ทูลกระหม่อมฯ ทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ต้องช่วยกันปลุกไม่ให้โดนรังแก กองทัพส่งทหาร 8 นาย ประกบ "หัวหน้าวิเชียร" รักษาความปลอดภัยเข้ม ขณะที่ "เปรมชัย" รอดยาก เลขาฯ ศาลยกคดีขับรถพามือปืนไปยิงคนตายถือเป็นตัวการร่วมมีความผิดเท่ากัน ด้าน "สมัคร ดอนนาปี" แฉแหลกคนแวดวงป่าไม้ส่วนใหญ่ของปลอม โฆษณาผ่านสื่อจนสะอิดสะเอียน โกงได้กระทั่งเงินปลูกป่า
จากกรณีกลุ่มนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ลักลอบล่าเสือดำและ สัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก สร้างความตกตะลึงและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วนั้น
เมื่อคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ตอบผู้ที่เข้ามาถามในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ @nichax โดยผู้ที่ใช้บัญชีอินสตาแกรมชื่อ “yaiwoy” โพสต์ถามพระองค์ว่า “ในฐานะข้าพระพุทธเจ้าเป็นเพียงประชาชน จะทำอะไรได้บ้างในกรณีเสือดำ ทูลกระหม่อม”
พระองค์ทรงแสดงความคิดเห็นตอบกลับว่า “ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนไม่ให้โดนรังแก พวกเราต้องช่วยกันปลุกจิตสำนึกว่าไม่มีใครมีสิทธิเหนือคนอื่น อย่าลืมว่าประเทศนี้เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง”
สำหรับความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัช รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รอง ผบก.ปทส.) เปิดเผยว่า พยานที่จำเป็นต้องดำเนินการสอบปากคำขณะนี้ส่วนใหญ่ดำเนินการเสร็จสิ้นเกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนหลังจากนี้หากต้องมีการสอบปากคำพยานรายใดอีก คณะพนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 จะเป็นผู้พิจารณาเรียกไปสอบปากคำเพิ่มเติมภายหลัง
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิกล่าวว่า พยานอีก 1 ราย ที่ยังไม่ได้สอบปากคำคือ นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท อิตาเลียนไทยฯ เนื่องจากยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายเรียก นัดหมายให้มาพบในวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ หากยังไม่มา ก็จะพิจารณาออกหมายเรียกรอบสอง ก่อนพิจารณาออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายนพดลอาจติดต่อกลับมาในเร็ววันนี้ และอาจมาพบพนักงานสอบสวนก่อนถึงกำหนดนัดตามหมายเรียก
เชื่อ"เปรมชัย"ไม่หนี
ขณะที่ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) เปิดเผยว่า ในวันจันทร์นี้คณะพนักงานสอบสวนจะมีการนัดหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการสอบสวนว่ายังขาดตกบกพร่องในประเด็นใด หรือต้องสอบสวนพยานปากใดเพิ่มเติมอีก ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนไปดูแล และอาจต้องลงพื้นที่ไปดูสถานที่เกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง หากยังมีประเด็นที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนเรื่องพยานหลักฐานในคดีนี้ เนื่องจากมีจำนวนมาก ก็ได้จัดทำเป็นหมวดหมู่และทยอยส่งกองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบแล้วประมาณ 80-90%
สำหรับกรณีกระแสข่าวลือเรื่องนายเปรมชัยกับพวกที่อาจเดินทางหลบหนีออกช่องทางธรรมชาติไปแล้วนั้น ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ได้ประสานให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองช่วยสังเกตข้อมูลการเดินทางไว้แล้ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่านายเปรมชัยกับพวกยังไม่หลบหนี เนื่องจากมีกำหนดต้องไปรายงานตัวกับศาลทุกๆ 12 วัน
ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) ระบุถึงการสอบปากคำนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก โดยยืนยันเป็นการสอบปากคำพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาตั้งแต่ก่อนเข้าไปในป่า รวมถึงระหว่างการจับกุมและหลังจับกุม ซึ่งต้องระบุเหตุการณ์ที่เกิด ณ ตอนนั้นอย่างชัดเจน แต่รายละเอียดยังเปิดเผยมากไม่ได้ เกรงจะกระทบรูปคดี
เขายืนยันว่า ทุกอย่างที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนจะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ทั้งนี้ อยากฝากให้โฟกัสการทำงานของเจ้าหน้าที่มากกว่าการจับผิด เพราะรายละเอียดบางอย่างเป็นเรื่องอ่อนไหว
รายงานระบุว่า ประเด็นที่มีคนพยายามตั้งข้อสังเกตว่า นายวิเชียรรับสิ่งของแลกกับการเอื้อประโยชน์ให้กับนายเปรมชัยนั้น ทางตำรวจได้สอบปากคำประเด็นนี้เข้าไปอยู่ในสำนวนแล้ว ซึ่งต้องพิจารณาสาเหตุการรับว่ารับไปทำอย่างไร เบื้องต้นทราบว่ารับไปเพื่อประโยชน์ของการทำงานเจ้าหน้าที่ส่วนรวม และต้องพิจารณาว่านายวิเชียรรู้เห็น ทราบเรื่องตั้งแต่ต้นว่านายเปรมชัยจะเข้าไปก่อเหตุล่าสัตว์หรือไม่อีกด้วย
พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส. เปิดเผยว่ากรณีของนายนพดล ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสานอยู่ แต่ยังติดต่อไม่ได้ หากติดต่อได้จะเชิญตัวมาให้ปากคำ ซึ่งประเด็นคำถามจะขึ้นอยู่กับทีมพนักงานสอบสวน หลังจากนี้ หากเจ้าหน้าที่พบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกก็จะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ บก.ปทส. เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ไม่พบทีมพนักงานสอบสวนคดีนายเปรมชัยแต่อย่างใด พบเพียงเจ้าหน้าที่สิบเวรเข้าเวรดูแลความเรียบร้อยตามปกติ และสื่อมวลชนบางสำนักที่มาเฝ้ารอติดตามคดี
ไม่มีนโยบายย้ายวิเชียร
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยืนยันว่า กรมไม่มีนโยบายจะโยกย้ายนายวิเชียร เนื่องจากตนเองเป็นคนดึงนายวิเชียร มาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน เพราะเห็นว่าตั้งใจทำงาน เช่นเดียวกับนางกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษสัตว์ป่า ที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
ที่สวนรุกขชาติห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงคดีนายเปรมชัยว่า ในเบื้องต้นทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีการตั้งคณะติดตามคดีดังกล่าว ส่วนในเรื่องของการทำงาน จะมีการแบ่งทีมทำงานออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่หนึ่งคือการพบการกระทำความผิดในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการแจ้งดำเนินคดีกับนายเปรมชัย พร้อมพวก 3 คน และส่วนที่ 2 คือการตรวจสอบการเข้าพื้นที่ได้อย่างไร มีการละเมิดหรือละเลยหรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนของการทำงานของนายวิเชียร ที่ได้มีการละเว้นเก็บค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงิน 110 บาท ก็ได้มีการชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตนมองว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งในวันนี้จะขอทุ่มเทดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด สำหรับการดำเนินการต่อไปหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่คงจะต้องมีการประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย ในการตรวจสอบหาทะเบียนปืนที่ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในการล่าสัตว์ เพื่อจะได้ติดตามพฤติกรรม เป็นการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก
พล.ต.สนิธชนก สังขจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) กล่าวว่า พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) เข้าปฏิบัติภารกิจร่วมกับนายวิเชียร เพื่อปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งปกติแล้วทางกรมป่าไม้และหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าก็ได้ประสานการปฏิบัติภารกิจกันมาโดยตลอด เพื่อบูรณาการร่วมกันในการรักษาผืนป่า ป้องปรามบุคคลที่เข้ามาทำลายป่า และดูแลผืนป่าไม่ให้ถูกทำลาย
ด้าน พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ร.29/ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พล.ร.9 เปิดเผยว่า พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาค 1 และ พล.ต.สนิธชนก สังขจันทร์ ผบ.พล.ร.9 ได้สั่งการให้ดูแลพื้นที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด รวมทั้งช่วยเหลือสนับสนุนปฏิบัติการร่วมเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและอุทยาน ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ทหารได้บูรณาการร่วมกับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกและอุทยานมาโดยตลอด แต่หลังจากมีเรื่องยิงสัตว์ป่า ได้มอบหมายให้ พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า/รอง ผบ.ร.29 กำชับให้ทหารที่ดูแลรับผิดชอบในแต่ละจุดทั้ง 5 อำเภอแนวชายแดนไทย-เมียนมา เฝ้าระวังดูแลบุคคลที่เข้า-ออกประเทศอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ส่งทหาร 8 นายประกบ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทราบว่า พ.อ.พิเชษฐ์ได้ส่งทหาร 1 ชุด จำนวน 8 นาย เข้าไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับนายวิเชียร เพื่อร่วมตรวจสอบบุคคลต่างๆ ที่เข้า-ออกในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ อย่างละเอียด รวมทั้งคอยดูแลความปลอดภัยให้นายวิเชียรและเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกนาย โดยทหารจะไปเข้าปฏิบัติการร่วมแบบบูรณาการด้วย
นอกจากนี้ พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ยังสั่งการให้ ร.ต.หาญชัย ตาคำ ผบ.หมวด ลว.ฉก.ลาดหญ้าที่ 2 นำกำลังไปสมทบกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เดินทางไปที่บ่อขยะของเทศบาลตำบลทองผาภูมิ พื้นที่หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ ที่มีพื้นที่กว่า 30 ไร่ เพื่อช่วยกันค้นหาถุงดำ ซึ่งถุงดำดังกล่าวคาดว่าอาจจะเป็นถุงใส่ซากสัตว์ป่าบางชนิดที่กลุ่มของนายเปรมชัย ซุกซ่อนเอาไว้
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่นำถุงดำออกมาจากจุดเกิดเหตุและวางเอาไว้ที่ สภ.ทองผาภูมิ ต่อมาถุงดำได้หายไปจำนวนหนึ่ง และมาทราบภายหลังว่ามีผู้มาเก็บขยะและได้นำไปทิ้งที่บ่อขยะดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันค้นหาอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งพบถุงดำต้องสงสัยจำนวน 4 ถุง เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้ เพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 นำไปตรวจหารอยนิ้วมือแฝง เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนในคดีต่อไป
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง ถูกต้อง และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยขอให้ยึดมั่นในคุณงามความดี ไม่ท้อถอย และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นและคนรุ่นหลังต่อไป
โฆษกรัฐบาลยังกล่าวว่า นายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ โดยหากพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำผิดจริง ผู้กระทำผิดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและถูกลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น เช่นเดียวกับการปกป้องและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ซึ่งเห็นได้จากนโยบายทวงคืนผืนป่า การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับป่า การจัดเก็บรายได้เข้าชมอุทยานเพื่อนำไปดูแลทรัพยากรธรรมชาติได้มากขึ้น หรือแม้แต่การเพิ่มจำนวนสัตว์ป่า เช่น ช้าง และเสือโคร่ง ในธรรมชาติมากขึ้น
"สมัคร" แฉแหลก
นายสมัคร ดอนนาปี อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ในแวดวงป่าไม้สายนักวิชาการที่ยังรับราชการอยู่ บุคคลที่สมควรยกย่องว่าเป็นมือปราบผู้เสียสละและมุ่งมั่นในการป้องกันปราบปรามด้านป่าไม้จริง ๆ นั้น ผมการันตีได้แค่ 3 คนเท่านั้น คือ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม กรมป่าไม้ นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ กรมอุทยานฯ และนายวิเชียร ชิณวงษ์ กรมอุทยานฯ นอกนั้น ของปลอมทั้งสิ้น
บางคนทำเหมือนว่า รักป่าไม้จนสุดลิ่มทิ่มประตู ทวงคืนผืนป่า โฆษณาผ่านสื่อจนผมสะอิดสะเอียน ทั้งที่ตัวเองบุกรุกป่าสงวน หรือแม้แต่ของบประมาณไปปลูกป่า ก็ไม่ปลูกจริง มีแต่ลมกับลม ชอบเกาะ ชอบโหนกระแส หัวหน้าอุทยานฯ ก็เลยไม่มีผลงาน บางคนแทบช้ำใจตาย ไปตรวจยึดจับกุมให้รอก่อน จะได้ออกหน้า
เขาระบุว่า ไม่แปลกใจเลยว่าช่วงแรกๆ ที่มีข่าวจับกุมคุณเปรมชัยที่ทุ่งใหญ่ ไม่มีใครเอ่ยถึงคุณวิเชียร ผมเองยังโพสต์ลงเฟซบุ๊กดักคอคนเกาะกระแสไว้ว่า กรมอุทยานฯ ต้องเร่งดำเนินการเปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ และมอบบำเหน็จรางวัลให้เป็นพิเศษ แต่ขอร้องอย่าใส่ชื่อข้าราชการป่าไม้ที่ไม่ได้ร่วมเข้าจับกุมเพื่อเสนอหน้าอีก เพราะจะมีการแย่งซีนกันเป็นประจำอยู่แล้ว หวังว่ากรมอุทยานฯ น่าจะพิจารณาความดีความชอบ หรือ พิจารณาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับนายวิเชียร และนายประวัติศาสตร์ ที่มุ่งมั่นทำงานด้วยความเสียสละ เหน็ดเหนื่อยจนสุดกำลัง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและแบบอย่างที่ดีให้เพื่อนข้าราชการป่าไม้หันกลับมาดูแลรักษาป่าอย่างแท้จริงเสียที
นอกจากนี้ นายสมัครยังเปิดเผยเรื่องความไม่ชอบมาพากลในกรมอุทยานฯ อีกหลายอย่าง เช่น พนักงานกรมอุทยานฯ ยังไม่ได้รับเงินเดือน ก่อนหน้านี้เงินเดือนจะต้องได้รับ 9,000 บาท แต่ถูกหักเหลือเพียง 7,500 บาท แต่ไม่มีใครกล้าทักท้วงเพราะเกรงว่าจะถูกไล่ออกจากงาน
และยังแฉอีกว่า กรณีที่อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ที่ปรึกษาบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ ขอไฟเขียวนายเปรมชัย ไม่ต่างอะไรกับอธิบดีใช้อำนาจนำคณะอบรมคณะใหญ่หลายสิบคนเข้าพักและใช้บริการฟรีที่เขาใหญ่ แต่ละคนตำแหน่งใหญ่โต เงินเดือนสูงๆ ทั้งนั้น การอบรมก็มีงบประมาณ แต่ยังใช้ของฟรีอยู่ดี แบบนี้น่าจะประณามหรือไม่
"ถ้ากรมอุทยานฯ ลงโทษคุณวิเชียร (กรณีไม่เก็บค่าธรรมเนียม 110 บาท) จริง ก็บ้าไปแล้ว ผมก็จะถามว่า ที่อธิบดีใช้อำนาจให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ปีๆ หนึ่งกี่ร้อยกี่พันคน เข้าอุทยานฯ และที่พักฟรี เสียรายได้ไปมหาศาล โดยเฉพาะกรณีการฝึกอบรมหลักสูตรใหญ่ระดับประเทศที่มีแต่ผู้บริหารระดับสูง เงินเดือนสูงๆ ไปดูงานเข้าและพักอุทยานฯ เขาใหญ่มรดกโลกฟรี มีจัดเลี้ยง ใครจะเป็นคนลงโทษ" นายสมัครระบุ
ตัวการร่วม
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะนักกฎหมาย ได้ให้ความเห็นทางกฎหมายทั่วไปเกี่ยวกับการดำเนินคดีนายเปรมชัยว่า ตามกระบวนการทางกฎหมาย ต้องพิจารณาสำนวนจากพนักงานสอบสวนว่ามีการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยระบุพฤติการณ์อย่างไร ว่าเป็นลักษณะผู้กระทำผิด ตัวการที่ร่วมรู้เห็น เป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด หรืออยู่ในเหตุการณ์ที่ร่วมสนับสนุน ยกตัวอย่างคดีสองบุคคลขี่รถจักรยานยนต์ไปยิงผู้อื่นเสียชีวิต โดยคนซ้อนท้ายรถเป็นมือปืน ซึ่งคนขี่รถก็อยู่ในเหตุการณ์และพาไป ถ้าจะอ้างไม่รู้เห็นถือเป็นข้อต่อสู้ที่กล่าวอ้าง แต่ถ้าข้อเท็จปรากฏว่ามีส่วนร่วม ก็อาจเข้าข่ายความผิดหากมีพฤติการณ์เป็นตัวการร่วม หรือเป็นผู้ใช้ให้ทำ โทษจะเท่ากับมือปืน แต่หากเป็นผู้สนับสนุนโทษจะลดหลั่นลงมา ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหาแต่ละคน ส่วนพยานหลักฐานที่ปรากฏทางสื่อ อาทิ ลักษณะการสวมใส่เสื้อผ้าเฉพาะ การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ก็ถือเป็นพยานหลักฐานหนึ่ง
เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาในคดีลักษณะนี้มีโอกาสที่ศาลจะพิจารณารอการลงโทษหรือไม่ นายสราวุธตอบว่าการพิจารณาคดีต่างๆ นอกจากพยานหลักฐาน ศาลจะดูพฤติการณ์ความร้ายแรง สภาพแวดล้อม สภาพสังคม ใช้ประกอบการพิจารณาด้วย ส่วนความเสียหายในคดีนี้อัยการสามารถยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคดีอาญาได้ ซึ่งหน่วยงานรัฐถือเป็นผู้เสียหาย
ส่วนกระแสข่าวว่านายเปรมชัยเดินทางไปแนวชายแดน อาจเดินทางออกนอกประเทศนั้น เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมระบุว่า นายเปรมชัยได้รับการปล่อยตัวในชั้นฝากขังโดยไม่มีเงื่อนไขประกันตัว ก็สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่ในทุกคดีหากเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่อาจหลบหนี พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอกำหนดเงื่อนไขได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ขณะนี้ก็ต้องรอให้นายเปรมชัยมาตามนัดรายงานตัวครบกำหนดฝากขังครั้งแรก แต่หากไม่เดินทางมาโดยไม่มีเหตุผลสมควร ก็จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทำการออกหมายจับ
ส่วนที่นักกฎหมายหลายคนมองว่าความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มีอัตราโทษไม่หนัก เทียบเท่ากับความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2559 นั้น นายสราวุธเห็นว่า กฎหมายจะบังคับใช้โดยพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี หากพบข้อบกพร่องในการบังคับใช้กฎหมาย ยกตัวอย่างคดีคนเก็บของเก่านำซีดีมือสองไปวางขาย มีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งขณะนั้นมีการกำหนดโทษปรับสูงถึงหลักแสนบาท จึงมีการกำหนดบทลงโทษให้มีความเหมาะสม
บังคับใช้ กม.เสมอภาค
“บางครั้งเรื่องความรุนแรงของกฎหมาย ถ้าคนไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย มาตรการในการกำหนดโทษ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ป้องกันยับยั้งไม่ให้คนกระทำผิด ให้คนเกรงกลัวต่อการกระทำผิด แต่ทั้งนี้การจะแก้ไขกฎหมายก็จะต้องดูในระบบสากลด้วยว่ามาตรฐานทั่วโลกเป็นระดับไหน มีมาตรการอย่างไรบ้าง ผมคิดว่ากฎหมายเป็นเรื่องปลายทาง สิ่งสำคัญก็คือคนในสังคมต้องตระหนักและเรียนรู้ก่อนว่าควรต้องช่วยกัน ถ้าคนในสังคมช่วยกันก็ย่อมดีกว่าการแก้ไขปัญหาทีหลัง สมมติว่าถ้ามีคนเข้ามาและมีท่าทางจะล่าสัตว์ โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ต้นให้ออกไป เนื่องจากเป็นเขตป่า จะมาล่าสัตว์ไม่ได้ เหตุร้ายก็ไม่เกิด เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ต้องทำตามกฎหมาย หากผู้สั่งการใช้อำนาจสั่งการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่ต้องปฏิบัติตาม เพราะเป็นการสั่งโดยผิดกฎหมาย”
นอกจากนี้ นายสราวุธระบุว่า ในการพิจารณาคดีของศาล จะบังคับใช้กฎหมายโดยเสมอภาค ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีฐานะอย่างไร ปฏิบัติเหมือนกันหมดไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มีสองมาตรฐาน ประกอบกับในยุคปัจจุบันมีการใช้โซเชียลมีเดีย บทลงโทษทางสังคมก็มีผลกระทบต่อผู้กระทำด้วย
นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เผยว่า หากนายวิเชียรถูกดำเนินคดี ตนในฐานะเป็นทนายความ ขออาสาเป็นทนายความให้ จะได้พิสูจน์กันว่าคนสั่งการเป็นใครที่จะต้องรับผิดตัวจริง การสอบสวนควรสอบสวนข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ โดยสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏว่าใครเป็นผู้สั่งการ อย่าเบี่ยงเบนประเด็น อย่าทำคดีแบบแก้เกี้ยวตัดตอนลักษณะเช่นนี้ เพราะมันจะทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ การสืบสวนสอบสวนแบบนี้แหละที่ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน ชาวบ้านเขาจึงเรียกร้องต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์รูปภาพและข้อความ "เกียรติศักดิ์ผู้พิทักษ์สัตว์ป่า (Warden)" ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ระบุว่า
"ในฐานะอดีตอธิบดีกรมป่าไม้และเป็นผู้ให้กำเนิดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และยังปฏิบัติหน้าที่อธิบดีคนแรก ที่สำคัญที่สุดในฐานะเพื่อนตายของทุกๆ คนในส่วนงานที่ทำหน้าที่อนุรักษ์และพิทักษ์ชีวิตของสัตว์ป่า ขอแสดงความชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่และขอแสดงความเคารพต่อการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวเผชิญหน้ากับนักล่าที่มีอาวุธในครอบครอง (แถมยังมีอิทธิพลอีกด้วย)
พวกคุณทั้งหลายคงจะได้สัมผัสความชื่นชมความสนับสนุนและความเคารพที่สังคมได้มอบให้กับพวกคุณอยู่ในขณะนี้ ขอให้ภูมิใจให้เต็มที่ ขอให้มุ่งมั่นทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด
ถลกหนัง"ปลอดประสพ"
อะไรคือปัญหา ทำไมประเทศพุทธศาสนาเช่นไทยยังมีคนไม่กลัวบาปกรรม ยังคิดฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่อีก ความเมตตาหมดไปแล้วหรือ ทำไมความพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ อบรมบ่มนิสัยให้คนไทยอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าจึงไม่บังเกิดผล ทำไมคนร่ำรวยที่มีฐานะสูงส่งในสังคมยังกล้าทำอะไรตามใจชอบ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของสังคม ทำไมระบบอุปถัมภ์ลูบหน้าปะจมูกยังสามารถดำรงอยู่ได้อย่างเบ่งบาน เช่นไม่ได้รับอนุญาตก็เข้าไปจนได้ ไม่ให้นอนในที่หวงห้าม ก็จะนอนให้ได้ ไม่ให้มีอาวุธ ก็กล้านำพาเข้าไป และที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามทำร้ายและฆ่าล่าสัตว์ แต่กูก็จะทำ (มันอะไรกันวะ)
ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ THAI Forest Ranger ซึ่งเป็นเพจพิทักษ์ป่า มีแฟนเพจกว่า 3 หมื่นคนติดตาม ได้แชร์ความเห็นของนายปลอดประสพ พร้อมย้อนนายปลอดประสพว่า "คนนี้เลยครับ...บิดาของระบบ" ความไม่พอใจนายเปรมชัยได้ขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่บริเวณริมถนนมิตรภาพช่วงเข้าตัวเมืองพิษณุโลก ตรงข้ามกับปั๊มน้ำมัน ปตท. อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้นำป้ายไวนิลมาติดเพื่อประณามสาปแช่งผู้เกี่ยวข้องที่เข้าไปล่าสัตว์ยิงเสือดำในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่นำป้ายมาติดเอาไว้คือ นายบุญ ชาติพาณิชย์ อดีตเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พร้อมข้อความระบุว่า สัตว์ป่าทุกชนิดเกิดในแผ่นดินไทย มีสิทธิ์อยู่ในป่าไทย เศรษฐีคนนั้นจิตใจต่ำทราม โหดร้ายอำมหิต ฆ่าเสือดำที่สวยสง่างามในป่าและสัตว์อื่นเพื่อพวกมันกิน เทวาฟ้าดินจะลงโทษให้พวกเขาเป็นโรคมะเร็งตายทุกคน ตายช้าๆ ไม่ให้หนักแผ่นดิน เขาเอาคนต่างชาติมาร่วมกอบโกยจนร่ำรวย คือ คนขายชาติ หนักแผ่นดิน ผมลูกจีนคนเลี้ยงช้างในประเทศไทย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังนายบุญ ได้รับการเปิดเผยว่า แผ่นป้ายไวนิลดังกล่าวตนเองเป็นผู้นำมาติดไว้ในที่ดินของตนเอง หลังจากได้ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีกลุ่มคนเข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมตัวในที่สุด และพบว่าหนึ่งในนั้นมีเสือดำถูกยิงและจับถลกหนังชำแหละเป็นซากทิ้งไว้เป็นภาพที่น่าสลดหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ตนรู้สึกโกรธมากที่เห็นคนเข้าป่ามาล่าสัตว์
นายกิติพงษ์ วงค์สาม นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาชีววิทยา คณะวิทยาลัยพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพะเยา ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพะเยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 ก.พ. ทางเครือข่ายได้นัดจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดีต่อนายเปรมชัย ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยจะมีการสวมหน้ากากเสือดำ เพื่อระลึกถึงเสือดำที่ถูกฆ่า และกระดาษโพสต์อิท เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า พร้อมให้กำลังใจผู้ที่พิทักษ์ปกป้องผืนป่าของชาติให้ทำหน้าที่ต่อไปอย่างกล้าหาญ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |