วันที่ 3 กพ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.กทม.  ร่วมแถลงนโยบาย”ยกระดับ...ชีวิตจริงคนกรุงเทพฯ” ที่บริเวณลานหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม 

โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สรุปได้ว่า “กรุงเทพฯ ต้องน่าอยู่ สวย สะอาด เป็นเมืองแห่งโอกาส เป็นเมืองแห่งความปลอดภัย”  ด้วย10 นโยบายจากหลายเรื่องที่สำคัญ โดยเรียงลำดับตามกิจกรรมของชีวิตประจำวัน อาทิ ต้องมีการปรับเปลี่ยนรถเมลทั้งระบบ เข้าสู่ระบบสมาร์ท บัส(  “Smart Bus” ) สะอาดไร้ฝุ่น มลพิษ โดยเปลี่ยนรถเมล์ในกทม.และปริมณฑล จำนวนร่วม 5,000 คัน ให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้าภายใน 7 ปี ส่วนรถร่วมของเอกชน รัฐจะสนับสนุนส่วนต่างของต้นทุนให้ โดยมีเงื่อนไขว่าค่าโดยสารจะต้องคงเดิม นอกจากนี้ยังจัดให้มี รถแท็กซี่สมาร์ท (  “Smart Taxi” ) ทำรถส่วนตัวที่มาให้บริการจากแอพพลิเคชั่นให้ถูกกฎหมาย ทำขั้นตอนในการออกใบอนุญาตให้ง่ายขึ้น และผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการง่าย และถูกกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย“แผงลอยสีฟ้า ดีมีคุณภาพ” สะอาด ปลอดภัย ทำเลดี มีที่จอด ห้องน้ำสะอาด เป็นศูนย์รวมแผงลอยคุณภาพ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่เกะกะทางเดินเท้า  ด้วยการนำสถานที่หรือที่ดินของภาครัฐและเอกชนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่สามารถนำมาจัดสรรให้ผู้ค้าเข้าทำประโยชน์ ค้าขายในราคาถูกให้กับประชาชน โดยนำเรื่องสิทธิประโยชน์ด้านภาษีมาเป็นแรงจูงใจโดยเฉพาะภาษีที่ดิน รวมถึงจูงใจด้วยมาตรการเดียวกันเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวสำหรับพื้นที่รกร้างของภาคเอกชนด้วย และอาจจะทบทวนลดขนาดพื้นที่หน่วยงานภาครัฐ หลายหน่วยงานสามารถย้ายออกไปจากกทม.ได้ เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวมาเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น  ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยลดปัญหาฝุ่นพิษ พร้อมทั้งเร่งรัดนำสายไฟทุกประเภท จำนวน 191.18  กิโลเมตร ลงใต้ดินภายในปี 2565 รวมถึงมีการลอกท่อระบายน้ำทั่วกทม.ทุก 6 เดือนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างทั่วถึง 

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคยังมีนโยบายสร้างกทม.เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับการบริหารจัดการที่ดี  โดยจะปรับปรุงให้มีสิ่งอำนวยความสะอวด และให้ผู้ประกอบการและชุมชนมีส่วนร่วม บางพื้นที่อาจมีการกำหนดข้อยกเว้นพิเศษ เช่นให้เป็นถนนคนเดินบางช่วงเวลา สะดวก ปลอดภัย ห้องน้ำสะอาด 

นอกจากนี้ยังมีนโยบายการทำงานของกทม.ที่จะสามารถเข้าไป ปรับปรุงถนนส่วนบุคคลที่มีประชาชนจำนวนมากสัญจรไปมาและอาศัยอยู่บริเวณนั้น อีกทั้งจะให่มีการจัดทำแอพพลิเคชั่น“City OK”  เพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหา พร้อมอำนวยความสะดวกในการติดต่อหน่วยงานของกทม.และภาครัฐอื่น ทั้งในการยื่นขอใบอนุญาต การร้องเรียนปัญหาอย่างสะดวกและโปร่งใส หน่วยงานของรัฐมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น

สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในแฟลตการเคหะแห่งชาติ พรรคมีนโยบายให้สิทธิผู้เช่านำไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินการได้ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้เช่าไม่สามารถนำสิทธิ์ดังกล่าวไปกู้ยืมเงินในภาวะจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน

“พรรคได้จัดทำนโยบายเหล่านี้ เพราะเข้าใจชีวิตจริงของคนกรุงเทพ ไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศ แต่เราได้รวบรวมจากความต้องการและปัญหาที่คนกรุงเทพที่ประสบมาตลอด  ประกอบกับวิสัยทัศน์และวิธีแก้ไขของผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ 30 คน และทีมนโยบายของพรรคฯด้วย ซึ่งเรายังมีนโยบายด้านอื่นๆเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับคนทั้งประเทศด้วย ตอนนี้ได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของพรรคแล้ว ประชาชนสามารถเข้าไปดูได้ และผู้สมัครทุกคนจะนำไปชี้แจงในแต่ละพื้นที่ด้วย”นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่วนเรื่องแนวทางการแก้ปัญหาขยะในกทม.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าในเบื้องตนเป็นความรับผิดชอบของกทม.โดยตรง ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดความสับสนว่าการเปิดตัวนโยบายครั้งนี้เป็นเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. อย่างไรก็ตามตนมองว่าในเรื่องการกระจายอำนาจ เรามีการเสนอให้การบริหารจัดการกทม.เป็นหน่วยงานท้องถิ่น2 ระดับ คือ ระดับใหญ่ โดยกทม.ต้องทำงานร่วมกับจังหวัดเขตปริมณฑล และระดับท้องที่ ปัจจุบันเรื่องการจัดเก็บและการกำจัดขยะมีกทม.เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด แต่ตนคิดว่าควรเป็นหน้าที่ของท้องถิ่นระดับล่าง ขณะที่ท้องถิ่นระดับบนจะมีหน้าที่ทำนโยบายภาพรวมเรื่องการกำจัดขยะว่าควรใช้เทคโนโลยีใดเข้ามา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(4 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันแรกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครส.ส.ระบบเขตทั่้วประเทศ  ในส่วนของกทม. นายอภิสิทธิ์ได้นัดหมายกับคณะว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 30 เขตให้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าสำนักงานเขตดินแดง ถนนมิตรไมตรี เวลา 07.00น. เพื่อเดินเท้าไปยังอาคารกีฬาเวสน์2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อทำการสมัครลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ จากนั้นจะแยกย้ายลงพื้นที่ของตนเองโดยไม่มีขึ้นรถแห่แต่อย่างไร