รับสมัคร ส.ส.แบ่งเขตวันแรกคึกคักแบบนั่งพับเพียบ ไร้กลองยาว-ขบวนแห่ แกนนำพรรคการเมืองพาเหรดนำทีมผู้สมัคร มีทั้ง ”เดิน-มินิบัส-แกร็บ-วิน” ฟุ้งมั่นใจกวาดที่นั่งใน กทม.กันหมด กกต.แจงตัวเลขวันแรกยอดทั่วไทย 5,831 ราย มากกว่าปี 2554 เกือบ 3 เท่า “ปชป.” ครองแชมป์ส่งมากสุด ส่วนปาร์ตี้ลิสต์มีแค่ 2 พรรคส่งชื่อ ทะแม่ง! พท.ส่งชิงพื้นที่กรุงเทพฯ 22 เขต ส่วน ทษช.ส่ง 8 เขต แต่ปัดไม่ได้ฮั้ว “พปชร.” เชื่อบิ๊กตู่ตอบรับบัญชีคะแนนพรรคพุ่ง “เพื่อไทย-เพื่อชาติ” เคาะปาร์ตี้ลิสต์ใกล้สะเด็ดน้ำ สมุน-เครือญาติชินดาวงศ์ติดโผอันดับต้นๆ
เมื่อวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ถือเป็นวันแรกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้พรรคการเมืองสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น
โดยตั้งแต่เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน กกต., กทม.และตำรวจเข้าประจำจุดภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อเตรียมความพร้อม โดยผู้สมัครและผู้ติดตามรวมถึงกองเชียร์ที่จะเข้าสู่พื้นที่ชั้นในต้องเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธ และมีเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด (อีโอดี) ตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระอย่างละเอียด ส่วนพื้นที่รอบนอกมีกำลังตำรวจ สน.ดินแดงรับผิดชอบพื้นที่
ทั้งนี้ พื้นที่ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ถูกจัดแบ่งให้ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นโต๊ะรับสมัครเรียงตามเขตเลือกตั้ง 1-30 ฝั่งละ 15 เขตเลือกตั้ง บริเวณโถงกลางจัดวางเก้าอี้นั่งรองรับผู้ติดตามผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งได้รับอนุญาตให้ลงทะเบียนและรับบัตรคล้องคอเพื่อเข้ามาให้กำลังใจผู้สมัครได้เขตละ 1 คน ส่วนกองเชียร์จากพรรคการเมืองนั้นต้องนำป้ายหาเสียงติดชื่อรูปของผู้สมัครเข้าไปจับจองที่นั่งบนอัฒจันทร์ขณะผู้สมัครจับสลากเลือกหมายเลข โดยอัฒจันทร์สามารถรองรับกองเชียร์ได้ 1,500 คน
ส่วนพื้นที่โดยรอบสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นก็มีรถแห่หาเสียงของพรรคการเมืองมาจอดรออยู่โดยรอบ แต่ไม่มีการใช้เครื่องขยายเสียงเปิดเพลงหาเสียง ไม่มีขบวนกลองยาวหรือกิจกรรมรื่นเริงใดๆ ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าทุกครั้ง โดยกองเชียร์เตรียมช่อดอกไม้ พวงมาลัย พร้อมป้ายหาเสียงมารอให้กำลังใจ
สำหรับผู้สมัครที่เดินทางมาถึงเป็นคนแรกในเวลา 04.20 น. เป็นผู้สมัครจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในขณะที่บางพรรคการเมืองจะนัดรวมตัวกันที่ทำการพรรค หรือจุดที่ใกล้กับพื้นที่รับสมัครเพื่อเดินเข้ามายังอาคารกีฬาเวสน์พร้อมกัน
สร้างภาพเดินทางกันพรึ่บ!
โดยเมื่อเวลา 06.30 น. แกนนำและคณะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 30 เขตทยอยรวมตัวกันที่หน้าสำนักงานเขตของพรรค ถ.มิตรไมตรี ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.จะนำคณะเดินมาที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น โดยได้ทักทายคณะกองเชียร์และผู้สนับสนุนของพรรคที่ตั้งแถวรอต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก รวมทั้งได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่รุมล้อมสัมภาษณ์ตลอดทาง
เวลา 07.15 น. ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค รปช.พร้อมแกนนำพรรคนำคณะว่าที่ผู้สมัคร 30 เขตเดินทางมา โดยมีผู้ติดตามและกองเชียร์มาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง และในเวลาใกล้ๆ กัน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมแกนนำนำผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 8 เขตมาลงสมัครรับเลือกตั้ง
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำพรรคได้นำผู้สมัครเดินทางมาด้วยรถบัส ส่วนพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ได้นำผู้สมัคร 30 คนมาด้วยรถมินิบัส สาย 14 ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้นั่งแกร็บแท็กซี่มาบริเวณสนามกีฬา แต่การจราจรที่ติดขัดทำให้จำเป็นต้องลงเดินเพื่อมายังหน้าจุดรับสมัคร และผลจากการจราจรก็ทำให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค ทษช. และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้ามายังพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนเข้ายื่นหลักฐานสมัคร ส.ส.นั้น บรรดาแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความมั่นใจต่อการเลือกตั้งในพื้นที่ กทม.อย่างมาก โดยคุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า เราพกความมั่นใจมาเกินร้อย เราตั้งใจทำดี คิดดี จะทำดีเพื่อให้ประเทศเดินสู่ความสงบสุขอย่างมีคุณภาพ ประชาชนมีเศรษฐกิจที่ดี มีความสมัครสมานสามัคคีกัน ศึกเลือกตั้งครั้งนี้มั่นใจมาก การที่ส่ง 22 เขตก็มั่นใจว่าจะได้ครบทั้ง 22 เขต ส่วนผู้สมัครแต่ละคนจะได้เบอร์อะไรก็ถือเป็นเบอร์ที่ดีทั้งนั้น ทุกเบอร์ชนะหมด
“การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้สำคัญว่าผลการเลือกตั้งใครจะเป็นผู้ชนะ แต่สำคัญที่ความบริสุทธิ์ยุติธรรม เสรี ที่จะเป็นผลสำเร็จของการเลือกตั้ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นทางออกของประเทศ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า พรรคมั่นใจ 100% แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน เราจะทำให้ดีที่สุด เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นพรรคที่ประชาชนไว้วางใจเป็นอันดับ 1 ที่ผ่านมาพรรคได้คิดค้นนโยบายที่สอดรับความรู้สึกและความต้องการของประชาชนมากที่สุด ส่วนเรื่องหมายเลขผู้สมัครที่แตกต่างกันยอมรับว่าเป็นความยากลำบาก แต่ขอประชาชนเชื่อมั่นในพรรคดูโลโก้พรรค
ปัดฮั้วแบ่งพื้นที่ กทม.
ขณะที่นายจาตุรนต์ยอมรับถึงการส่งผู้สมัครเพียง 8 เขตเหมือนเป็นการฮั้วกับพรรคเพื่อไทยที่ส่ง 22 เขตว่า คงมีการมองแน่นอน แต่การเลือกตั้งไม่เหมือนกับการประมูล ซึ่งหากมีแค่ 2 ฝ่าย แล้วอีกฝ่ายยอมให้อีกฝ่าย อย่างนี้เรียกว่าฮั้ว แต่ในการเลือกตั้งที่พรรคส่งผู้สมัคร 8 เขต แล้วพรรคเพื่อไทยไม่ส่งใน 8 เขตดังกล่าวนั้น ไม่ได้หมายความว่าประชาชนต้องเลือก 2 พรรคนี้ ยังมีอีก 50 พรรคให้เลือก โดยการที่เราส่งเพียง 8 เขตเพราะเรามีความพร้อมเท่านี้ เนื่องจากเราเป็นพรรคใหม่ คำว่าการเมืองฮั้วกันไม่ได้เพราะประชาชนมีทางเลือกมากมาย
นายธนาธรกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ลงสมัครครบทุกเขต เป็นคนหน้าใหม่ทั้งหมด ไม่มีใครอยู่ในระบบการเมืองแบบเก่ามาก่อน ไม่ใช่ลูกหลานนักการเมือง เราเชื่อว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง และประชาชนจะให้โอกาสพรรคได้ไปสร้างความเปลี่ยนแปลง
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พพช.) กล่าวว่าได้ส่งผู้สมัครทั้ง 30 เขต ซึ่งนโยบายพรรคเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยไม่หวังจะได้เลขอะไรเป็นพิเศษ จะได้หมายเลขอะไรเราก็ทำงานเต็มที่
ต่อมาเวลา 08.25 น. เจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ขณะนี้มีผู้สมัครมาลงทะเบียนเฉลี่ยเขตละ 15 คน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเสริมเก้าอี้ส่วนของผู้สมัครเพิ่มอีก 5 ตัว เพราะเตรียมเก้าอี้ไว้เพียง 10 ตัว จากนั้นเวลา 08.30 น. น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการ กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงขั้นตอนการรับสมัคร และได้ย้ำว่าหลังได้รับหมายเลขแล้วขอให้กลับไปสำรวจป้ายหาเสียงของตนเองไม่ให้อยู่ในบริเวณที่ห้ามปิดประกาศ เช่น หน้าปากซอย ป้ายรถประจำทาง หรือบริเวณที่กีดขวางการจราจร บดบังสายตาเป็นอันตรายต่อการขับขี่ยานพาหนะ หากพบข้อผิดพลาดให้รีบแก้ไข
ทั้งนี้ บรรยากาศวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ทั้ง 30 เขตวันแรก บรรยากาศทั่วไปค่อนข้างสงบเงียบ มีเพียงกลุ่มกองเชียร์ของนายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ที่ตะโกนเชียร์สโลแกนของนายวัน แต่เมื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของการรับสมัคร กองเชียร์ส่วนใหญ่จะนั่งกันนิ่งเงียบ มีเพียงกองเชียร์ของบางพรรคส่งเสียงตะโกนเชียร์ขึ้นมา แต่เจ้าหน้าที่ห้ามปรามให้หยุดการกระทำ ห้ามใช้เสียงขณะจับหมายเลข
ด้านนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต.กล่าวภายหลังการลงตรวจความเรียบร้อยการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 30 เขตของ กทม.ว่า ภาพรวมเรียบร้อยราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ โดยเวลา 08.30 น. มีผู้มาลงทะเบียนสมัคร 448 คน และผ่านการตรวจสอบเอกสาร 446 คน ซึ่งคนที่เอกสารไม่ครบถ้วนสามารถมายื่นได้ในวันหลัง โดยหลังการปิดรับสมัครในวันที่ 8 ก.พ. ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตจะตรวจสอบคุณสมบัติและจะประกาศรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นผู้สมัคร ในวันที่ 15 ก.พ. และขอขอบคุณพรรคการเมืองที่ร่วมมือไม่มีการจัดกองเชียร์หรือกลองยาว
น.ส.วิชชุดากล่าวรายละเอียดของผู้สมัครใน กทม.ว่ามีจำนวนผู้ลงทะเบียน 448 คน ผ่านการตรวจสอบเอกสาร 446 คน ซึ่งเขตที่ 1 และ 5 ลงทะเบียนรายชื่อซ้ำ 2 เขต เขตที่ 5 ขาดหนังสือรับรองพรรคการเมือง โดยเป็นพรรคเพื่อนไทย ซึ่งผู้เซ็นรับรองไม่ใช่หัวหน้าพรรค และเขตเลือกตั้งที่มีผู้มาลงสมัครมากที่สุดมี 3 เขต ประกอบด้วยเขต 1, 10 และเขต 17 มีผู้สมัครเขตละ 17 คน
ยอดสมัครเกือบ 6 พันราย
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า พรรคการเมืองที่สามารถส่งผู้สมัคร ส.ส.ได้นั้น ขณะนี้มีทั้งหมด 49 พรรค จาก 106 พรรค โดยพรรคใดที่ยังไม่เป็นพรรคโดยสมบูรณ์แต่ส่งผู้สมัครนั้นจะมีความผิด แต่ไม่ถึงขั้นยุบพรรค
และเมื่อ 17.00 น. พ.ต.อ.จรุงวิทย์แถลงผลการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศวันแรกว่า มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร 58 พรรค โดยเป็นการส่งสมัครครบทั้ง 350 เขต รวมจำนวนผู้สมัครทั้งสิ้น 5,831 คน โดยพรรค ปชป.มียอดส่งผู้สมัครสูงสุด 341 เขต ลำดับที่ 2 พรรค พปชร. 335 เขต, พรรคเสรีรวมไทย (สร.) 333 เขต, พรรค อนค. 330 เขต, พรรค ภท. 325 เขต, พรรค รปช. 310 เขต, พรรคประชาภิวัฒน์ 297 เขต, พรรคพลังท้องถิ่นไท 285 เขต, พรรค พช. 283 เขต และพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 279 เขต ส่วนจังหวัดที่มีผู้สมัครมากที่สุดอยู่ที่เขตเลือกตั้งที่ 9 จ.ขอนแก่น ซึ่งมีผู้สมัครมากถึง 27 คน ในส่วนของการสมัครแบบบัญชีรายชื่อมีพรรคไทยธรรมและพรรคสังคมประชาธิปไตยเข้ายื่นสมัครรวม 2 พรรค
“ผู้สมัครวันแรก 5,831 คน เป็นจำนวนที่มากเกินความคาดหมายของ กกต. และเป็นจำนวนผู้สมัครที่มากกว่าผู้สมัครในปี 2554 ซึ่งมีผู้สมัครประมาณ 2,000 คน สะท้อนถึงความตื่นตัวอยากมีส่วนร่วมทางการเมือง แม้ว่ากฎหมายใหม่การจัดตั้งพรรคการเมืองจะมีข้อกำหนดและรายละเอียดจำนวนมากก็ตาม” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวและว่า การหาเสียงขอให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองศึกษาข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ให้ดี โดย กกต.กับพรรคการเมืองได้ประสานข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างกรณีการนำแนวคำพิพากษามาแจ้งเตือนเรื่องรถแห่หาเสียง ซึ่งอาจถูกร้องเรียนและตีความเป็นงานรื่นเริง
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการสมัครและจับสลากหมายเลข แกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ได้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะที่ศาลหลักเมืองและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ทั้งพรรค ปชป., พท.และ พปชร. โดยเฉพาะ พปชร.และ พท.ที่ไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ทักทายโดยจับมือและกล่าวสั้นๆ กับนายอุตตม สาวนายน หัวหน้า พปชร.ว่า "ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามการเมืองนะคะ" ซึ่งนายอุตตมยิ้มรับ
ขณะเดียวกันยังคงมีการแสดงความเห็นทางการเมืองทั้งในส่วนของการสมัคร ส.ส.กทม.และในภาพรวม โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคมั่นใจว่าจะสามารถได้รับชัยชนะในพื้นที่ กทม. ซึ่งผู้สมัครทุกคนพร้อมเดินหน้าตามอุดมการณ์และนโยบายของพรรค และสิ่งที่สำคัญจากนี้คือจะเน้นเรื่องการสื่อสารเรื่องของนโยบาย เพื่อตอบโจทย์และความคาดหวังของประชาชน ว่าจะนำพาประเทศให้พ้นจากวังวนวิกฤติที่เป็นอยู่ขณะนี้ได้อย่างไร และจะทำอย่างไรไม่ให้การเมืองกลับไปสู่วังวนเก่าๆ อีก
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรค ปชป.กล่าวขณะนำผู้สมัคร ส.ส.ตรังที่มาสมัครว่า แม้มีพรรคการเมืองถึงกว่า 104 พรรค แต่ที่สามารถส่งได้จริงๆ คงประมาณไม่เกินครึ่งหนึ่งของพรรคการเมือง ซึ่งปรากฏการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น ต้องบอกประชาชนให้รู้ว่าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร เขาต้องใช้ดุลยพินิจว่าต้องการให้การเมืองเป็นอย่างไร เช่น ต้องการให้มีพรรคการเมืองหลายพรรคหรือไม่ หรือต้องการให้พรรคการเมืองมีน้อย หรือให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือต้องการหลายพรรค แต่เชื่อว่าในยุคสมัยนี้ไม่ง่ายนักหากใครจะมาหลอกชาวบ้าน เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงประชาชนก็เก่งขึ้น ฉลาดขึ้นรอบรู้มากขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมเต็มที่หลังจากสมัครเรียบร้อย เราพร้อมจะทำงาน พร้อมเสนอตัวและนโยบาย เป็นทางเลือกให้กับประชาชน เพราะตลอดเวลา 17 ปีตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ทุกครั้งที่เราได้กลับมาทำงานได้ทำเศรษฐกิจดีขึ้นทุกครั้ง ประชาชนและประเทศชาติมีเศรษฐกิจที่ดี ครั้งนี้ก็เหมือนกันมันเป็นทางของเรา นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า วันนี้ถือว่านักการเมืองจากทุกพรรคเริ่มก้าวเดินตามระบอบประชาธิปไตยพร้อมกัน จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.ให้มากที่สุด เพราะเป็นการเลือกว่าจะเอาฝ่ายประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ซึ่งแนวทางการต่อสู้ในครั้งนี้ของพรรคในฟากฝั่งประชาธิปไตยก็ต้องรณรงค์ให้ได้ ส.ส.รวมกันมากถึง 376 เสียง ถึงจะมีโอกาสไปต่อสู้กับเสียง ส.ว.ที่เขามีหน้าตักไว้แล้ว
นายจาตุรนต์กล่าวเช่นกันว่า ขณะนี้มี 2 ฝ่ายชัดเจนว่าต้องการรัฐบาลเดิมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ และมีนายอุตตมเป็นกำลังสำคัญ หรือจะเลือกฝ่ายประชาธิปไตย หากเลือกพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้นโยบายแบบเดิม เศรษฐกิจแบบเดิม
ด้านนายอุตตมกล่าวถึงการเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เพื่อเป็น 1 ในบัญชีรายชื่อนายกฯ คาดว่าจะดำเนินการได้เร็วๆ นี้ ส่วนรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคทั้ง 150 คนใกล้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังไม่ได้นัดหมายว่าจะไปยื่น กกต.ในวันไหน แต่ตามกำหนดแล้วต้องเสร็จสิ้นก่อนและไปยื่นในวันที่ 8 ก.พ. โดยยังไม่รู้ว่าจะยื่นพร้อมบัญชีรายชื่อนายกฯ หรือไม่
บิ๊กตู่รับขึ้นบัญชีคะแนนพุ่ง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พปชร.กล่าวว่า ผู้สมัคร กทม.จากพรรคส่วนใหญ่ไม่เคยลงเลือกตั้ง ถือเป็นคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง แต่มั่นใจว่าใน กทม.จะได้ไม่ต่ำกว่า 10 เขต สามารถแบ่งคะแนนจากพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้แน่นอน ส่วนการทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์นั้น ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตอบรับ โดยพรรคต่างกำลังรอคำตอบ คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะใช้เวลานี้พิจารณาเรื่องต่างๆ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์รวมถึงนายสมคิดตอบรับเรียบร้อยแล้ว เราก็จะดำเนินการยื่นต่อ กกต.ต่อไป โดยมั่นใจการเลือกตั้งครั้งนี้ พปชร.จะได้คะแนนมากอย่างที่คาดการณ์เอาไว้แน่นอน
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร.กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ต่อเนื่องชาวบ้านเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เพราะเราสานงานต่อจากรัฐบาล เราทำได้เลยไม่ต้องรอ แต่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พรรคชนะการเลือกตั้งอีกอย่างคือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่นิยม จนขณะนี้ชาวบ้านมั่นใจว่าพรรคทำให้บ้านเมืองสงบได้ และหาก พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับมาอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ กระแสของพรรคจะพุ่งขึ้นไปอีก
สำหรับความคืบหน้าของการจัดบัญชีทำ ส.ส.รายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) นั้น นายชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อในบัญชีนายกฯ ได้เดินทางมาลงนามในหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ แล้ว ซึ่งเรื่องผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ คณะกรรมการบริหารพรรคจัดทำแล้วเสร็จ แม้ในรัฐธรรมนูญจะไม่ได้กำหนดว่าหัวหน้าพรรคต้องเป็นบัญชีรายชื่อลำดับหนึ่ง แต่ตามธรรมเนียมควรเป็นเช่นนั้น เริ่มจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค ลำดับถัดลงมาคงเป็นคุณหญิงสุดารัตน์, นายชัชชาติ ส่วนตนเองไม่ทราบ อยู่ที่เท่าไหร่ก็ได้ ไม่มีปัญหา โดยในวันที่ 5 ก.พ.แกนนำของพรรคพร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคจะเดินทางไปยื่นสมัครที่สำนักงาน กกต.อย่างพร้อมเพรียง
นายชัยเกษมยังกล่าวว่า วันที่ 8 ก.พ.หลังเสร็จสิ้นการรับสมัคร ส.ส. ช่วงเวลาเย็นพรรคจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ใน กทม. มีแกนนำพรรค ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ไปร่วมเวที ส่วนสถานที่นั้นอยู่ระหว่างขอใช้สถานที่ที่ต้องรองรับผู้คนจำนวนมากได้ ซึ่ง ส.ส.กทม.นั้นก็คาดหวังว่าจะได้รับเลือกทั้ง 22 เขต ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคที่คาดกันว่าจะได้ ส.ส.จำนวนเท่านั้นเท่านี้คงยังบอกไม่ได้ ต้องรอให้ผลคะแนนจากการเลือก ส.ส.เขตออกมาก่อนจึงจะเริ่มคำนวณได้ แต่ก็เป็นปกติหากได้ ส.ส.เขตมาก ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะได้น้อย
รายงานข่าวจาก พท.แจ้งว่า พรรคตัดสินใจส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 98 คน ซึ่งแกนนำพรรคต่างอยู่ในบัญชีรายชื่อครบครัน โดยบุคคลที่ถูกจัดในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์, คุณหญิงสุดารัตน์, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายนพดล ปัทมะ, นายโภคิน พลกุล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นายเสนาะ เทียนทอง และนางลดาวัลลิ์ เป็นต้น
“ในบัญชีรายชื่อยังประกอบไปด้วยอดีต ส.ส.เดิม แต่ขยับพื้นที่ให้ภรรยาหรือทายาทได้ลงสมัคร ทำให้ตัวเองต้องขยับขึ้นบัญชีรายชื่อ อาทิ นายปวีณ แซ่จึง อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ และนายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในบัญชีรายชื่อ 98 คน ไม่มีรายชื่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้แจ้งความประสงค์มายังพรรคว่าต้องการลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ” รายงานระบุ
มีรายงานข่าวจากพรรค ทษช.แจ้งว่า หลังแกนนำพรรคเดินทางไปให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.กทม.แล้ว ได้กลับมาหารือที่พรรคถึงความพร้อมคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 110 คน โดยลำดับต้นๆ น่าจะประกอบไปด้วย ร.ท.ปรีชาพล, นายจาตุรนต์, นายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด, น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร, นายมิตติ ติยะไพรัช, นายฤภพ ชินวัตร บุตรชายนายพายัพ ชินวัตร, นางชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายประภัสร์ จงสงวน และนายนิคม ไวยรัชพานิช เป็นต้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |