'พปชร.'มีแผนสอง รอบิ๊กตู่ตอบบัญชีนายกฯ/ปรับปาร์ตี้ลิสต์สามมิตร


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" หอบ "ประชารัฐ-ยุทธศาสตร์ชาติ" เดินสายตรวจราชการสกลนคร-มุกดาหาร ลั่นดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เตือนชาวบ้านอย่าหลงคารมคนพูดหวานจ๊ะจ๋า ประเทศอยู่ในกำมือ สองนิ้วของทุกคนขีดให้ดี ด้าน "สนธิรัตน์" พูดแปลก หาก "ประยุทธ์" ไม่รับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกฯ เตรียมแผนสำรองแล้ว 
    เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เดินสายตรวจราชการที่จังหวัดยโสธรและมุกดาหาร 
    ทั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 แล้ว หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และก่อนวันที่ 8 ก.พ. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องให้คำตอบถึงการตัดสินใจตอบรับคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่     
    จุดแรกที่นายกฯ ตรวจเยี่ยมคือ การขับเคลื่อนเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร โอกาสนี้นายกฯ เป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประชาชน และสักขีพยานผู้ว่าราชการ จ.ยโสธร มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน 
    พร้อมกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ดีใจที่มาพบทุกคนด้วยตัวจริง ไม่ใช่แค่ผ่านโทรทัศน์ สำหรับ จ.ยโสธร มีชื่อเดิม ยศสุนทร แปลว่า ทรงไว้ซึ่งเกียรติ อย่างไรก็ตาม วันนี้อยากให้ประชาชนได้ฟังข้อมูลจากรัฐบาล ซึ่งเราทำตามยุทธศาสตร์คือ การทำไปเรื่อยๆ ถึงได้มีกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 
    "จึงอย่าไปฟังแค่ว่าวันนี้ใครจะให้อะไรกับเรา และอย่ามองแค่ว่าสิ่งที่ทำวันนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องมองอนาคตของลูกหลาน"
    เขากล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำหลายมาตรการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ทั้งโครงการประชารัฐ บ้านล้านหลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ที่มีการเอาชื่อไปใช้ แต่รัฐบาลทำเรื่องนี้มาตลอด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม ขณะที่ประเทศไทยไม่เหมือนคนอื่น มีคนน่ารัก แต่บางส่วนก็ไม่ไว้ใจ 
    "ผมพยายามเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง อีกทั้งหลายอย่างเราต้องยอมรับ เมื่อก่อนอาจไม่มีใครมาพูดแบบนี้ ไม่มีใครมาทะเลาะกับท่าน มาพูดหวานๆ เพราะๆ พูดจาจ๊ะจ๋าไปเรื่อย ซึ่งมันไม่ได้ เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และพัฒนาไปด้วยกัน"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทุกรัฐบาล หากให้อย่างเดียวก็จะหมดสภาพ รัฐบาลเองก็จะเจ๊ง เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ อีกทั้งมีพ.ร.บ.งบประมาณ และ พ.ร.บ.การเงินการคลังอยู่ จึงอย่าฟัง หากใครบอกจะให้อะไรก็ต้องถามกลับด้วยว่า เงินมาจากไหน และผิดกฎหมายหรือไม่ 
    "ผมเป็นนายกฯ ของประเทศไทย จะต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องเห็นใจคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งวันนี้มีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนถึง 14.7 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ บางพื้นที่เฉลี่ยเดือนละไม่กี่พันบาท แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บ้านเมืองจะสงบหรือไม่สงบอยู่ที่ทุกคน วันนี้ประชาชนและรัฐต้องทำงานร่วมกันในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เราจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณ์ เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบขั้นตอนทั้งหมดเหมือนกับรัชกาลที่ 9 โดยทุกคนถือว่าโชคดีที่อยู่ 2 รัชกาล ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์มา 70 ปี เราจึงอยู่มา 2 รัชกาล คือช่วงท้ายและช่วงต้น จึงต้องทำให้หลักชัยของประเทศคือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้มแข็ง และทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ ไม่เป็นแบบบ้านอื่นคนอื่นเขา เพราะเรามีหลักชัยที่ยึดมั่นตรงนี้ ดังนั้นเราต้องสร้างจิตสำนึก การเป็นจิตอาสา การทำความดีด้วยหัวใจ จึงขอให้มาร่วมมือร่วมใจ และพูดคุยกัน อย่าไปมัวคุยแต่เรื่องความขัดแย้ง น่ารำคาญ น่าเบื่อ
       ที่ จ.มุกดาหาร พล.อ.ประยุทธ์ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรโคขุนหนองสูง อ.หนองสูง และกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องทำเศรษฐกิจอีสานให้สูงขึ้น หลายอย่าง ที่พูดกันมาสวยหรูไม่มีทางทำได้ ถ้าพูดแบบตนทำได้ใช่ไหม วันนี้รัฐบาลทำเต็มที่ แต่เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เราต้องสืบสานความคิดภูมิปัญญาอดีตสู่อนาคต เราล้มล้างประวัติศาสตร์ไม่ได้ เราล้มล้างสิ่งดีๆ ที่เป็นหลักของประเทศชาติไม่ได้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน นั่นคือหลักชัย หลักของประเทศ เราถึงเป็นแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะทำอะไรได้อย่างนั้น ไม่วันนี้ก็วันหน้า ทำผิดก็ว่ากันมา กระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว 
    นายกฯ กล่าวว่า ระมัดระวังแล้วกัน ประเทศชาติอยู่ในกำมือทุกคน ที่สองนิ้วของท่าน ขีดให้ดี แต่จะขีดใครก็เรื่องของท่าน ขอบคุณข้าราชการ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. โอ๊ยเยอะไปหมด แล้วทำไมไม่เจริญเสียที ก็ไม่เข้าใจ มันอยู่ที่ความร่วมมือ แนวคิดใหม่ วิสัยทัศน์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำแบบเดิมๆ ไม่ได้ วันนี้บัตรรัฐสวัสดิการต้องไปดูมีระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และถ้าตั้งใจทำเรื่องนี้ต่อได้อีกหลายระยะ
    จากนั้นนายกฯ สักการะหลวงพ่อใหญ่ พระประธานอายุ 112 ปีในอุโบสถ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวภูไทและพื้นที่ใกล้เคียง และกราบนมัสการพระครูนันทสารโสภิต เจ้าอาวาสวัดศรีนันทาราม โดยนายกฯ เปิดเผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศ และขอพรให้คนไทย พร้อมขอให้คนที่ไม่ดีกลายเป็นคนดี โดยตนเองจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะที่เจ้าอาวาสให้พรขอให้นายกฯ ทำให้สำเร็จ
    สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยผู้ที่จะเข้ามาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น อยู่ในชั้นการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ประชาชนทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง ที่มีเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย การตรวจบัตรประชาชน และติดสติกเกอร์และบัตรสี ห้ามพกพาอาวุธ แม้แต่ขวดน้ำพลาสติกเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจและขอเก็บออกจากเต็นท์ต้อนรับนายกรัฐมนตรี
    นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. แถลงความคืบหน้าการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคว่า ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ตอบรับหรือแจ้งการตัดสินใจมาที่พรรค แต่เชื่อว่าจะทันภายในวันที่ 8 ก.พ.แน่นอน ขณะที่เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ตนได้นำเอกสารไปเชิญนายสมคิด เหมือนกับที่เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายสมคิดขอเวลาตัดสินใจ 1-2 วัน ซึ่งเราต้องให้เกียรติและให้เวลาท่าน 
    เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับ จะกระทบต่อความนิยมของพรรคหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่อยากให้พูดก่อน แต่เราต้องการทำพรรคนี้อย่างถาวร ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ตัวบุคคลเป็นเพียงหนึ่งในสามองค์ประกอบ ซึ่งเราไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคลแบบจะเป็นจะตาย แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเผื่อใจ มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับ ตนมีความเชื่อมั่น และความหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น และผู้สมัครหลายคนเองก็เตรียมขึ้นป้ายหาเสียงคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว รอเพียงการตอบรับ และยื่น กกต.เท่านั้น
    หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า จากการที่ผู้สมัครได้ลงพื้นที่หาเสียงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงขนาดนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ แม้จะมีการทำลายป้ายหาเสียงบ้าง ซึ่งต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรค พปชร.จะมีการปราศรัยใหญ่ทุกภาคทั่วประเทศและใน กทม.ในเร็ววันนี้ ยืนยันว่าพรรค พปชร.จะไม่ซื้อเสียงแน่นอน และหวังว่าทุกพรรคจะไม่ซื้อเสียงเช่นเดียวกัน เพราะประชาชนคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้สูงมาก ทุกพรรคการเมืองควรร่วมกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยควรแข่งขันกันที่นโยบาย ไม่ใช้วิธีการซื้อเสียง
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. แถลงว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับคำเชิญ ทางพรรคก็มีแผนสำรอง และเตรียมการทุกสถานการณ์ไว้แล้ว โดยภายในวันที่ 8 ก.พ. พรรคจะดำเนินการทุกอย่างอย่างครบถ้วน 
    "ท่านคงมีเหตุผลของตัวเอง แต่พรรคได้เตรียมการแก้ไขปัญหาไว้แล้ว เมื่อถึงวันนั้นก็ค่อยพิจารณากันอีกที อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าท่านจะตอบรับ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย แต่ไม่แน่ ในวันที่ 7 ท่านอาจให้คำตอบก็ได้" เลขาฯ พปชร.กล่าว
    รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า การจัดลำดับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครต้องขยับเปลี่ยนรายชื่อหลายครั้งตลอดทั้งสัปดาห์ จากเดิมที่วางตัวแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่ช่วยงานพรรคและกลุ่มนายทุนของพรรคไว้ในลำดับต้น โดยให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสานไว้ในลำดับที่ 1, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ลำดับที่ 2, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ลำดับที่ 3, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ลำดับที่ 4 อาจจะการสลับลำดับใหม่ โดยก่อนหน้านั้นมีชื่อของนายสุริยะและนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ติดโผให้อยู่ในลำดับต้นมาตลอด และท้ายสุดคาดว่าชื่อของนายณัฏฐพล จะเบียดขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 1 จากแรงสนับสนุนของผู้มีบารมีนอกพรรค ซึ่งนายณัฏฐพลถือเป็นแกนนำคนสำคัญของ กปปส. ส่วนชื่อของนายสุริยะและนายสมศักดิ์ อาจตกไปอยู่ในลำดับถัดไป
    รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่พรรคยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเปิดชื่อในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จากนั้นจะรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ หากตอบรับก็จะส่งตัวแทนไปรับเอกสารต่างๆ จาก พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อยื่นสมัครในวันที่ 8 ก.พ.นี้
    รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น.มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคเป็นประธาน พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา ได้นำเสนอรายชื่อและลำดับที่ของผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 120 คน ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งที่ประชุมได้กำชับผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนห้ามเผยแพร่มติของที่ประชุมเพื่อรอเปิดเผยในการยื่นรายชื่อต่อ กกต.ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 10.30 น. ที่แกนนำพรรคจะไปยื่นรายชื่อต่อ กกต.
    ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ชี้แจงถึงเหตุผลการคัดสรร และจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนจะมีมติจัดลำดับรายชื่อ 1-5 ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาในเบื้องต้น โดยจัดลำดับใหม่ ดังนี้ ลำดับที่ 1 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค อดีตแกนนำ กปปส., ลำดับที่ 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสาน อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร, ลำดับที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์  กรรมการบริหารพรรค อดีตแกนนำ กปปส., ลำดับที่ 4 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร และลำดับที่ 5 นายวิรัช รัตนเศรษฐ  แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อไทย.  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"