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ก็จะเริ่มด้วยปัญหาความไม่จงรักภักดี มาบัดนี้เมื่อทูลกระหม่อมฯ ซึ่งท่านเป็นราชวงศ์ชั้นสูงมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนาม ทษช. ซึ่งเป็นพรรคเกิดใหม่ กลายเป็นอะไรที่เรียกว่า "ฟ้าถล่มดินทลาย" จึงช็อกฝ่ายอนุรักษนิยมที่เกลียดชัง ดร.ทักษิณ ต้องการกำจัดไปให้พ้นเส้นทางการเมืองไทย
    ที่ปรึกษา นปช.กล่าวอีกว่า ในอดีตคนที่อยู่ในบรรดาศักดิ์ อยู่ในราชวงศ์ เป็นชนชั้นนำที่มีทัศนะก้าวหน้า เคยร่วมมือกับคณะราษฎรในการเมืองการปกครองก็มี เท่าที่นึกขึ้นได้คนแรกก็คือ "ท่านชิ้น" ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ (ท่านมีศักดิ์เป็นหลานของพระเจ้าแผ่นดิน) อีกคนคือ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ถ้ามองไปในประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัมพูชาจะพบว่าพระเจ้านโรดม สีหนุ มีบทบาทสำคัญมากในลักษณะที่ก้าวหน้าทางการเมือง
    "ประชาชนก็ต้องให้โอกาส เพราะพระองค์ท่านก็ต้องเสียสละ และการเมืองไทยนั้นโหดร้าย ฝ่ายที่มอง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นปฏิปักษ์อย่างแรงกล้าก็ไม่สามารถเอาเรื่องของราชวงศ์หรือเรื่องของสถาบันมาอ้างได้อีกแล้ว สำหรับสายอนุรักษนิยม ถ้าเขาไม่มอง ดร.ทักษิณอย่างเกลียดชังเกินไป ก็อาจจะมองในแง่บวก ที่พระองค์ท่านต้องการปรองดอง ฝ่ายที่คิดก้าวหน้าและฝ่ายประชาธิปไตยจะคิดเหมือนกันทั้งหมดไหม ก็คงไม่ เช่น อ.ปิยบุตร พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งกล่าวว่าคนที่จะมาเป็นแคนดิเดตควรจะเป็น ส.ส. ด้วยกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นี่จึงเป็นการเล่นไพ่หรือยุทธวิธีในการที่ทำอย่างไรให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ ปัญหาแรกคือเอาชนะการสืบทอดอำนาจของคณะทหาร ดังนั้นขณะนี้แคนดิเดตนายกฯ ที่น่าจับตาก็กลายเป็น พล.อ.ประยุทธ์กับทูลกระหม่อมฯ"
    ถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นคู่แข่งไหม นางธิดากล่าวว่า ไม่น่าจะใช่ การเอาชนะทางเลือกตั้งนั้นไม่พอ ต่อให้มีเกิน 250 ต่อให้มี 376 ก็ถูกจัดการได้โดย 250 ส.ว. โดยกลไกรัฐ ตรงนี้ทำให้เข้าใจในสิ่งที่ทษช.ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่ายิ่งกว่าเหยียบเมฆ ที่สำคัญ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะได้เกิน 25 ที่นั่งไหม ทษช.จะได้เกิน 25 ที่นั่งไหม มองแล้วโอกาสที่ทูลกระหม่อมฯ จะเป็นนายกฯ ประเทศไทยนั้นมีสูงมาก ใครจะมาร่วมด้วยถ้าพรรคอนาคตใหม่ไม่เอาด้วย คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เข้าใจในวิธีคิด แต่บางครั้งในการต่อสู้ต้องเป็นขั้นตอน มีกลยุทธ์ในแต่ละเวลา ซึ่งไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างในนิทาน "กระต่ายปัญญาดี...ต้องมีหลายโพรง"
    "และนี่เขาเรียกว่า "สภาวะใหม่ทางการเมืองไทย" ซึ่งมีกลยุทธ์ของฝ่ายที่ถูกกระทำทางการเมือง สามารถที่จะใช้อาวุธสำคัญของฝ่ายอนุรักษนิยมคือทำให้อาวุธนั้นใช้ไม่ได้ นั่นคือปัญหาที่ฝ่ายอนุรักษนิยม "โหน" สถาบันอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายไม่ว่าใครจะอยู่ในชนชั้นไหน ไพร่ก็ล้าหลังได้ เจ้าก็ก้าวหน้าได้ แต่คนที่กบฏต่อชนชั้นตัวเองก็มีนะคะ อย่าคิดว่าไพร่ทุกคนก้าวหน้า ถ้าไพร่ทุกคนก้าวหน้า ประเทศไทยไม่มาถึงขั้นนี้ และอย่าคิดว่าปัญญาชนทุกคนก้าวหน้า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเป็นอย่างไร" นางธิดา กล่าว
ต้องถูกอภิปรายได้
    ที่อาคารไทยซัมมิท พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคฯ ร่วมแถลงจุดยืนของพรรค โดยนายปิยบุตรกล่าวว่า 1.ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากทั้งตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้า คสช. เพราะการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ในขณะจัดการเลือกตั้งทั่วไปไม่สามารถเทียบได้กับบรรทัดฐานสากล เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.ยังคงอนุญาตให้รัฐบาลมีอำนาจเต็ม ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการที่มีอำนาจจำกัด และหัวหน้า คสช.ยังมีอำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 มีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา เป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน และส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินไปได้โดยเสรีและเป็นธรรม
     2.พรรคอนาคตใหม่ยืนยันเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่หนึ่งของพรรคเป็นนายกฯ และยืนยันในข้อเสนอ 3 ข้อ ได้แก่ (1) หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. (2) แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ และ (3) ลบล้างผลพวงรัฐประหาร เชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยจะเป็นไปได้ก็ด้วยแนวทางที่มั่นคงในหลักการประชาธิปไตยที่ประชาชนต้องถูกรวมเข้าไปในกระบวนการตัดสินใจ การตกลงรอมชอมกันเองระหว่างชนชั้นนำไม่สามารถแก้ไขได้
     3.พรรคการเมืองที่ยืนหยัดกับหลักการประชาธิปไตย จะต้องยึดถือหลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.” หลักการดังกล่าวคือ มรดกของเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เป็นผลพวงจากการต่อสู้ของประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตย เราต้องแลกเลือดเนื้อชีวิตของประชาชนไปจำนวนมาก กว่าประเทศไทยจะสถาปนาหลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.” ลงไปในรัฐธรรมนูญ 2540 ก่อนจะถูกฉีกโดยการรัฐประหาร 2549
     4.การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องดำเนินไปอย่างเสรี เป็นธรรม และแข่งขันกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม บุคคล สื่อมวลชน ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมืองทุกพรรคต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคขัดขวางในทางกฎหมายและในทางประเพณีค่านิยม 
     5.พรรคอนาคตใหม่พร้อมเป็นรัฐบาล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกฯ แต่หากเกิดกรณีจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ที่รวบรวมทุกพรรคการเมืองเข้าด้วยกัน ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจำเป็นต้องมีฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย 
     “เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องเลือกอยู่ระหว่างการเมืองแบบเผด็จการทหารกับการเมืองแบบเก่า แต่การเมืองแบบใหม่เป็นไปได้” นายปิยบุตรกล่าว
     ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ ทษช.และ พปชร.ได้คะแนนเสียงสูสีกัน อนค.จะร่วมงานกับฝ่ายใด นายปิยบุตรกล่าวว่า เรายืนยันจุดยืน 3 ข้อหลัก เป็นปัจจัยที่จะตัดสินใจว่าเราจะร่วมงานกับใครหรือไม่
    เมื่อถามว่า การเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ถือว่าเป็นการทำให้เกิดความไม่เสมอภาคในการแข่งขันหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้ต้องเป็นธรรม มีความเสมอภาคเท่าเทียม บุคคลใดที่เสนอตัวเข้ามาสู่แวดวงการเมืองแล้ว จะต้องถูกการอภิปรายโต้แย้งถกเถียง เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นที่น่ายินดีที่ทูลกระหม่อมฯ เขียนในอินสตาแกรมว่าท่านไม่นิยมชมชอบในเรื่องระบบอภิสิทธิ์ แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม แคนดิเดตนายกฯ ทุกคน ต้องถูกอภิปรายหรือโต้แย้ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะเข้าสู่การแข่งขันในระบอบประชาธิปไตยแล้ว
    ด้านนายธนาธรกล่าวว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการเมืองไทย มันเปิดโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ของประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเซตซีโร สีเสื้อทางการเมืองที่ผ่านมาในอดีตไม่สามารถใช้อธิบายความขัดแย้งในสังคมไทยได้อีก นี่คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกข้างทางการเมืองใหม่ 
    ถามต่อว่า พร้อมจะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ถ้าตัดชื่อพรรค ชื่อคนออกไป เอาจุดยืนทางการเมืองของพรรคเราเป็นตัวตั้ง ถ้าพรรคไหนเอาด้วย เราพร้อมร่วมงานด้วย ตนไม่อาจทราบได้ว่ามีการเจรจาอะไรหรือไม่ แต่เรายืนยันว่านับแต่มีการตั้งพรรคมา ทาง อนค.ไม่เคยมีการเจรจาต่อรองใดๆ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายทักษิณ ชินวัตร
    ถามอีกว่า ชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของ ทษช.จะทำให้กระบวนการหาเสียงอยู่ในความอึดอัดหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า สิ่งที่เราอยากเห็นคือแคนดิเดตนายกฯได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมทุกคน ทุกคนควรเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมายและประชาชน.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"