สนาม กทม.กับทิศทางการเมืองไทย


เพิ่มเพื่อน    

 อืมม์ม์ม์...เริ่มสมัครกันแว้วว์ว์ว์ เริ่มตีฆ้องร้องป่าวชนิดคึกคัก ครึกครื้น ไปทั่วสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง และอาคารกีฬาเวสน์ 2 สำหรับผู้รับสมัครเลือกตั้งวันแรก ของส.ส.เขต กรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางและศูนย์รวมการเมืองประเทศไทย ตามทฤษฎี 2 นคราประชาธิปไตย ของอาจารย์ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ท่าน...

                                                                   --------------------------------------------------------

                คือใครแพ้-ชนะกันในอีสาน เหนือ กลาง ใต้...ว่าไปแล้ว ยังไม่ดูเก๋ ดูเท่ เท่ากับใครที่จะกวาดเก้าอี้ในสนาม กทม. เพราะโดยลักษณะอาการของการเมืองไทยแต่ไหน-แต่ไรมา มันมักเป็นไปตามแบบฉบับ คนชนบทตั้งรัฐบาล-คน กทม.โค่นรัฐบาล อะไรประมาณนั้น หรือเป็นไปตามทฤษฎีที่อาจารย์ เอนก ท่านว่าไว้เมื่อหลายต่อหลายสิบปีที่แล้วนั่นแล การแพ้-การชนะ ในศูนย์รวมอำนาจและศูนย์รวมการเมืองที่ว่านี้ จึงเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองแทบทุกพรรคหมายมั่นปั้นมือมาโดยตลอด...

                                                                      -----------------------------------------------------

                และก็คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า แต่ไหน-แต่ไรมา สนามนี้แทบเรียกว่า...ถือเป็นของ พรรคประชาธิปัตย์ เขามาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคสมัยพระเจ้าเหา หรือ อาจารย์เสนีย์ ปราโมช ยังใส่กางเกงหูรูดทำนองนั้น จะมีสลับสับเปลี่ยน มี พรรคประชากรไทย ของ น้าหมัก หรืออดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ผู้วายชนม์ไปแล้ว หรือ พรรคพลังธรรม ของมหาบุรุษ คุณลุงจำลอง ศรีเมือง โผล่ขึ้นมาเบียดชิงในบางครั้ง บางช่วง บางระยะ แต่สุดท้ายประชาธิปัตย์เขาก็กลับมา เหมาหมด ซะทุกทีไป โดยหลังๆอาจมี เผาไทย สอดแทรกเข้ามาได้มั่ง ในบางจุด-บางพื้นที่...

                                                                        -----------------------------------------------------

                แต่มาคราวนี้...ดูเหมือนว่าจะมี ผู้ท้าชิง เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ ไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ ที่เห็นว่ากะจะกวาดเก้าอี้กันในระดับยกเขต ยกพื้นที่ โดยมีท่านนายกฯ บิ๊กตู่ นั่นแหละถือเป็น จุดขาย ล้วนๆ หรือ พรรคอนาคตใหม่ ของว่าที่นายกรัฐมนตรีของพวกเด็กๆ เขา ที่กะจะอาศัยความสด ความใหม่ อาศัย ทัศนคติและค่านิยมที่เปลี่ยนไป ของบรรดาผู้คนรุ่น 4.0 ทั้งหลาย ท้าชก ท้าชิง กับบรรดาพรรคเก่า พรรคแก่ นักการเมืองเก่า นักการเมืองแก่ แบบพร้อม ชกข้ามรุ่น โดยไม่คิดหวั่นน้ำหนักและศักดิ์ศรีใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                           ------------------------------------------------------

                ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น...อาจไม่ถึงกับโดดเด่นเป็นสง่า เท่ากับบรรดาพรรคที่เอ่ยถึงไปแล้ว คือประชาธิปัตย์ เพื่อไทย พลังประชารัฐ และอนาคตใหม่ ซึ่งพอจะมีขีดความสามารถในการไล่ฟัด ไล่บี้ ได้แบบพอสมศักดิ์ศรีกันตามสมควร แต่ถึงยังไงๆ...ถ้าว่ากันตามมาตรฐานร้านรับแทง หรือโต๊ะพนันที่กรุงลอนดอน และมาเลเซียก็ตาม ในการเลือกตั้งคราวนี้...สำหรับสนามใน กทม.แล้ว ก็น่าจะเป็น ประชาธิปัตย์ เขาอีกนั่นแหละ ที่ยังคงเป็น เต็งหนึ่ง  ระดับแทง 1 จ่าย 1 ตามด้วย เพื่อไทย ที่แทง 1 จ่าย 10 หรือจ่าย 5 ก็แล้วแต่จะว่ากันไป ขณะที่ พลังประชารัฐ และ อนาคตใหม่ ดูเหมือนน่าจะยังไม่มีร้านรับแทงรายใด ที่กล้าตั้งราคา หรือตั้งมาตรฐานเอาไว้ชัดๆ...

                                                                             ---------------------------------------------------

                แม้ว่า พลังประชารัฐ นั้น...จะมีอดีตนักการเมืองประชาธิปัตย์บางราย เข้าไปบริหารจัดการกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ต่อท่อดูดพญานาค ดูดเอาบรรดา ส.ก.-ส.ข.ของประชาธิปัตย์เข้ามาเป็น ตัวเลือก ได้เป็นจำนวนไม่น้อย แต่ก็คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า ส่วนใหญ่แล้ว...ผู้ที่ออกจากพรรคการเมืองนี้ มักจะ ไปแล้ว-ไปเลย คือไม่อาจกลับมาอาศัยฐานเสียง อาศัยหัวคะแนนเดิมได้เหมือนเก่า หรือถ้าหากไม่มี จุดขาย แบบ ฮาร์ดเซลส์ จริงๆ แล้ว แม้เพียงแค่โอกาสสอดๆ แทรกๆ เข้ามาบ้างในบางพื้นที่ ยังน่าจะลำบากมิใช่น้อย...

                                                                                ---------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าว่ากันถึง จุดขาย ของพลังประชารัฐแล้ว ก็คงเหลือแค่ บิ๊กตู่ ล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรงอกเงย แปลกใหม่พิสดารไปกว่าพรรคอื่นๆ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า...ความเป็น บิ๊กตู่ นั้น จะสามารถขายคน กทม. หรือขายผู้ที่อยู่ในศูนย์รวมศูนย์กลางอำนาจการเมืองไทย ได้มาก-น้อยขนาดไหน บรรดาชาว กทม.จะมีวิสัยทัศน์ มีปรีชาญาณยาวไกล ไปถึงระดับ ยุทธศาสตร์ 20 ปี กันเลยหรือไม่ อย่างไร หรือจะออกไปทาง วิสั้น แบบแค่เจอเข้ากับเรื่อง ฝุ่นพิษ เท่านั้น ก็จอดไม่ต้องแจว ก็น็อกกลางอากาศไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว นั่นยังไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ปฏิรูป อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย ที่คงต้องยอมรับว่าหนักไปทาง รูดไป-รูดมา จนบรรดาชาว กทม.เกิดการปรับตัวจาก กองหนุน ไปเป็น กองหลอน กันเป็นจำนวนไม่น้อย...

                                                                               -----------------------------------------------------------

                สำหรับตัวแข่งอีกตัวอย่างพรรคอนาคตใหม่นั้น...แม้ออกไปทางเด็กๆ หรือหนักไปทาง คบเด็กสร้างบ้าน-คบหัวล้านสร้างเมือง ก็ตามที แต่ด้วย จุดขาย ที่ออกจะ ฮาร์ด เอามากๆ ฮาร์ดชนิดคนแก่ หรือคนไทยแท้แต่ดั้งเดิมอาจหัวใจวายเอาง่ายๆ อันนี้...คงต้องจับตาเอาไว้อย่างเป็นพิเศษ เพราะถ้าว่ากันตามทฤษฎีของอาจารย์ เอนก แล้ว มันอาจเป็นตัวสะท้อนบางสิ่ง-บางอย่าง ซึ่งอาจไปไกลกว่าเรื่องชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของพรรคการเมืองแต่ละพรรคเอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                                                              --------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Churchill... Though your enemy seems a mouse, yet watch him like a lion.- แม้ศัตรูของท่านจะดูเหมือนหนู แต่จงเฝ้าดูเขาให้เหมือนดูราชสีห์...

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"