เกณฑ์รับนร.พื้นที่60%นอกเขตบริการ 40%ยกเลิกเด็กฝาก-ผู้มีอุปการะคุณ 


เพิ่มเพื่อน    


        
8ก.พ.62-บอร์ด กพฐ. ลงมติปรับแก้หลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ เหลือ 4 ข้อ ตัดกรณีนักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์-โควตาตามข้อตกลง-นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากัน พร้อมแบ่งรับ นักเรียนในเขตพื้นที่บริการ 60%  นอกเขตบริการ 40% ตรวจเข้มเด็กใช้สิทธิ์เขตพื้นที่ ต้องอยู่อาศัยจริงไม่ต่ำกว่า 2ปี “หมอธี” ฝากผู้ปกครองมีการเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะ อ้างว่ารู้จักกับเลขาฯ กพฐ. รัฐมนตรี ไม่เป็นความจริง

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ว่า ตนได้มอบนโยบายให้แก่ นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ในฐานะประธาน กพฐ.คนใหม่  เพื่อให้การทำงานระหว่าง กพฐ.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีจุดมุ่งหมายและทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบและถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลชุดนี้เรื่องใหญ่ที่ยังจะต้องดำเนินการต่อมีอะไรบ้าง เช่น การยกระดับมาตรฐานการศึกษา มาตรฐานภาษาอังกฤษ เป็นต้น ส่วนมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอนั้น มาตรการนี้เป็นเรื่องดี แต่ในบางประเด็นที่ ป.ป.ช.เสนอให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อนั้น ตนได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแล้วว่า หลักเกณฑ์การรับนักเรียนบางข้อทำได้และบางข้อไม่สามารถทำได้ เพราะเกณฑ์รับนักเรียนบางเรื่องเป็นประวัติศาสตร์มีนานานก่อนที่พวกเราจะเกิดอีก แต่ทั้งหมดไม่ว่าหลักเกณฑ์การรับนักเรียนจะออกมาในรูปแบบไหนตนคิดว่าจะต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและเป็นธรรม

“ขอฝากถึงผู้ปกครองหากมีโรงเรียนไหนมาเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะ เพื่อแลกที่นั่งเรียนเป็นการส่วนตัว หรืออ้างว่ารู้จักกับเลขาฯ กพฐ. รู้จักรัฐมนตรี ผมแจ้งไว้ตรงนี้เลยว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีเด็กฝากทั้งสิ้น ขอให้แจ้งข้อมูลมาได้เราจะตรวจสอบทันที แต่หากโรงเรียนมีเกณฑ์รับนักเรียนด้วยเงื่อนไขพิเศษ โรงเรียนก็ต้องไปปฎิบัติตามเกณฑ์ของสพฐ.ประกาศรายชื่อและหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนอย่างถูกต้อง” รมว.ศธ. กล่าว

ด้านนายเอกชัย กี่สุขพันธ์  ประธานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ที่ประชุม กพฐ.ได้มีการพิจารณาตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตและให้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้านนั้น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติปรับปรุงแก้ไขประกาศ เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2562  ในการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษจากเดิม 7 ข้อ เหลือ 4 ข้อที่มีความจำเป็นต้องคงไว้ เพื่อประโยชน์ของการศึกษาและผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ คือ 1.นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน 2.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 3.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ 4.นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน 
สำหรับข้อที่ยกเลิกไป 3 ข้อ คือ 1. นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง 2.นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ3.นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย  โดยกรณีนักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่านั้นในลำดับสุดท้ายนั้น แต่ละโรงเรียนต้องไปกำหนดเกณฑ์และประกาศให้ผู้ปกครองรับทราบล่วงหน้า  อย่างไรก็ตาม ทางสพฐ.จะเร่งดำเนินการแก้ไขประกาศดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะประกาศได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อให้โรงเรียนได้นำไปประกาศแจ้งแก่ผู้ปกครองรับทราบต่อไป

 ในส่วนการประกาศรายชื่อผลสอบนักเรียนของโรงเรียน จะต้องเป็นการประกาศรายชื่อนักเรียนตามลำดับคะแนนแต่จะไม่มีการประกาศคะแนน และต้องประกาศรายชื่อนักเรียนทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนที่จะรับ  ส่วนการกำหนดคุณสมบัตินักเรียนทั้งในส่วนของในเขตพื้นที่บริการ และนอกเขตพื้นที่บริการนั้น  ทาง กพฐ.ได้พิจารณากำหนดให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการร้อยละ 60  ซึ่งถ้ามีนักเรียนมาสมัครครบต้องรับทั้งหมด แต่ถ้าไม่เต็มตามจำนวนทางโรงเรียนต้องมีเกณฑ์ในการรับนักเรียนเพิ่ม ส่วนร้อยละ 40 รับนักเรียนนอกเขตพื้นที่สถานศึกษา ที่ประชุมได้มีมติให้รับนักเรียนที่จบม.3 เพื่อเข้าเรียนต่อม.4 ในโรงเรียนทุกคน  ยกเว้นนักเรียนที่ไม่ประสงค์เรียนต่อ กรณีที่รับนักเรียนได้ไม่เต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้ สามารถให้สอบรับสมัครเพิ่มเติมได้ มติให้ สพฐ.เลื่อนรับสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1และม. 4 มาเป็นวันที่ 22-27 มีนาคม 2562 จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 23-27 มีนาคม 2562  โดยจะงดรับนักเรียนในวันที่ 24 มีนาคม เนื่องจากตรงกับวันเลือกตั้ง และจะทำการประกาศไปยังโรงเรียนต่างๆ ต่อไป”ประธาน กพฐ.กล่าว

ด้านนายสนิท แย้มเกสร รองเลขาฯ กพฐ.กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการปรับแก้คุณสมบัติการรับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ โดยต้องเป็นนักเรียนที่อยู่ในทะเบียนบ้านในเขตพื้นที่บริการ อย่างน้อย 2 ปี นับไปถึงวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ซึ่งนักเรียนต้องอยู่กับบิดามารดา หรือผู้ปกครอง และต้องอาศัยอยู่ในบ้านนั้นจริงๆ ไม่ได้เอาชื่อมาอยู่ในทะเบียนบ้านอย่างที่ผ่านมา  โดยครั้งนี้จะมีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ใน 2 ขั้นตอน คือ การรับรองตัวเอง โดยในใบสมัครของผู้ปกครอง ของเด็ก ให้มีประโยคที่เขียนว่าขอรับรองว่าเขาได้อยู่อาศัยจริงตามที่ระบุ และหากมีการตรวจสอบว่าไม่ได้อาศัยอยู่จริง ยินดีที่จะรับโทษหรือออกจากสถานศึกษาแห่งนั้นทันทีที่ตรวจสอบพบ ดังนั้น ต่อให้นักเรียนได้เข้าเรียนแล้วมาตรวจสอบพบภายหลัง ก็จะมีการพิจารณาลงโทษ โดยอาจจะให้ออกจากสถานศึกษา เพื่อไม่ให้นักเรียนผู้ปกครอง ไม่กล้าที่โกหก ไม่กล้าที่จะปลอมแปลงเอกสาร หรือให้ข้อมูลเท็จ ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายนั้น  โรงเรียนจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ  ซึ่งโรงเรียนจะสุ่มไปตรวจสอบได้ และหากมีการทำเอกสารปลอมเพื่อมาสมัคร ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดทางกฎหมายอาญา


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"