03 ก.พ.2562 - น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ป.ป.ช.อย่าเป็นองค์กรฟอกผิดให้นักการเมือง” มีเนื้อหาว่า จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายเรื่อง นโยบายระดับประเทศและการปฏิรูปประเทศ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในงานเปิดโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 10 เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 62 นายวิษณุ กล่าวยกตัวอย่างความหมายของการทุจริต ที่ประชาชนมักสับสน ซึ่งได้อ้างอิงกรณีนาฬิกาว่า
”หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องของการทุจริต แต่กฎหมายได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แต่หากไม่ยื่น ก็ไม่ทุจริต แต่ผิดที่ไม่ได้ยื่น ซึ่งการโยงไปสู่การทุจริตหรือไม่ สุดท้ายเป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวน”
คดียืมนาฬิกาเพื่อนตามที่นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องการทุจริต แค่ผิดเพราะไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเท่านั้น นายวิษณุคงไม่ได้ติดตามข่าวที่ว่า ป.ป.ช.เสียงข้างมาก 5:3 ได้มีมติยุติการสอบสวนไปแล้ว และมีมติว่านาฬิกาที่ พล.อ. ประวิตรสวมใส่ 20 กว่าเรือนนั้นยืมเพื่อน และเมื่อยืมเพื่อนก็ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน เป็นอันไม่มีความผิดจากการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน เหลือเพียงแต่ว่า ป.ป.ช.จะมีมติให้มีความผิดฐานรับผลประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นเงินเกิน 3,000บาทหรือไม่เท่านั้น ใช่หรือไม่
การสอบสวนของ ป.ป.ช.ถูกตั้งคำถามว่าเป็นการฟอกผิดให้ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ด้วยประเด็นดังต่อไปนี้
1) การสอบสวนคดีนาฬิกาจะโยงไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่นั้น ประการแรก ป.ป.ช.ต้องไม่เชื่อว่านาฬิกาเหล่านั้นเป็นการยืมจริง แต่เป็นทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ้าแนวการสืบสวนเป็นไปในทิศทางนี้ ก็อาจจะสามารถสืบสวนสอบสวนลงลึกว่าการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน อาจจะเข้าข่ายเป็นการทุจริต รับสินบน ซึ่งเป็นเหตุให้ร่ำรวยผิดปกติได้ ใช่หรือไม่ แต่เพราะ ป.ป.ช.ตั้งธงเชื่อว่านาฬิกาเหล่านั้นไม่ใช่ของ พล.อ.ประวิตร แต่เป็นนาฬิกาที่ยืมจาก นายปัฐวาท ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ได้ว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของนายปัฐวาท ที่เสียชีวิตไปแล้วใช่หรือไม่
ป.ป.ช.ได้ใช้อำนาจปัดคดีดังกล่าวออกไปจากสารบบการตรวจสอบ ทั้งที่นาฬิกาดังกล่าวถูกนำเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และ พล.อ.ประวิตรไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงจนสิ้นสงสัยว่านาฬิกาเหล่านั้นไม่ใช่ของตน ซึ่ง ป.ป.ช. ต้องสอบสวนต่อไปว่านาฬิกาเหล่านั้นเกี่ยวพันกับการรับสินบน หรือร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
2) เมื่อ ป.ป.ช.เชื่อว่านาฬิกาไม่ใช่ทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร แต่ยืมคนอื่นมาใช้ และตัดสินว่าการยืมไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งน่าจะเป็นมติที่ขัดต่อวิธีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ ป.ป.ช.เคยวางระเบียบเอาไว้ว่า ทรัพย์สินที่มาจากการกู้ยืมแม้ไม่ใช่การยืมที่เป็นเป็นทางการก็ต้องแจ้งใช่หรือไม่
นาฬิกามูลค่ากว่า30ล้านบาทที่ พล.อ.ประวิตรครอบครองอยู่ หากเป็นการยืม ก็ต้องแจ้ง เพราะการยืมทำให้เกิดทั้งทรัพย์สินและหนี้สินในเวลาเดียวกัน เช่น การกู้ยืมเงินมา30ล้านบาทก็ต้องลงบัญชีในฝั่งทรัพย์สิน 30ล้านบาท และลงบัญชีในฝั่งหนี้สิน 30ล้านบาท ก็เป็นการหักลบทรัพย์สินและหนี้สินออกไปใช่หรือไม่
ขอให้ดูตัวอย่างคดีหนี้สิน 45 ล้านบาทของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ที่ ป.ป.ช.ในอดีตไม่เชื่อว่ามีการกู้ยืมจริง และป.ป.ช.ได้สืบสวนจนพบว่าบริษัทที่อ้างว่าให้ พล.ต.สนั่น กู้ 45 ล้านบาทนั้น ไม่ได้มีการลงบัญชีให้กู้ในงบดุลของบริษัทแต่อย่างใด พล.ต.สนั่นจึงถูกตัดสินว่าจงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นเท็จ มีผลให้ถูกตัดสิทธิการดำรงตำแหน่ง 5 ปี
เมื่อนาฬิกามูลค่า 30 ล้านบาทอยู่กับ พล.อ.ประวิตรย่อมเป็นทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่ หากจะอ้างว่าไม่ใช่ทรัพย์สินของตน ก็ต้องหาหลักฐานมาแสดงจนสิ้นสงสัยว่านาฬิกาเหล่านั้นเป็นของใคร หากหาหลักฐานไม่ได้ นาฬิกาเหล่านั้นก็ยังเป็นทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นความผิดฐานปกปิดการแจ้งทรัพย์สิน และหนี้สิน และยังอาจจะนำไปสู่การสอบสวนในเรื่องความร่ำรวยผิดปกติต่อไปได้ ใช่หรือไม่
การที่ ป.ป.ช.ตั้งธงคดีนี้ว่านาฬิกาทั้งหมดไม่ใช่ทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร แต่เป็นทรัพย์สินที่ยืมมา และใช้อำนาจปิดคดีโดยไม่ตรวจสอบต่อ และยังใช้อำนาจเกินเลยหรือไม่ ที่ชี้สวนทางกับกฎหมายและระเบียบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินว่าถ้าเป็น”การยืม” ก็ ”ไม่ต้องแจ้ง”นั้น จะถือได้หรือไม่ว่าเป็นการปัดคดีเพื่อฟอกผิดให้ พล.อ.ประวิตร ทั้งในฐานความผิดที่ปกปิดการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และยังเป็นการยุติการสืบสวนต่อไปในคดีร่ำรวยผิดปกติ ที่มีทั้งโทษจำและโทษปรับรวมทั้งการตัดสิทธิการดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีอีกด้วย ใช่หรือไม่
3) ป.ป.ช.ตั้งธงปัดคดีนี้ให้อย่างสุดลิ่ม แม้ว่าไม่มีหลักฐานใดๆบ่งชี้ว่านาฬิกาที่นำเข้ามาโดยผิดกฎหมายเป็นของใคร แต่ ป.ป.ช.ก็ช่วยอธิบายให้เสร็จสรรพว่าที่เชื่อว่านาฬิกาทั้งหมดเป็นของนายปัฐวาท เพียงเพราะว่านายปัฐวาทเป็นนักสะสมนาฬิกา และมีนาฬิกาจำนวนมากอยู่ในบ้านโดยไม่มีหลักฐานอื่นใดที่บ่งบอกว่านาฬิกา 19-22 เรือนนั้นเป็นของนายปัฐวาททั้งหมด ใช่หรือไม่
คนตายแล้วย่อมพูดไม่ได้ ทำให้ ป.ป.ช.สามารถโยนบาปให้นายปัฐวาทว่าเป็นผู้นำเข้านาฬิกาโดยผิดกฎหมาย และให้ พล.อ.ประวิตร ยืมไปใส่เป็นปีๆ แม้ตายแล้วก็ไม่ต้องคืน เพราะทายาทไม่พร้อมรับคืน ป.ป.ช.ออกตัวมาชี้แจงสังคมแก้แทนให้ โดยขาดความสำนึกว่าองค์กรของตนถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐมิให้ใช้อำนาจในการทุจริตประพฤติมิชอบ ใช่หรือไม่
ถ้านายปัฐวาทมีชีวิตอยู่ย่อมมีความผิดทั้งทางอาญาที่ลักลอบนำเข้านาฬิกาโดยไม่เสียภาษี ที่ต้องถูกลงโทษทั้งจำและปรับตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 มาตรา 27 และนาฬิกาทั้งหมดต้องถูกยึดให้ตกเป็นของแผ่นดิน แม้นายปัฐวาทเสียชีวิตไปแล้ว แต่ชื่อเสียงที่เสียหายย่อมตกเป็นของครอบครัวนายปัฐวาท ใช่หรือไม่
4) แม้ ป.ป.ช.จะปัดคดีด้วยเหตุผลที่รับฟังไม่ขึ้นและขัดต่อสามัญสำนึกของวิญญูชนแล้ว แต่การยืมนาฬิกาที่มีมูลค่าเรือนละเป็นแสนเป็นล้านบาทมาสวมใส่เป็นปีๆ ย่อมเข้าข่ายเป็นการรับผลประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นเงินเกิน 3,000 บาทหรือไม่ ควรที่ ป.ป.ช.จะมีมติประเด็นนี้ได้อย่างรวดเร็ว ใช่หรือไม่ แต่ ป.ป.ช.ก็ไม่ตัดสินในประเด็นนี้ และปล่อยเวลาล่วงเลยเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ทั้งที่การพิจารณาเรื่องการรับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาทหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นซับซ้อน แต่ก็มีการถ่วงเวลานานเกินสมควร แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพและทำงานไม่คุ้มค่าเงินเดือนสูงๆที่ประชาชนจ่ายให้ ใช่หรือไม่
และย่อมทำให้เกิดข้อสงสัยต่อมาว่าคนเหล่านี้ถูก คสช.ต่ออายุให้เป็น ป.ป.ช.ต่อไป ทั้งที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ คสช.ให้ยกร่างขึ้นมานั้น จะมิกลายเป็นว่าการตั้งคนเหล่านั้นให้อยู่ในอำนาจต่อไปเพื่อมาใช้อำนาจขององค์กรปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อปกป้องและฟอกผิดให้ผู้มีอำนาจไม่ต้องรับผิด หากมีการกระทำความผิด ใช่หรือไม่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |