ฝุ่นพิษลด!หวั่นวิกฤติซํ้า


เพิ่มเพื่อน    

 ฝุ่นพิษลด! กทม.-ปริมณฑลไม่เกินค่ามาตรฐาน นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงาน กทม.ลุยบิ๊กคลีนนิงให้ครบทุกพื้นที่ ติดตั้งสปริงเกลอร์พ่นน้ำแล้วกว่า 200 โรงเรียน เดินหน้าคุมเข้มป้องวิกฤติซ้ำ หวั่น 7, 13-15 ก.พ.หนักอีก เร่งใช้น้ำมันยูโร 5 ลดมลภาวะระยะยาว อบต.ช่องเม็กไม่สนคำสั่งผู้ว่าฯ เผาขยะซะเอง

    เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เวลา 08.00 น. ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รายงานข้อมูลผลการดำเนินงานและสถานการณ์คุณภาพอากาศ ดังนี้ สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าปริมาณฝุ่นละอองลดลงจากเมื่อวันที่ 3 ก.พ. จนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน  (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง พื้นที่กรุงเทพฯ พบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ (มาตรฐานไม่เกิน 50  มคก./ลบ.ม.) ในระดับสีฟ้า เขียว และเหลือง ตามลำดับ โดยมีพื้นที่ระดับสีฟ้า 19 เขต สีเขียว 22 เขต  และสีเหลือง 2 เขต ได้แก่ เขตวังทองหลางและเขตบางเขน 
    ผลการตรวจวัดและคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า เวลา 07.00 น. ลมตั้งแต่ระดับผิวพื้นเป็นลมใต้และตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น และจากแบบจำลองการคาดการณ์ปริมาณ PM2.5  ของกรมควบคุมมลพิษ คาดว่าในวันที่ 5 ก.พ. ปริมาณฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากการดำเนินมาตรการลดฝุ่นละอองของทุกหน่วยงานอย่างเข้มข้นจะส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองลดลงได้
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองที่มีคุณภาพดีขึ้นว่า ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วและขอให้ช่วยกันต่อไป
    พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ลมจะเริ่มแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้วิกฤติฝุ่นเริ่มทุเลาเบาบาง และนับเป็นความสำเร็จของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองทางอากาศที่ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ มานานนับสัปดาห์ ไม่มีสีแดงที่แสดงว่าเป็นพื้นที่วิกฤติแล้ว แต่เราจะยังไม่หยุดเท่านี้ ต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์นี้ กทม.จะยังดำเนินการ Big Cleaning ทุกพื้นที่เขต ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งจะเดินหน้าวางแผนและกำหนดมาตรการระยะยาวในการคุมเข้มฝุ่นละออง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติมลพิษซ้ำอีก
    ที่สำนักงานแผนและนโยบาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เวลา 10.00 น.  มีการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (นัดพิเศษ) ครั้งที่ 2/2562 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นประธานการประชุม 
    ภายหลังการประชุม นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัด ทส., นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมแถลงข่าว โดยนายวิจารย์ กล่าวว่า ขณะนี้แหล่งกำเนิดหลักที่ก่อให้เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพฯ คือ ยานพาหนะโดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ที่ก่อให้เกิดฝุ่นถึงร้อยละ 47 รองมาคือการเผาในพื้นที่โล่ง ตามมาด้วยอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง โดยมาตรการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นชอบร่วมกันในการตรวจจับรถดีเซลที่มีปัญหาควันดำ ตอนนี้กำลังเร่งรัดกระทรวงพลังงานนำน้ำมันยูโร 5 ที่มีค่ากำมะถันไม่เกิน 10 พีพีเอ็มมาใช้ โดยเริ่มจากเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากการศึกษาพบว่าจะช่วยลดปัญหามลพิษกว่าร้อยละ 25  สำหรับมาตรการในระยะกลางและระยะยาวนั้น ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมมลพิษพิจารณานโยบายเหล่านี้ต่อไป
7, 13-15 ก.พ.หนักอีก
    "ช่วงเฝ้าระวังจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าอากาศจะนิ่งอีกครั้งในช่วงวันที่ 7 ก.พ.และช่วงวันที่ 13-15 ก.พ.ที่อาจพบปัญหาอีกครั้ง ขอให้ประชาชนทุกคนเฝ้าติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด  หากประชาชนท่านใดมีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ในช่วงนี้ขอให้งดใช้ก่อนเพื่อช่วยลดปัญหามลพิษ" ปลัด ทส.กล่าวและว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือเกี่ยวกับการห้ามรถเก่าวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในเพราะสถานการณ์โดยรวมกำลังดีขึ้น
    นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ประชาชนได้รับสื่อหลายทาง บางเรื่องอาจทำให้เกิดความตระหนก ซึ่งตัวเลขที่ประชาชนสามารถเชื่อถือได้คือ ตัวเลขดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศ (AQI) ที่เป็นภาพรวมของฝุ่นทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมฝุ่น PM2.5 และอื่นๆ เข้าไปด้วย อีกส่วนคือความเข้มข้นของ PM2.5 ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีความต่างกัน โดยในส่วนของ PM2.5 นั้นประชาชนจะเริ่มได้รับผลกระทบเมื่อมีความเข้มข้นมากกว่า 50 ขึ้นไป ขณะที่ค่า AQI ต้องมากกว่า 150 จึงเริ่มมีปัญหา ทั้งนี้ตัวเลขที่กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังจนถึงตอนนี้ ยังไม่พบผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลด้วยเรื่อง PM2.5 แล้วมีอาการฉับพลัน เช่นเดียวกับข่าวที่มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าวก็ไม่เป็นความจริง 
    "PM2.5 จะไม่ส่งผลต่อผู้คนอย่างฉับพลันทันใด เว้นแต่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือมีอาการหืดหอบ อาจทำให้เกิดได้ง่าย แต่สำหรับอาการที่คนส่วนใหญ่เป็นกังวลอย่างหลอดเลือดในสมองตีบ โรคถุงลมโป่งพอง หรือแม้กระทั่งมะเร็ง ขอเรียนว่าผู้ป่วยต้องใช้เวลาสัมผัสฝุ่นเหล่านี้นานมากกว่าจะมีอาการดังกล่าว อาจประมาณ 20-30 ปี" รองปลัด สธ.กล่าว
    นายสุพัฒน์กล่าวว่า ระดับค่า PM2.5 ในปีนี้ไม่ได้ต่างจากเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา บางจุดอาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยค่าเฉลี่ยระยะยาวในปี 2556 สูงถึง 35 มคก.ต่อ ลบ.ม. ปี 2561 อยู่ที่ 26 มคก.ต่อ ลบ.ม. ที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยนี้ลดลงเรื่อยๆ ขณะที่ในปัจจุบันกำลังจะกลับมาสู่เกณฑ์ปกติที่ 25 มคก.ต่อ ลบ.ม. ซึ่งส่วนสำคัญคือสภาพอากาศที่กดทับฝุ่นละอองเหล่านี้เอาไว้ไม่ให้กระจายไปจุดอื่น ทำให้ค่าเหล่านี้มีความเข้มข้น อย่างไรก็ตามค่าเฉลี่ยระยะยาวรายปีที่ลดลง จะเป็นโอกาสให้เสนอปรับลดค่ามาตรฐาน  PM2.5 หรือไม่ เนื่องจากตอนนี้เข้าใกล้ค่ามาตรฐานปัจจุบันที่ 25 มคก.ต่อ ลบ.ม. หากมีการปรับค่ามาตรฐานลดลงให้อยู่ที่ 15 มคก.ต่อ ลบ.ม.ตามระยะที่ 3 ขององค์การอนามัยโลก เพื่อกำหนดมาตรการอื่นๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
    กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ. ดังนี้ ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนบางแห่ง เว้นแต่บริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง สำหรับบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีฝนฟ้าคะนองและมีลมแรงขึ้น ดังนั้นจะทำให้ช่วยลดฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศลงได้ 
ติดสปริงเกลอร์พ่นน้ำ 200 รร.
    นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจติดตามการติดตั้งสปริงเกลอร์ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่เขตจอมทอง บางขุนเทียน บางบอน และธนบุรี  ว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน จึงได้สั่งการให้โรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 437 แห่งติดตั้งสปริงเกลอร์พ่นละอองเพื่อดักจับฝุ่นละอองในอกาศ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งสปริงเกลอร์ในโรงเรียนในสังกัดเสร็จสิ้นแล้วกว่า  200 แห่ง นอกจากนี้ยังพบว่าบางโรงเรียนได้คิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในการติดตั้งสปริงเกลอร์จากวัสดุหรือขวดน้ำเหลือใช้ด้วย
    นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า มีโรงเรียนที่ยังปิดการเรียนการสอนอยู่ 11 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบางบัว สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพมหานคร ปิดถึงวันที่ 5 ก.พ. ส่วนอีก 10 แห่งปิดถึงวันที่ 4 ก.พ. ได้แก่ โรงเรียนดีมากอุปถัมภ์ สพป. นนทบุรี เขต 2, โรงเรียนบ้านท้องคุ้ง สพป.สมุทรปราการ เขต 2, โรงเรียนวัดหนามแดง (เขียวอุทิศ)  สพป.สมุทรปราการ เขต 2, โรงเรียนธนสิทธิ์อนุสรณ์ สพป.สมุทรปราการ เขต 2 ปิดเรียนเฉพาะอนุบาล,  โรงเรียนวัดกลาง สพป.นครปฐม เขต 2, โรงเรียนวัดท้องไทร สพป.นครปฐม เขต 2, วัดบ้านบางเลน  สพป.นครปฐม เขต 2, โรงเรียนบ้านประตูน้ำพระพิมล สพป.นครปฐม เขต 2, โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ มหามงคล สพป.นครปฐม เขต 2 และโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา (สพม.) เขต 9 ซึ่งมีนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 6,229 คน
    อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องปิดเรียนต่อเนื่อง ขอให้สถานศึกษาแนะนำให้นักเรียนได้เรียนผ่านระบบการเรียนการสอนทางไกล (DLTV) หรือเสนอแนะให้ทบทวนความรู้จากแอปพลิเคชัน  ติวฟรี.คอม หรือจัดสอนสดผ่านช่องทางสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสม ทั้งนี้หากสถานศึกษาใดต้องการสนับสนุนหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษให้นักเรียนกลุ่มเสี่ยง สามารถประสานขอรับได้ที่ สพฐ.โดยตรง  
     ที่ จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชการเปิดปฏิบัติการป้องกันและลดมลภาวะในพื้นที่จากฝุ่นละออง แต่ปรากฏว่าได้มีการเผาขยะในบ่อขยะพื้นที่ตำบลช่องเม็ก ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยยอดมน เนื้อที่กว่า 2 ไร่ ซึ่งมีควันจากการเผาขยะคุกรุ่นเต็มพื้นที่ โดยบ่อขยะดังกล่าวอยู่ในเขตความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช่องเม็ก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่ามาตรการและคำสั่งของผู้ว่าฯ ที่ห้ามให้ประชาชนเผาหญ้าและตอซังข้าวนั้น เหตุใดกลับมีหน่วยงานราชการทำการเผาขยะเสียเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"