ภาพนี้จะจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันไปอีกนานทีเดียว
เป็นภาพที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวปราศรัย "สภาวะแห่งรัฐ" (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พอหันหน้าไปข้างหลังก็เห็นท่าทาง "ปรบมือ" ของแนนซี เพโรซี ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรให้
เป็นลีลาและสีหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นการประชดประชันอย่างออกนอกหน้า
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ฝืนประเพณีอันยาวนานที่ผู้นำเสียงข้างมากในสภาล่างในฐานะเป็น "เจ้าของบ้าน" จะเป็นคนกล่าวแนะนำประธานาธิบดีก่อนจะเริ่มการแถลงรายงานของผู้นำฝ่ายบริหารให้สภาและประชาชนได้รับทราบว่าปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำอะไรและกำลังจะทำอะไร
แต่ทรัมป์ไม่ยอมให้เพโรซีแนะนำ ขึ้นเวทีก็เริ่มพูดเลย ทำเอาผู้คนงุนงงพอสมควร
เพราะทรัมป์ไม่แน่ใจว่าจะถูกแนะนำอย่างไร โดยเฉพาะจากปากของคู่รักคู่แค้นทางการเมืองคนนี้
และอย่าได้แปลกใจหากเพโรซีจะรู้สึกว่าทรัมป์ต้องการจะฉีกหน้าเธอ
ไม่เป็นไร มีจังหวะระหว่างการกล่าวปราศรัยของทรัมป์หลายครั้งที่เธอมีโอกาสจะแสดงท่าทีของเธอต่อสิ่งที่เขาพูด
หลายๆ ครั้งเธอลุกขึ้นมาปรบมือพร้อมกับสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันที่แสดงความชื่นชอบที่ประธานาธิบดีพูด
โดยที่แถวที่นั่งของสมาชิกพรรคเดโมแครตนั่งเฉย ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่พรรครีพับลิกันปรบมือให้ทรัมป์ และตัวเพโรซีเองก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยปลื้มในหลายประโยคที่ทรัมป์พูด
ปฏิกิริยาของเธอจึงแสดงออกด้วยการปรบมือพอเป็นพิธี แต่สีหน้าและรอยยิ้มแหยะๆ ของเธอก็ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้ชื่นชมอะไรที่เขาพูดเท่าไหร่เลย
แตกต่างไปจากคนที่ยืนคู่กับเธอ รองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ ซึ่งเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ที่ลุกขึ้นปรบมือเสียงดังเป็นระยะๆ เกือบจะตลอดช่วงที่ทรัมป์กล่าวปราศรัย
ที่ทั้งเพนซ์และเพโรซีต้องแสดงออกอย่างจะแจ้งว่าชื่นชมและขื่นขมอย่างเป็นทางการ เพราะรู้ว่ากล้องโทรทัศน์กำลังถ่ายทอดสดและเจาะลงมาที่หน้าตาของทรัมป์และสองคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ข้างหลังตลอดเวลา
ทรัม์เปิดเกมด้วยการเรียกร้องให้สองพรรคการเมืองใหญ่ร่วมมือกัน "ทำเพื่อชาติ" ด้วยการยกมือให้กฎหมายหลายฉบับที่ค้างอยู่ในคองเกรสผ่านเสียที
วาทะไพเราะของเขาตอกย้ำว่าอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง คนว่างงานต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟูและ "อเมริกาชนะทุกวัน"
แต่พอเข้าเรื่อง ทรัมป์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเรียกร้องให้พรรคเดโมแครตยอมยกมือผ่านงบประมาณ 5.7 พันล้านเหรียญเพื่อสร้างกำแพงตรงชายแดนทางใต้ติดกับเม็กซิโก
นั่นคือหัวใจของคำปราศรัยของทรัมป์ และนั่นคือการเริ่มต้นหาเสียงเพื่อให้ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองในอีกสองปีข้างหน้า
เพราะทรัมป์ใช้วาทกรรมชาตินิยมในการกระตุ้นให้ฐานเสียงของเขาเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าเขาเป็นคนรักชาติที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ขณะที่วาดภาพให้เดโมแครตเป็นพวก "เสรีนิยม" ที่เปิดประตูอ้าซ่าให้ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายได้เข้ามาสร้างปัญหาอาชญากรรมต่อคนอเมริกันเอง
ผมค่อนข้างจะงุนงงกับการที่อยู่ดีๆ ทรัมป์ก็ประกาศว่า "อเมริกาจะไม่มีวันเป็นประเทศสังคมนิยมเป็นอันขาด" (America will never be a socialist country.)
เป้าหมายการโจมตีของเขาคือ สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนที่ออกมาเรียกร้องให้เก็บภาษีคนรวยมากขึ้นเพื่อช่วยคนจน อีกทั้งให้เพิ่มสวัสดิการคนยากไร้มากกว่าที่เป็นอยู่อย่างจริงจัง
ทรัมป์อ้างว่าเขากำลังช่วยเหลือคนจน คนตกงาน และคนที่เสียเปรียบทางสังคม
อีกทั้งยังเน้นความสำคัญของบทบาทผู้หญิงในหลายจังหวะ
เห็นได้ชัดว่าทรัมป์เริ่มหาเสียงกับคนผิวดำ ผู้หญิง และชนชั้นกลางอย่างไม่ปิดบังอำพรางอีกต่อไป
และยังยืนยัน (ก่อนการปรากฏตัวที่ State of the Union) ว่า "ยังไงๆ ผมก็ชนะเลือกตั้งสมัยที่สองแน่นอน"!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |