นายกฯ แจงปม "ฮาคีม" ให้รอศาลไทยตัดสิน แทรกแซงไม่ได้ วอนอย่าด่วนสรุปทำให้ลุกลามถึงขั้นคว่ำบาตร "ดอน” ชี้ "ออสเตรเลีย-บาห์เรน" ต้องคุยกัน ไทยพร้อมอำนวยความสะดวก อัยการระบุเป็นคดีอาญาไม่ใช่การเมือง นักสิทธิมนุษยชนแนะ อสส.มีอำนาจถอนคดีได้ ชาวโซเชียลผุดแฮชแท็ก "เซฟไทยแลนด์" ชี้จับฮาคิมเป็นไปตามหมายจับอินเตอร์โพล
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสคัดค้านการส่งตัวนายฮาคีม อัล อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากประเทศออสเตรเลียกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศบาห์เรนว่า กรณีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย จึงจะทำอย่างไรไม่ให้เสียกระบวนการตรงนี้ และรัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ ขอว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร และอย่านำไปเป็นประเด็นทางการเมือง ระหว่างนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานกับรัฐบาลบาห์เรนและออสเตรเลียเพื่อหาทางออก
"ส่วนกรณีเกิดการสร้างกระแสให้คว่ำบาตรประเทศไทยนั้น ผมขอร้องว่าอย่าทำให้ไปถึงตรงนั้นเลย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องมีการเตรียมพร้อมอยู่แล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เรื่องดังกล่าวส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับทั้งสองประเทศนี้ กฎหมายไทยเราต้องได้รับการปฏิบัติ และยังมีเรื่องกฎหมายต่างประเทศ แล้วจะทำอย่างไร ในเมื่อมีปัญหามาจากต้นทางทั้งหมด มันกลายเป็นเรื่องระหว่างบาห์เรนกับไทย และตอนนี้มีออสเตรเลียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นประเทศที่ 3 ทุกเรื่องมันเป็นประเด็นหมด ขณะที่รัฐบาลแก้มาหลายอย่าง ในเรื่องนี้ ก็ขอให้ติดตามกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า เรายังไม่ได้ส่งตัวฮาคีมไป เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการของศาล ต้องใช้เวลา และระหว่างนี้ยังมีทางออกอีกทางหนึ่ง หากออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน โดยเรายินดีช่วยให้เกิดความสะดวก เพราะไทยเป็นฝ่ายรับรู้และควบคุมตัวอยู่ ซึ่งหากตกลงกันได้ เช่น ส่งไปประเทศที่ 3 จะทำให้เรื่องง่ายขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้มีทางออก เพียงแต่เจ้าของเรื่องเขาหันหน้าคุยกัน ตนได้บอกเขาไปแล้ว เขาคงจะเริ่มคุยกัน ส่วนเราจะติดตามต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีแหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า การจับกุมนายฮาคีมมีจุดเริ่มต้นจากการที่ตำรวจสากลของออสเตรเลียเป็นฝ่ายแจ้งเตือนเรื่องที่นายฮาคีมมีหมายแดงของอินเตอร์โพลมายังไทย นายดอนตอบว่า “ใช่ มาก่อนด้วยซ้ำ เพราะอินเตอร์โพลเร็วมาก และเราก็จับตามคำร้องขอของบาห์เรนด้วย แต่ขณะนี้ผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาแล้ว ข่าวที่ออกมา คนที่ออกมาพูดเพิ่มเติมอาจไม่รู้ข้อเท็จจริง เพียงแต่พูดตามกระแส สื่อต้องช่วยกันให้เกิดความเข้าใจกว้างขวาง ให้รับรู้ว่าเรื่องนี้มีที่มาและทางออกอย่างไรบ้าง
นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีฮิวแมนไรต์วอตช์แสดงความเป็นห่วงต่อวงการกีฬาไทย หากมีการส่งตัวนายฮาคีมกลับบาห์เรน ไทยอาจถูกคว่ำบาตรในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2565 ว่าเรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจของรัฐบาลหรือกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่จะเข้าไปแทรกแซง คงได้แต่รอฟังศาล เชื่อว่าเป็นธรรมชาติของโลกสากลที่รัฐบาลต้องเคารพการพิจารณาของศาล เราต้องไม่กดดันศาล ส่วนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ขอให้ทางการไทยปล่อยตัวนั้น ตนทราบว่ามีหนังสือดังกล่าว แต่ยังมาไม่ถึงตน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เราดำเนินการไปตามกฎหมายบ้านเมืองสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่อยู่ในสถานะที่จะไปตอบเรื่องเรื่องนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ที่ทางผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ เข้าพบ แต่ชี้แจงให้ท่านทราบแล้วว่าเรามีอำนาจหน้าที่อะไร ก็จะดำเนินการให้จนสิ้นกระแส
นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีอัยการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอส่งตัวนายฮาคีม โดยศาลนัดสอบคำให้การจำเลยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เรื่องดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นเหตุหรือคดีเกี่ยวกับการเมือง เชื้อชาติ ศาสนาที่เป็นข้อยกเว้นในการส่งผู้ร้ายข้ามเเดนหรือไม่นั้น ทางอัยการสำนักงานต่างประเทศได้พิจารณาแล้วว่าประเด็นที่ทางการบาห์เรนได้ยื่นเรื่องขอให้เราในฐานะผู้ประสานงานกลาง ยื่นคำร้องต่อศาลขอนายฮาคีมกลับไปรับโทษตามคำพิพากษาที่บาห์เรนนั้น ไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์นั้นเป็นข้อหาในคดีอาญา ข้อหานี้ก็ถือเป็นฐานความผิดที่ประเทศเราก็มีด้วย ซึ่งเข้าข่ายในการขอส่งตัวในกรณีที่เป็นประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกัน จะต้องมีความผิดตรงกันของทั้งสองประเทศ อัยการเราจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองเป็นเพียงความผิดธรรมดา
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ทางการออสเตรเลียเคยให้สถานะผู้ลี้ภัยนายฮาคีม เนื่องจากมองว่าเรื่องดังกล่าวเข้าเกณฑ์การเมือง เชื้อชาติ หรือศาสนา นายชัชชม กล่าวว่า ถือเป็นการพิจารณาของทางการออสเตรเลีย แต่ทางอัยการมีหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาคำร้องขอของทางบาห์เรนว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ ส่วนขั้นตอนการเตรียมพยานหลักฐาน ขณะนี้เราก็อยู่ระหว่างเตรียมการ ซึ่งยังมีเวลา ทางเจ้าของสำนวนก็เตรียมความพร้อมอยู่ เรื่องนี้เรารู้ว่าเป็นที่สนใจของหลายคนและหลายประเทศ เราได้ทำงานอย่างรอบคอบที่สุด เราอยู่ท่ามกลางระหว่างบาห์เรนกับออสเตรเลีย ฉะนั้นเราจะไม่ช่วยใครทั้งนั้น เราต้องวางตัวเป็นกลาง สุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล และขณะนี้ยังไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะถอนคำร้อง
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการแพร่ภาพนายฮาคิมถูกใส่ตรวนขณะไปขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนว่า สิ่งที่นายฮาคิมสวมใส่เป็นกุญแจเท้า ไม่ใช่ตรวนอย่างที่เข้าใจกัน และถือเป็นระเบียบปฏิบัติตามขั้นตอนปกติที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สามารถกระทำได้ตาม พ.ร.บ ราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 21 ข้อ (4) ซึ่งเป็นเครื่องพันธนาการอย่างหนึ่งตามกฎหมาย ซึ่งไม่ต้องการให้นักโทษมีการแหกหักหลบหนี จะปล่อยให้เดินลอยชายตามใจคงไม่สามารถทำได้
ด้านนางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความของนายฮาคีม กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการอ่านข้อมูลคำร้องของอัยการอย่างละเอียด พร้อมทั้งเตรียมหาพยานหลักฐานมาแก้ต่าง โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่าภายในเวลาที่ศาลกำหนดจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้แก้ต่างในศาลได้อย่างครบถ้วน โดยจะใช้เกณฑ์ใน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ในการต่อสู้คดีกับคำร้องของอัยการ ส่วนการใช้ชีวิตภายในเรือนจำทราบว่านายฮาคีมเริ่มปรับตัวได้
"เรื่องคดีความที่เกิดขึ้นที่ประเทศบาห์เรน ตัวนายฮาคีมให้ข้อมูลว่าในวันที่เกิดเหตุเผาสถานีตำรวจ นายฮาคีมไม่ได้ไปร่วมชุมนุมในจุดดังกล่าว แต่กำลังแข่งขันฟุตบอลนัดหนึ่ง และมีพยานหลักฐานว่าตัวนายฮาคีมอยู่ภายในสนามฟุตบอลแข่งขันขณะที่เกิดเหตุ สาเหตุที่นายฮาคีมถูกรวมเข้าไปเกี่ยวข้อง นายฮาคีมให้ข้อมูลว่าเกิดจากการที่พี่ชายของนายฮาคีมเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวคนสำคัญซึ่งเคยเคลื่อนไหวในเหตุการณ์อาหรับสปริง ทางการของบาห์เรนต้องการตัว แต่ไม่สามารถจับกุมได้ ตัวนายฮาคีมจึงตกเป็นเป้าในการถูกโจมตี" นางณัฐาศิริระบุ
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า การถอนฟ้องหรือการถอนคดีขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนโดยอำนาจอัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมาย น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆในโลก ไม่ใช่แต่เพียงประเทศต้นทางคือบาห์เรนและออสเตรเลีย การใช้ดุลพินิจถอนคดีของ อสส.จะลดกระแสกดดันในหมู่ประชาคมระหว่างประเทศ เป็นการแสดงถึงการคุ้มครองปกป้องผู้ลี้ภัยให้ปลอดพ้นจากภัยประหัตประหาร ขณะนี้กระแสดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และอาจส่งผลเสียต่อผลประโยชน์แห่งชาติได้หากรอจนกว่าคดีจะสิ้นสุดการพิจารณาในชั้นศาล
ขณะที่กระแสเรียกร้องในโลกออนไลน์ ทั้ง #savehakeem และ #boycotthailand ปะทุขึ้นหลังจากที่ศาลเบิกตัวนายฮาคีมเมื่อ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยชาวเน็ตจำนวนมากติดแฮชแท็กเรียกร้องให้นานาชาติช่วยเหลือและกดดันไทยด้วยการคว่ำบาตรเพื่อให้ปล่อยตัวนายฮาคีม แต่ล่าสุดมีแฮชแท็กใหม่เกิดขึ้น คือ #savethailand ซึ่งเกิดจากกลุ่มผู้ที่มองว่าไทยเป็นเพียงตัวกลางในเรื่องนี้ และถูกป้ายสีให้เป็นตัวร้าย พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใจเย็น และชี้แจงว่าการจับกุมนายฮาคีมนั้นเป็นไปตามหมายจับของอินเตอร์โพล ซึ่งแม้ว่าจะถอนหมายจับหลังรู้ว่าเป็นความผิดพลาด แต่ทางการไทยก็ต้องรับเผือกร้อนดำเนินคดีไปตามขั้นตอนและกระบวนการกฎหมาย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |