“ยสท.” ครวญภาษีใหม่ฉุดยอดขายบุหรี่ลดฮวบ 50% แน่นอน


เพิ่มเพื่อน    

 

น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลไม่ขยายเวลาการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่ตามมูลค่าเป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 ออกไป นอกจากทำให้ ยสท. ต้องปรับราคาขายบุหรี่ที่ราคาซองละไม่เกิน 60 บาท เป็นซองละมากกว่า 90 บาท แล้ว ทาง ยสท. ยังไม่สามารถรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรผู้ปลูกใบยาได้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปอีกด้วย

"ยสท.ยังไม่มีแผนที่จะซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ยาสูบตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป เพราะตอนนี้สต็อกใบยาสูบใช้ได้ถึงปี 2566 หากซื้อใบยาสูบจากชาวไร่มาเพิ่มอีกก็เท่ากับซื้อมาทิ้ง" น.ส.ดาวน้อย กล่าว

น.ส.ดาวน้อย กล่าวอีกว่า การขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% จะทำให้ยอดขายบุหรี่ของ ยสท. ลดลงอีก 50% จากที่ขายอยู่ได้ 1.8 หมื่นล้านมวนต่อปี จะเหลือ 8.5 พันล้านมวนต่อปี ยังไม่รวมกระทบกับกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขเรื่องบุหรี่ซองเรียบ และการห้ามผลิตบุหรี่รสเมนทอล ที่จะมีผลบังคับไม่ช้านี้ จะส่งผลกระทบยอดขายบุหรี่ของ ยสท. มากขึ้น เพราะปัจจุบัน ยสท. ผลิตบุหรี่ที่มีส่วนผสมของเมนทอลขายอยู่ในตลาดถึง 40%

สำหรับการรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ในฤดูกาลผลิต ปี 2561 ได้มีการรับซื้อไปแล้ว 50% จากที่เคยซื้อก่อนหน้า และได้มีการจ่ายเงินชดเชยให้บางส่วน เพื่อลดผลกระทบ สำหรับฤดูกาลผลิตปี 2562 เป็นต้นจะไม่รับซื้อจากกว่าสต็อกจะลดลง ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี เป็นอย่างน้อย

น.ส.ดาวน้อย กล่าวอีกว่า ตอนนี้ ยสท. ได้เร่งขายใบยาสูบในสต็อกให้กับผู้ผลิตบุหรี่ต่างประเทศ แต่มีปัญหาราคาใบยาสูบที่อยู่ในสต็อกของ ยสท. ราคาสูงกว่าตลาดปกติทั่วไปประมาณกิโลกรัมละ 24 บาท ทำให้การขายใบยาสูบทำได้ยากมาก เพราะ ยสท. เป็นหน่วยงานของรัฐไม่สามารถขายสินค้าต่ำกว่าราคาทุนได้ ซึ่งหากสามารถขายใบยาสูบในสต็อกก็จะสามารช่วยรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ได้เพิ่มบางส่วน

"ยสท. และผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศเห็นตรงกันว่ารัฐบาลควรขยายเวลาการขึ้นภาษีบุหรี่ตามมูลค่าที่ 40% ออกไปก่อน เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงชาวไร่ที่ปลูกใบยาสูบซึ่งเป็นเกษตรที่มีรายได้น้อยด้วย" น.ส.ดาวน้อย กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2561 ยสท. มียอดจำหน่ายบุหรี่ทั้งสิ้น 1.85 หมื่นล้านมวน ลดลงจากปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมียอดจำหน่ายบุหรี่ 2.88 หมื่นล้านมวน หรือลดลง 1.03  หมื่นล้านมวน คิดเป็นลดลง 35.75%  แต่ยังสูงกว่าประมาณการ ปีงบประมาณ 2561 จำนวน 1.47 พันล้านมวน หรือคิดเป็น 8.68 %

ขณะที่มูลค่าการจำหน่ายบุหรี่ในปีงบประมาณ 2561 มีรายได้จากการจำหน่ายบุหรี่กว่า 5.64  หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมีรายได้ 7.54 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 1.89 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 25.15 % แต่ยังสูงกว่าประมาณการปีงบประมาณ 2561  จำนวน 4.37 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 8.4 %

อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 2561 ยสท. ยังคงมีกำไรสุทธิจำนวน 908 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะประสบภาวะขาดทุน แต่เนื่องจากมูลค่าการจำหน่ายสามารถทำได้สูงกว่า 8.4 % และ ยสท.พยายามควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายและการบริหารได้ในระดับดี รวมถึงการรักษาต้นทุนวัตถุดิบ และมียอดการจำหน่ายเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถจำหน่ายใบยาสูบได้จำนวนหนึ่ง จึงทำให้ยังมีกำไร 908 ล้านบาท แต่หากเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในปีงบประมาณ2560 ซึ่งมีกำไร 9.34 พันล้านบาท พบว่า กำไรลดลงถึง 8.43 พันล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 90.23 %

ทั้งนี้ ผลจากการที่บุหรี่ต่างชาติมีการปรับราคาใกล้เคียงบุหรี่ไทย ทำให้มีผู้สูบบุหรี่จำนวนหนึ่งหันไปบริโภคบุหรี่ต่างประเทศแทน ส่งผลให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในปีงบประมาณ2561 ส่วนแบ่งทางการตลาดของบุหรี่ ยสท. ลดลงจาก 79.06% ในปีงบประมาณ 2560 ลดลงเหลือ 59.62%
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"