นายโฮเวิร์ด ชุลทซ์ (Howard Schultz) อดีตผู้บริหารสูงสุดของ Starbucks กำลังสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองในสหรัฐอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
เพราะมหาเศรษฐีกาแฟคนนี้ประกาศจะเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2020
ที่ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนไปทั่ว เพราะแกประกาศว่าจะเป็น “ผู้สมัครอิสระ” ทั้งๆ ที่เคยเป็นคนของพรรคเดโมแครตอย่างเหนียวแน่นมาก่อน
พอแกบอกว่าจะเป็นผู้สมัครอิสระเท่านั้นแหละ พลพรรคของเดโมแครตก็โวยวายกันลั่นทุ่ง
เพราะเท่ากับจะเป็นการแย่งคะแนนเสียงฐานเดียวกัน
เท่ากับเป็นการช่วยให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งอีก 1 สมัยนั่นแหละ
เพราะฐานเสียงรีพับลิกันของทรัมป์เหนียวแน่น แต่ถ้านายชุลทซ์ลงสมัครในสูตรของ “มือที่สาม” ก็จะทำให้ฐานเสียงเดโมแครตเสียงแตก ทำลายโอกาสของผู้สมัครเดโมแครตคนอื่นหมดสิ้น
อดีตซีอีโอ Starbucks คนนี้เป็นคนมีชื่อเสียง ฝากฝีมือการบริหารเอาไว้กับความสำเร็จของการสร้างเครือข่ายร้านกาแฟไปทั่วโลก เขียนหนังสือสร้างแรงบันดาลใจที่ขายดิบขายดีหลายเล่ม
วันนี้แกบอกว่าหงุดหงิดกับทั้ง 2 พรรคใหญ่ มองไม่เห็นนโยบายที่จะแก้ปัญหาสหรัฐได้ จึงขออาสากระโดดลงมาชิงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศด้วยตัวเอง
วันที่แกไปเปิดตัวหาเสียงเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน มีคนถือป้ายต่อต้านแกหลายป้าย หนึ่งในนั้นอ่านได้ความดุดันว่า
“Don’t help elect Trump, you egotistical billionaire.”
แปลตรงตัวก็คือ “อย่าช่วยทำให้ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งอีกรอบ คุณมันคนหลงตัวเอง...”
ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมมหาเศรษฐีมะกันจึงคิดจะเสนอตัวเป็นประธานาธิบดีกันมากมายหลายคนอย่างนั้น
ไม่ว่าจะเป็นตัว Howard Schultz เอง
หรือ Michael Bloomberg อดีตนายกเทศมนตรีของนิวยอร์ก ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวบลูมเบิร์ก นักบริหาร นักธุรกิจ นักเขียนหนังสือที่เกริ่นค่อนข้างชัดเจนว่ามีความสนใจจะลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีในรอบใหม่นี้เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า Mark Zuckerberg เจ้าของเฟซบุ๊กก็กำลังใคร่ครวญที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าของทำเนียบขาวเหมือนกัน
แต่ดูเหมือนชุลทซ์จะเอาจริงมากกว่าใครในจังหวะนี้ แกเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าผู้สมัคร “พรรคที่สาม” คนก่อนๆ ที่ยังไม่มีใครเคยชนะเลือกตั้งมาก่อนเลย
เพราะแกเชื่อว่าคนอเมริกันจำนวนมากกำลังปรับแนวคิดมาอยู่ตรงกลาง ไม่ขวาจัด ไม่ซ้ายตกขอบ แกมองว่ารีพับลิกันของทรัมป์เอียงไปทางด้านขวางสุดขั้ว เป็นอันตรายต่อประเทศ
แต่เดโมแครตก็เซไปทางซ้ายสุด ไม่สามารถเป็นความหวังของคนอเมริกันที่มองไม่เห็นทางออกของบ้านเมือง
อดีตซีอีโอ Starbucks คนนี้นั่งยันนอนยันว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดของการตัดสินใจลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้คือ การหยุดทรัมป์ไม่ให้ได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 2 เป็นอันขาด
“ถ้าผมลงสมัคร ผมจะเป็นทางเลือกสำหรับคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองหาทางเลือกที่สาม” แกบอก
ผู้สมัคร “เอียงซ้าย” ของพรรคเดโมแครตขณะนี้มีอยู่อย่างน้อย 2 คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับชาติ
นั่นคือ Bernie Sanders วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนท์ ที่เคยสมัครมาแล้วและแพ้ฮิลลารี คลินตัน ในรอบคัดเลือก
กับ Elizabeth Warren วุฒิสมาชิกจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นนักการเมืองหญิงแกร่งอีกคนหนึ่งที่เพิ่งออกข่าวว่าเธอก็พร้อมจะเสนอตัวเช่นกัน
ชุลทซ์บอกว่า “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนอเมริกันจะต้องถูกบังคับให้เลือกได้แค่ 2 พรรคใหญ่เท่านั้น”
แกบอกว่าจะผนวกเอาจุดแข็งของทั้ง 2 พรรคมาอยู่ที่แนวทางของตัวเองเพื่อแก้วิกฤติของอเมริกา
ไมเคิล บลูมเบิร์ก ออกมาเตือนว่า ข้อเท็จจริงแห่งประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐยืนยันแม่นมั่นว่า ผู้สมัครพรรคที่ 3 ไม่มีทางประสบความสำเร็จ “ยิ่งวันนี้ ยิ่งยาก”
ยังไม่ทันไร เวทีการเมืองสหรัฐก็ร้อนแรงเพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้าแล้ว
ได้ยินว่า ฮิลลารี คลินตัน ก็ยังไม่เลิกความคิดที่จะกลับมาพันตูอีกรอบหนึ่งด้วยการทำใจไม่ได้ว่าแพ้ทรัมป์ได้อย่างไร
อย่างนี้จะไม่ทำให้การเมืองมะกันเดือดปุดๆ ได้อย่างไร?.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |