วิบากกรรม (นายกฯ) บิ๊กตู่ ไต่อยู่บนเส้นลวดการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

   สปอตไลท์กำลังฉายจับไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทันทีว่าการพูดจากิริยาท่าทีจะปรับเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อตอบรับพรรคพลังประชารัฐที่จะเสนอชื่อในบัญชีเป็นนายกรัฐมนตรีภายในไม่เกิน 8 กุมภาพันธ์นี้      

                รัฐธรรมนูญ 2560 ได้โรยกลีบกุหลาบไว้ให้แล้วสำหรับเดินไปสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศอย่างสะดวก หลังจากครองอำนาจมาแล้ว 5 ปี นับแต่เข้าก่อรัฐประหารเมื่อปี 2557

                หากแผนการนี้ประสบความสำเร็จ ก็เท่ากับว่า ”บิ๊กตู่” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองไทยที่เป็นผู้นำรัฐบาลต่อเนื่องยาวนานถึง 9 ปี

                เหนือกว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ แค่ 8 ปี 5 เดือน

                พิเคราะห์จากสถานการณ์คลื่นลมและฝุ่นพิษทางการเมืองโดยรอบแล้ว ดูจะไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

                มิพักต้องกล่าวถึงการตอบคำถามต่อสื่อมวลชนและสังคมของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ทำไม 5 ปีที่ผ่านมา คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังปฏิรูปประเทศไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะอ้างว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ กับ คสช.เลยก็คงไม่ได้ เพราะชื่อพรรคก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นพวกเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์

        อุตตม สาวนายน – สุวิทย์ เมษินทรีย์ – สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ – กอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลมาต่อเนื่อง

                เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยากลงจากหลังเสือ ก็จำเป็นจะต้องประคองตัวเองช่วงเปลี่ยน ผ่านทางการเมือง ด้วยความระมัดระวังมิให้ผิดพลาดเป็นอันขาด

                แม้รัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้ คสช.และรัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ซึ่งจะเปิดรับสมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ รวมทั้งการเสนอบัญชีนายกฯ จากพรรคต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ ความสุจริตและความชอบธรรมจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะได้ใจของประชาชน และเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด    

                ดังนั้น กกต.และประชาชนในฐานะกรรมการตัดสินย่อมไม่ต้องการเห็นการเอารัดเอาเปรียบ เพราะความไม่สุจริตและเที่ยงธรรมเกิดขึ้น

                “บิ๊กตู่” จะอธิบายอย่างไรเมื่อสถานะหนึ่งคือ หัวหน้าคณะรัฐประหาร (คสช.) มีมาตรา 44 เป็นดาบอาญาสิทธิ์อยู่เป็นศัตราวุธ ซึ่งควรจะเป็นกรรมการตัดสินที่เที่ยงธรรม ส่งต่อการเลือกตั้งให้พรรคการเมืองพิสูจน์ตัวเอง แต่ “บิ๊กตู่” กลับกระโดดลงสนามเลือกตั้งเป็นผู้เล่นเสียเอง เพื่อจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง

                ขณะที่ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ จากพรรคต่างๆ ไม่มีกลไกรัฐ ไม่มีอำนาจสั่งการข้าราชการและอนุมัติงบประมาณ ไม่มีสื่ออยู่ในมือ แต่ “บิ๊กตู่” กลับมีสิ่งเหล่านี้อยู่เต็มพิกัด

                อีกทั้ง “บิ๊กตู่” ก็พูดชัดเจนว่า จะไม่ยอมลาออกจากนายกฯ หรือหัวหน้า คสช.ตามที่นักการเมืองหลายคนและหลายพรรคตะโกนเรียกร้อง

                นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกับสื่อ เมื่อเช้าวันที่ 31 มกราคม ว่าจะเชิญ กกต.มาหารือที่ทำเนียบรัฐบาลตอน 13.30 น. ถึงระเบียบแบบแผนในการวางตัวของข้าราชการ รัฐมนตรีและนายกฯ เพื่อจะได้เป็นแบบแผนเดียวกัน พร้อมออกมาเป็นข้อกำหนดในการวางตัวช่วงเลือกตั้ง แต่ขึ้นกับทาง กกต.ที่จะเสนอมาอย่างไรด้วย

“พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถหาเสียงได้ทั้งในและนอกเวลาราชการ” นายวิษณุกล่าว

วันเดียวกัน นักการเมืองน้องใหม่อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนา

คตใหม่ ให้สัมภาษณ์ทางช่องทีวีออนไลน์แห่งหนึ่งระหว่างการลงพื้นที่ จ.ระนอง ถึงสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ นับจากวันนี้อีก 50 กว่าวัน จะถึงการเลือกตั้ง ศักดิ์ศรีเราเท่ากัน     

                “ผมก็เป็นแคนดิเดตเบอร์ 1 ของพรรคอนาคตใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นแคนดิเดตเบอร์ 1 พรรคพลังประชารัฐ เราสองคนศักดิ์ศรีในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ ของประเทศไทยเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะดีเบตกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในการบริหาร ถ้ามีหน่วยงานไหนหรือองค์กรไหนสามารถจัดให้ได้ ผมพร้อมที่จะไป”

                ไม่เพียงแต่นายธนากรเท่านั้น ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็น

                คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัยชาติ สิทธิพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย

                นายจาตุรนต์ ฉายแสง จากพรรคไทยรักษาชาติ

                 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์

                นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย

                พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวส จากพรรคเสรีรวมไทย

                คนเหล่านี้ลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อและถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต่างพร้อมจะดีเบตในทุกเวทีกับ พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่มาดีเบตด้วย และไม่อาจไปปรากฏตัวบนเวทีเพื่อปราศรัยหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐเหมือนกับพรรคอื่นๆ

                แค่จะให้สัมภาษณ์นอกเวลาราชการเพื่อหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐก็ยังเกรงจะขัดต่อกฎหมาย

                อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกนำมาวิเคราะห์วิจารณ์ว่า การเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์มีภาษีเหนือคู่แข่ง เนื่องจากมีอำนาจเลือกคนมาเป็น ส.ว. 250 คน และ ส.ว.เหล่านี้จะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ เพียงหา ส.ส.มาเพิ่มอีก 126 เสียงเท่านั้น ก็ได้เสียงเกินครึ่งของ ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน

                อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐควรจะเผื่อใจไว้กับความผิด หวังบ้างก็จะดี

                จริงอยู่ มี ส.ว.ในมือ 250 คน เป็น “ของตาย” แต่ในด้านกลับกันก็อาจเป็น “จุดตาย” ได้เช่นกัน

                ประการที่หนึ่ง หากเลือก ส.ว.ที่มีแต่ทหารเหมือนตอนเลือก สนช.ก็จะได้คนที่ไม่เหมาะสมกับได้ชื่อว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย นอกจาก ส.ว.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นสมอง เป็นมือเป็นไม้ เป็นปากเป็นเสียงเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยังจะกลายเป็น “ตัวถ่วง” ให้ พล.อ.ประยุทธ์จมดิ่งเร็วขึ้น

ประการที่สอง คสช.แต่งตั้ง ส.ว.ด้วยตัวเอง เป็นรูปธรรมของการมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน ขัดเจตนารมณ์กฎหมายทั่วโลก   

ไม่นับการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ชาวบ้านอุตส่าห์เลือก ส.ส.มา แต่เสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ กลับไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกนายกฯ เพราะบทบาทไปตกอยู่ที่ ส.ว. 

ความไม่ชอบธรรมในประเด็นนี้จะถูกโจมตีอย่างรุนแรง เมื่อเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ชีวิตของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต่างไปจากการไต่อยู่บนปากเหว เผชิญวิกฤติหนักขึ้นทุกที  

ด้านหนึ่งนั้น สิ่งที่ทำไว้กับนักการเมืองและฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ทำรัฐประหาร กำลังตามมาหลอกหลอน อีกด้านหนึ่ง ยังหาสมัครพรรคพวกคอยสนับสนุนช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองได้ยากยิ่ง

                ที่คิดจะพึ่ง ครม. สนช. กรธ. กรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ อย่างแต่เดิมดูจะเป็นสิ่งเลื่อนลอย โดยเฉพาะ ส.ว. 250 คน ถ้าเลือกเอาแต่พวกพ้อง ไม่มีสมอง ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง สังคมไม่รู้จักและไม่ยอมรับ อภิปรายและให้สัมภาษณ์สื่อไม่เป็น ก่อเรื่องอื้อฉาว ย่อมจะซ้ำเติม พล.อ.ประยุทธ์ให้ทรุดต่ำลง

ผู้แทนปวงชาวไทยที่สวมเสื้อ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ก็สมควรจะถูกตราหน้าว่าเป็น “ส.ว.ลากตั้ง” หรือฝักถั่ว

                เส้นทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต่างจากนักไต่ลวด ชีวิตอยู่ในความเสี่ยง พลาดเมื่อใด ตกมาตายได้ง่ายๆ.

                                                                                                                                                ทีมข่าวการเมือง

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"