'ทูตออสซี่'รับสารภาพผิด แจ้งจับฮาคีมทำไทยแพะ


เพิ่มเพื่อน    


    กต.แถลงการณ์แจงคดี "ฮาคีม" แนะ “บาห์เรน-ออสเตรเลีย” คุยกันเพื่อวิน-วิน อย่าลากไทยมาโยง อัยการตั้งโต๊ะแจงยิบ ลั่นทำตามกฎหมาย “บิ๊กโจ๊ก” เข้าพบเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย เผยทูตแดนจิงโจ้รับเองเป็นความผิดพลาดแจ้งอินเตอร์โพล จึงต้องกดดันไทยให้เป็นแพะ
เมื่อวันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ ยังคงมีความเคลื่อนไหวคดีการส่งนายฮาคีม อาลี โมฮัมเหม็ด อาลี อัล โอไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ออกแถลงการณ์ในเรื่องดังกล่าว 8 ข้อ โดยเนื้อหาสำคัญระบุว่า อย่าได้ด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับประเทศบาห์เรน เพราะไม่มีส่วนใดที่ไทยจะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ซึ่งทั้งบาห์เรนและออสเตรเลียก็เป็นเพื่อนที่ดีของไทย 
    “ไทยมีทางเดินอันชอบธรรมเพียงว่า 1.ให้ความร่วมมือทางด้านกฎหมาย และ 2.เสนอแนะให้เพื่อนที่ดีทั้งออสเตรเลียกับบาห์เรนหันหน้าหารือหาทางออก แทนการผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทย ซึ่งเผอิญจับพลัดจับผลูมาอยู่ในประเด็นปัญหานี้ และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวจะมาในรูปแบบใด ไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่เป็น win-win” แถลงการณ์ระบุ
    ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ตั้งโต๊ะแถลงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เริ่มแถลงที่มาที่ไปของคดีนายฮาคีม โดยยืนยันว่าไทยได้รับคำร้องของบาห์เรนเพื่อขอให้ส่งนายฮาคีมเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเป็นข้อกล่าวหาคดีอาญา ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้บัญญัติให้เป็นความผิดตามกฎหมายของไทย ไม่ใช่ความผิดทางการเมือง หรือความผิดทางการทหาร จึงเข้าหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551
    “วันที่ 4 ก.พ. ศาลอาญาได้เบิกตัวนายฮาคีมมาเพื่อสอบปากคำแล้ว นายฮาคีมให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด และไม่ยินยอมกลับไปที่บาห์เรน ศาลจึงมีคำสั่งให้นายฮาคีมและทนายของนายฮาคีมยื่นคำคัดค้านคำฟ้องเข้ามาภายในวันที่ 5 เม.ย. และนัดตรวจสอบพยานทั้งสองฝ่ายในวันที่ 22 เม.ย.2562 สำนักงานอัยการสูงสุดจึงชี้แจงมาเพื่อทราบ” นายธรัมพ์กล่าว
    นายธรัมพ์ยังชี้แจงถึงการยื่นค้านประกันตัวว่า อัยการได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวต่อศาลไปแล้ว ส่วนจะได้ประกันตัวหรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ซึ่งการคัดค้านประกันตัวของอัยการนั้นอยู่ในข้อกฎหมาย และอัยการมีหลักปฏิบัติลักษณะเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรือเฉพาะเจาะจงนายฮาคีม
    “ยันว่าไม่มีการกดดันจากฝ่ายไหนทั้งสิ้น และไม่เคยมีการพูดคุยกับฝ่ายบริหารเรื่องการพิจารณาส่งตัวนายฮาคีมเป็นผู้ร้ายข้ามแดน” นายธรัมพ์กล่าว และว่า ส่วนเรื่องที่ กต.เสนอให้ 2 ประเทศพูดคุยกันนั้น ถ้าหากมีทางออก ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องที่เข้ามาสู่การพิจารณาของอัยการ แต่กว่าศาลจะมีคำสั่ง ก็อาจเป็นรัฐบาลที่เปลี่ยนแล้วก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ก็ต้องมาดูอีกครั้งว่ามีปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ตอนนี้เราต้องรอคำสั่งของศาล
    วันเดียวกัน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ได้เข้าพบเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย และให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การพูดคุยเป็นไปในแนวทางที่ดี โดยเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ยอมรับว่าเป็นผู้แจ้งหมายจับแดงของอินเตอร์โพลกรณีนายนายฮาคีมมาให้ ตม.เป็นผู้ควบคุมตัวไว้เอง จึงเป็นสาเหตุที่ให้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด จึงจำเป็นต้องกดดันให้รัฐบาลไทยส่งตัวนายฮาคีมกลับออสเตรเลียให้ได้
    “เอกอัครราชทูตออสเตรเลียหวังว่าทุกฝ่ายจะพิจารณาจากความจำเป็นและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งยังเรียกร้องให้ ตม.ใช้อำนาจบริหารเข้าสนับสนุนในการให้ข้อมูลแก่ศาลเพื่อประกอบการไต่สวน ซึ่งได้แจ้งไปว่า ในประเทศไทยอำนาจบริหารไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาลได้ สถานทูตต้องเป็นฝ่ายดำเนินการส่งข้อมูลความจำเป็นทั้งหมดในกระบวนการไต่สวน เพื่อประกอบการตัดสินใจของศาลเอง”
    ด้านนางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความของนายฮาคีม ระบุว่า ขณะนี้ทีมทนายความอยู่ระหว่างการอ่านคำร้องของอัยการอย่างละเอียด เพื่อกำหนดแนวทางในการต่อสู้คดีให้กับลูกความ รวมถึงถ้อยแถลงต่างๆ และยังหารือในประเด็นเรื่องของการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ออกมาต่อสู้คดีนอกเรือนจำได้ 
    ส่วนนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมติดแฮชแท็ก #saveThailand มีเนื้อหาที่สำคัญระบุว่า วันนี้ไทยตกเป็นเป้าจับตามอง ตกเป็นจำเลยของใครๆ ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ไทยกำลังตกอยู่ในหว่างเขาควายหรือหนังหน้าไฟ เนื้อไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แต่ถูกชาวโลกกดดัน ให้ไทยอย่าส่งนายฮาคีมไปรับโทษที่บาห์เรน และให้ส่งตัวกลับออสเตรเลียตามที่ออสเตรเลียร้องขอ รวมทั้งคนไทยบางส่วนที่ผสมโรงกดดัน นำไปเป็นประเด็นทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง
    “ไทยเป็นประเทศมีอธิปไตย มีอิสระทางการศาล ไม่ต้องรับคำสั่งจากชาติใดให้ต้องทำหรือต้องปฏิบัติอย่างไร แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยมีสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับบาห์เรนและออสเตรเลีย หากทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันโดยตรงได้ ไทยจะได้ไม่อึดอัดและลำบากใจ แต่คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้ว คงต้องรอการตัดสินของศาลว่าจะมีคำพิพากษาอย่างไร แต่ขอให้คนไทยรักเมืองไทยให้มากๆ อย่ารักคนอื่นมากกว่าประเทศตัวเอง" นายนันทิวัฒน์โพสต์ไว้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"