ผมกลับไปกินข้าวที่ร้าน Leopold Café ของมุมไบ เมืองหลักด้านพาณิชย์ ศูนย์กลางการเงิน และที่ตั้งของ Bollywood ของอินเดียเมื่อสัปดาห์ก่อน
รอยกระสุนจากฝีมือกลุ่มก่อการร้ายจากปากีสถานเมื่อปี 2008 ยังมีให้เห็นอยู่เต็มร้าน และผู้คนยังแน่นร้านเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
เพราะร้านอาหารอายุ 148 ปีแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและชาวอินเดีย ความคึกคักและความหลากหลายของอาหารยังเป็นเสน่ห์ของภัตตาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้
ใครไปมุมไบแล้วไม่ได้มากินข้าวหรือจิบเบียร์ที่ Leopold Café ต้องถือว่าค่อนข้างจะเชยกันเลยทีเดียว
ร้านอาหารแห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความรุนแรงของมุมไบ เพราะเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2008 (10 ปีเศษๆ แล้ว) ร้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในเป้าการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย Lashkar-e-Taiba ที่มีฐานอยู่ที่ปากีสถาน 10 คน อาวุธและระเบิดเต็มมือบุกถล่ม 12 จุดสำคัญๆ ของเมืองใหญ่แห่งนี้
ทหารและตำรวจอินเดียปะทะกับกลุ่มก่อการร้ายนี้อยู่ 4 วันเต็มๆ ท้ายสุดตายไป 174 คน (รวมถึงผู้ก่อเหตุ 9 คน) และบาดเจ็บกว่า 300
กลายเป็นเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดสำหรับอินเดีย และทำให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหนียวแน่นทั่วอินเดียตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ค่ำวันที่ 26 พฤศจิกายนปีนั้น เวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุด ผู้ก่อการร้ายที่เพิ่งจะขึ้นฝั่งจากเรือบุกเข้ากราดกระสุนใส่ผู้คนในร้านอาหารนี้อย่างบ้าคลั่ง เสียชีวิตทันที 10 คนและบาดเจ็บจำนวนมาก
การโจมตีด้วยอาวุธร้ายแรงทำให้เกิดความเสียหายต่อร้านอาหารแห่งนี้อย่างกว้างขวาง เลือดนองเต็มพื้นร้าน ลูกค้าและพนักงานหนีตายกันจ้าละหวั่น
กลุ่มก่อการร้ายบุกเข้ากราดยิงใส่คนในร้าน Leopold Café ได้ประมาณหนึ่งนาทีครึ่งก็วิ่งไปสู่เป้าหลักของการก่อเหตุครั้งนี้ นั่นคือโรงแรมหกดาวที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย Taj Mahal Palace Hotel
ปฏิบัติการโหดที่โรงแรมหรูแห่งนี้ยืดเยื้อถึง 68 ชั่วโมง มีคนเสียชีวิต 31 คนและบาดเจ็บเป็นร้อย กลายเป็นตำนานแห่งความฝันร้ายของอินเดียมาถึงวันนี้
ผู้ก่อการร้ายกระจายตัวกันไปโจมตีอีก 10 จุดของมุมไบ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก
ผมกลับไปมุมไบครั้งนี้จึงต้องไปนั่งกินข้าวและจิบเบียร์ที่นี่เพื่อทบทวนความหลังและตรวจสอบความเป็นไปล่าสุดของมุมไบ
อีกทั้งไปจับและคลำรอยกระสุนจากเหตุการณ์วันนั้นอีกครั้ง เพื่อระลึกถึงอันตรายของโลกที่ยังไม่ปลอดจากภัยคุกคามของความขัดแย้งที่ทำให้เกิดเหตุก่อการร้ายจนถึงวันนี้
เหตุการณ์วันนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่มีประวัติระหองระแหงมายาวนั้นเสื่อมทรุดลงไปอีกระดับหนึ่ง
ถึงวันนี้ความสงสัยคลางแคลงต่อกันและกันก็ยังไม่จางหาย
แต่อินเดียได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น สรุปบทเรียนด้วยความเจ็บปวด และยืนยันว่าจะไม่มีวันยอมให้เรื่องร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด
คนที่มุมไบบอกผมว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มุมไบก็ไม่เจอกับเหตุร้ายทำนองนี้อีกเลย เพราะมีการวางมาตรการอย่างเข้มข้นและความพร้อมที่จะตอบโต้กลุ่มใดก็ตามที่มีแผนจะสร้างความเสียหายให้อินเดียอีก
มุมไบยังเป็นเมืองแห่งสีสันและความคึกคักเหมือนเดิม...ผมเดินเหินไปไหนมาไหนด้วยความมั่นใจว่าทุกอย่างจะสงบ เพราะอินเดียวันนี้พร้อมจะสยายปีกเป็นมหาอำนาจเอเชียเคียงคู่กับมังกรจีนอย่างไม่ลดละ!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |