ไม่ออก!มึงมาไล่ดูสิ บิ๊กตู่เดือดสบถ!ก่อนขอโทษพปชร.ถือขันหมากขึ้นบัญชี


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" ของขึ้น ลั่นไม่ลาออก ท้า "มึงมาไล่ดูสิ" อ้าง "โอบามา-สี จิ้นผิง" เทียบยังไม่ทิ้งเก้าอี้ รธน.ตั้งแต่ 2475 ถึงปัจจุบันก็ไม่กำหนดให้ลาออก ย้อนถามใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธีฯ หยัน "มาร์ค" เลือกตั้ง 54 ยังแพ้ "ปู" ด้าน "อภิสิทธิ์" สวนกลับไม่มีรธน.ฉบับไหนให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มปลดประธาน กกต.ได้ ขณะที่ 4 แกนนำ พปชร.ยื่นเอกสาร-นโยบายเทียบเชิญ "บิ๊กตู่" กลางทำเนียบฯ เจ้าตัวขอเวลาตัดสินใจก่อนวันที่ 8 ก.พ. พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกพรรค "เต้น-อ๋อย" เย้ยแค่ฉากลิเก กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง 

    เมื่อเช้าวันศุกร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในช่วงท้ายระหว่างเป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล ว่าหลักการที่ตนจะพิจารณาว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการรับหรือไม่รับให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ เรื่องการรับหรือไม่รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมือง อยู่ที่นโยบายของพรรคนั้นว่าตนโอเคหรือไม่ ถ้าตนโอเค มีการปรับแก้อะไรบางอย่างที่ให้เกิด ในวิธีการที่ถูกต้อง ก็ต้องขอปรับแก้ ถ้าอย่างนี้อยู่กันได้ ถ้ามันแก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมาแล้ว
    "ส่วนหลักการที่ต้องพิจารณาว่าต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ จำคำพูดของผมไว้ ทั่วโลกที่เป็นระบอบประชาธิปไตย สังคมนิยม ผู้นำรัฐบาลไม่เคยมีใครลาออกเพื่อการเลือกตั้ง เช่น นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ลงชิงตำแหน่งครั้งที่สอง หรือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีใครลาออกหรือไม่ ตอบมาสิ อย่าไปเขียนอย่างนี้อีก หลักการมันเป็นอย่างนี้ รัฐธรรมนูญ กฎกติกา และธรรมเนียมปฏิบัติหรือมารยาทเกี่ยวกับเลือกตั้งทั่วโลก ไม่มีกฎหมายใดบอกว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อมีตำแหน่งบริหารอยู่ด้วยต้องลาออก อย่าเอาอย่างอื่นมาบังคับตนมากเลย มันต้องดูประเทศชาติว่าเป็นอย่างไร รวมถึงหลักการว่าอย่างไร"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ปี 2475 ถึงปัจจุบัน ไม่มีกำหนดว่าให้นายกฯ ต้องลาออก และในทางปฏิบัติจริง ไม่เคยมีผู้ใดลาออกขณะเลือกตั้งเลยใช่หรือไม่ การเลือกตั้งปี 54 ใครเป็นนายกฯ ลาออกหรือไม่ ก็ไม่ออก แล้วไปหาเสียง ครม.สัญจรด้วยตนยังไม่ทำเลย ไม่ได้ไปแบบเขา เพราะยังไม่ได้ไปร่วมกับพรรคการเมือง ต้องดูอีกทีว่าทำได้หรือไม่ด้วย การเลือกตั้งปี 57 นายกฯ อีกคนกับ ครม.ลาออกหรือไม่ ก็ไม่ออก อย่ามาพูดส่งเดช ใครที่ออกไปเพราะเรื่องปลากระป๋อง มันมีความผิดก็ออกไป ส่วน 4 รมต.ในรัฐบาลนี้ที่ลาออกไป ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยเขาขอลาออก เพราะอยากไปทำงานการเมืองเต็มตัว ทั้งที่เขาอยู่ได้ตามกฎหมาย
    "อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี๋ยวมาไล่นายกฯ ออก ก็กฎหมายว่าอย่างนี้ มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก การที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพ้การเลือกตั้งปี 54 ในการแข่งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไมแพ้ล่ะ เป็นรัฐบาลหรือเปล่า ทำไมแพ้ แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นมา ขึ้นอยู่กับรัฐบาลมีผลงานหรือไม่ หากไม่มี ประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ก็ไปหวังในสิ่งใหม่ๆ ที่เขาพูดออกมา จริงบ้างไม่จริงบ้าง นั่นคือการเมืองไทย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายกฯ กล่าวว่า นักกฎหมายในสังคมอื่นประเทศอื่น เขาเคารพกติกา เขาไม่มาถกเถียงกันในเรื่องเหล่านี้ แต่บ้านเมืองเราเวลาจะพูดอะไรสักอย่างไม่มองตัวเอง เคยพูด เคยทำอะไรที่เสียหายไว้บ้าง พูดแต่ว่าจะทำๆ ไปคิดเอาเอง ชี้นิ้วมาแต่ที่ตนเสมอว่าทำผิดไม่เคารพกฎหมายและกติกา เพื่อประโยชน์ใคร ก็เพื่อส่วนตัวทั้งสิ้น
    "4 รมต.ของผมออก เขาไม่ได้ออกเพราะผมไปกดดัน ผมรู้ว่ากฎหมายไม่ต้องลาออก อยากให้เขาทำงานแต่เขาจะไปทำพรรคการเมืองก็ต้องปล่อยเขาไป ผมก็ต้องหาคนทำแทนให้ได้ แล้วอย่ามาคิดว่าลาออกเพราะกลัว เขาไม่ได้กลัวท่านหรอก อะไรที่พูดๆ มา เสร็จแล้วก็มากดดันนายกฯ กดดันผมไม่ได้ ผมเคารพกฎหมาย" 
ใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธีฯ 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องรัฐบาลรักษาการและรัฐบาลอำนาจเต็มต่างกันตรงเรื่องห้ามโยกย้ายข้าราชการโดยไม่จำเป็น ผมก็ดูอยู่ ไม่จำเป็นก็ไม่อยากย้าย รวมถึงห้ามใช้งบประมาณผูกพัน เว้นแต่ที่จำเป็น ซึ่งรัฐบาลผมทำได้ในกรณีเร่งด่วน ถ้าไม่เร่งด่วนผมไม่อยากใช้ กรณีที่ห้ามจัดทำงบประมาณในรัฐบาลรักษาการอย่างคราวที่แล้วเมื่อปี 57 เขาลาออกหรือยุบสภาอะไรสักอย่าง ตอนนั้นงบประมาณถึงใช้ไม่ได้ ทำงบประมาณปี 58 ก็ไม่ได้ จะไม่มีเงินจ่ายข้าราชการและโครงการทั้งหมด นั่นแหละปี 57 ที่ผมเข้ามา ที่ต้องเร่งงบเพื่อให้ใช้จ่ายได้และทำงบปี 58 ให้ได้ ผมถึงต้องเข้ามา เพราะไม่มีวิธีการอื่นที่จะแก้ปัญหานี้ได้ 
    "วันนี้รัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 264, 265 สั่งผมคือนายกฯ และหัวหน้า คสช. ต้องอยู่ต่อจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ ลาออกไม่ได้ ถ้านายกฯ ลาออก ครม.ต้องลาออกทั้งหมดถ้าผมลาออกก็ไปหมดเลย แล้วใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธีฯ ใครจะอยู่ทำสิ่งที่ผมพูดทั้งหมด เข้าใจหรือยัง อย่ามาถามอีกนะ ไม่ต้องมาไล่ผมหรอก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถนัดพบกับแกนนำพรรค พปชร.เพื่อสอบถามนโยบายต่างๆ ได้หากเขามาเชิญคงจะสอบเรื่องนโยบาย มันไม่ใช่ เป็นการคุยเรื่องพรรค แต่เป็นการคุยกับคนที่มายื่นเรื่อง แต่หลังจากนายกฯ รับคำเชิญของพรรค พปชร.แล้วจะร่วมประชุมกับพรรคไม่ได้ เพราะมีสถานะเป็นข้าราชการการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในหรือนอกเวลาราชการ
     ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จ.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีต กกต. กล่าวถึงกรณีที่ พปชร.จะเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบฯ ว่า เป็นการไม่เหมาะสม เพราะถือว่าเป็นการใช้สถานที่ราชการ และใช้เจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลและอำนวยความสะดวก จึงขอให้ กกต.ส่งสัญญาณเตือน หาก กกต.ไม่เตือน ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ควรที่จะใช้สถานที่อื่น เช่น บ้าน หรือนอกรั้วทำเนียบรัฐบาล หากยังใช้ทำเนียบฯ จะเป็นปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะท่านเป็นข้าราชการการเมืองซึ่งจะต้องวางตัวเป็นกลาง 
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ถามว่าทำไมตนถึงเลือกตั้งแพ้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แปลกใจมากว่ามาพาดพิงพวกเราทำไม เพราะท่านจะลาออกหรือไม่ลาออกก็เป็นสิทธิของท่าน ไม่มีสปิริต เป็นสิทธิของท่าน แต่ไม่มีสิทธิมาโกหกบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด ท่านมาบอกว่าตั้งแต่รัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2475 ไม่บังคับให้ลาออก ตนอยากบอกว่าก็ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนเช่นกันที่ให้อำนาจนายกฯ และหัวหน้า คสช.มีอำนาจเต็ม ไม่เหมือนกับรัฐบาลในช่วงรักษาการ และมีอำนาจมากกว่ายุคไหน เพราะในปี 2554 ตนไม่มีสิทธิ์ปลด กกต. หรือสั่งให้แบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไรก็ได้ โดยไม่เป็นไปตามหลักการของกฎหมายอย่างแน่นอน 
    "เรื่องการแพ้เลือกตั้งนั้น ผมยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และปี 2554 ที่ผมเป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้เอาเปรียบ แต่ขอถามว่า พฤติกรรมของรัฐบาลท่านช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และที่จะทำต่อไป คิดจะเอาเปรียบการเลือกตั้งหรือไม่ การเมืองต้องมีมาตรฐาน ธรรมาภิบาล แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว 
    ขณะเดียวกัน ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์เป็นประธานการประชุม โดยมีระเบียบวาระพิจารณานโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียง และพิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ โดยที่ประชุมกก.บห.จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เพียงคนเดียว
ขอเวลาถึงวันที่ 8 ก.พ.
    เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนพบอดีต 4 รัฐมนตรี พปชร. ถึงกรณีที่ใช้วาจาไม่สุภาพในการแถลงผลงานว่า ที่เมื่อเช้าพูดไม่เพราะนั้น ขอโทษด้วยแล้วกัน เพราะบางทีก็เผลอไผลไปบ้าง เราก็ไม่ได้ว่าทุกคน แต่คนที่ไม่ดีก็มีอยู่ ซึ่งคงหมายความถึงเรื่องนั้นมากกว่า บางทีก็อารมณ์ขึ้นบ้าง แต่เราพูดด้วยเหตุด้วยผล ก็ต้องขอโทษด้วย    
    จากนั้นแกนนำ 4 พรรค พปชร. ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เทียบเชิญขอให้รับพิจารณาอยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคจะเสนอเป็นนายกฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ท่าทางเป็นนักการเมืองกันเต็มตัวเลยนะ ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง 
    นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลก็คือรัฐบาล ต้องแยกกันให้ออก สิ่งที่ตนอยากจะฝาก ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม อะไรคุยกันได้ อะไรคุยกันไม่ได้ อยากจะขอร้องทุกพรรค ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก ทุกพรรคการเมืองตนคาดหวังในเรื่องการสร้างความปรองดอง พรรคแห่งความสมานฉันท์และความสามัคคี ทุกคนก็สามารถพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐได้ การหาเสียงก็ระวังกันหน่อยนะ เพราะพวกท่านเป็นรัฐบาลมาก่อน มันอาจจะกระทบกระทั่งกันได้ ก็ขอให้พยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น 
    จากนั้น นายอุตตมได้ยื่นหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมแฟ้มเอกสารนโยบายพรรคพปชร.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายอุตตมกล่าวว่า มีนโยบายมากกว่า และมีเรื่องการปฏิรูปด้วย ในนามของพรรค พปชร. อยากเชิญท่านนายกฯ และขอเสนอนโยบายของพรรคให้ท่านได้พิจารณา ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดดูนโยบายในเอกสาร พร้อมสอบถามว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐได้คุยกับพรรคอื่นๆ บ้างหรือไม่ เขาทำแบบที่พรรคพลังประชารัฐทำหรือเปล่า 
    ด้านนายสุวิทย์กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้เริ่ม แต่มีแนวคิดดังกล่าว ขณะที่นายสนธิรัตน์กล่าวว่า นโยบายของพรรค พปชร.เป็นรูปธรรมที่สุด และคิดว่าตรงกับสิ่งที่นายกฯ คิดจึงได้มาเชิญ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามกลับไปทั้ง 4 คนว่า มั่นใจแล้วนะ โดยทั้ง 4 คนตอบว่า มั่นใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ตื้นตัน ขอบคุณทุกคนและสมาชิกพรรคที่ให้เกียรติ ผมจะรับไว้พิจารณา และยังมีเวลาอีกหลายวันอยู่ ได้ถึงวันที่ 8 ก.พ.ใช่ไหม ถ้าผมตัดสินใจอย่างไรจะตอบกลับไป ขณะเดียวกัน หลายพรรคก็มีการพูดจา ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคน ใครจะมาพบผมก็อนุญาตให้พบได้ ขอบคุณ"
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลขอให้สื่อมวลชนออกจากห้อง ก่อนที่ทั้ง 4 คนจะลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหน้าห้องผู้สื่อข่าว โดยนายอุตตมกล่าวว่า บรรยากาศการพูดคุยวันนี้ดีมาก ส่วนแนวโน้มแล้วคาดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับหรือไม่นั้น เราตอบในส่วนของนายกฯ ไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรค เราคาดว่านายกฯ จะพิจารณารับคำเชิญของพรรค ขอให้นายกฯ พิจารณาก่อน อย่าเพิ่งไปพูดว่านายกฯ จะไม่รับ พรรคมีความพร้อมสำหรับทุกเหตุการณ์ แต่วันนี้จะให้ไปพูดก่อนคงไม่เหมาะสม ต้องให้เกียรตินายกฯ พิจารณา
    เมื่อถามถึงเสียงท้วงติงที่นายกฯ ใช้สถานที่ราชการต้อนรับทั้ง 4 คนนั้น นายอุตตมกล่าวว่า เราได้ประสานกับคณะทำงานของนายกฯ และได้รับแจ้งให้เข้าพบเพื่อเทียบเชิญที่สถานที่ทำงานหลังเวลาราชการ ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้ฝากบอกว่าพร้อมต้อนรับทุกพรรค ไม่ได้เจาะจงพรรคใดพรรคหนึ่ง  
    นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษก พปชร. กล่าวว่า ตนรู้สึกตื่นเต้น เพราะเดี๋ยวจะมีคนมาแย่งกับเรา คงต้องลุ้นกันอีกประมาณ 1 สัปดาห์
เย้ยแค่ฉากลิเกไม่ตื่นเต้น
    ทางด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ตนเชื่อว่าจะไม่มีใครในประเทศตื่นเต้น แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกอะไร เป็นฉากลิเกที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจัดฉากเล่นมาตลอด ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับ เท่ากับการหาเสียงให้ พปชร.นี้แล้ว 24 ชม.ใช่หรือไม่
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ ทษช. กล่าวว่า เป็นการแสดงให้ดูเหมือนมีเงื่อนไข จะได้พูดได้ว่าจะไปร่วมพรรคไหน ต้องดูก่อนว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ความจริงกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง เพราะเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายสั่งการให้รัฐมนตรีของตนเองไปตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาตั้งแต่ต้น
    ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิก ทษช. มายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.61 ขอให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการที่นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้า พปชร. ก่อนที่จะเป็นสมาชิกพรรคนั้น เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 16 หรือไม่ ขอฝากเตือนให้ พล.อ.ประยุทธ์ทบทวนอย่างรอบคอบก่อนรับคำเชิญจาก พปชร.ที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ โดยยังมีเวลาให้คิดถึงวันที่ 8 ก.พ.
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรับขันหมากจาก พปชร.หรือไม่ จะเป็นจุดหักเหที่สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ขอแนะนำว่า ขอให้ยุติในขณะที่ท่านยังไม่บอบช้ำมากกว่านี้ ตนไม่ได้กลัวท่านในสนามการเลือกตั้งแม้แต่เพียงสักนิดเดียว สนามการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ พวกตนสู้ท่านไม่ได้ แต่ในสนามการเลือกตั้งสนามประชาชน ท่านเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอมากที่สุด 
    นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงการนำนายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ ว่า พรรคเพื่อชาติมีนโยบายจะทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นสากลใช้เป็นการทั่วไป ถ้าเรากระบวนการสอบสวนใหม่สืบสวนได้พยานหลักฐานใหม่ แล้วคนตัดสินหรืออะไรต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยึดอำนาจ ตนเชื่อด้วยใจบริสุทธิ์ว่านายกฯ ทักษิณก็อยากกลับมา
    นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวว่า การเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์เพิ่งเป็นนักการเมือง แต่เป็นนักการเมืองมาตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 ที่ยึดอำนาจ ครอบอำนาจมา 5 ปี แล้วยังจะเอาต่อ ความเห็นตน ไม่ใช่ออกจากนายกฯ หัวหน้า คสช. แต่ควรจะออกจากการเมืองไทยไปได้แล้ว
    ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีการประชุม กก.บห. เพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯ ที่สมาชิกทั่วประเทศได้แสดงความเห็นผ่านเว็บไซต์ โดยเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เข้ามาเพียงชื่อเดียว จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเป็นเอกฉันท์เสนอนายอนุทินเป็นบัญชีนายกฯ เพียงรายชื่อเดียว 
    น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กลาวว่า ไม่มองว่าเป็นความได้เปรียบหรือเสียเปรียบ และหาก พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับ พปชร. ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าควรลาออกจากตำแหน่ง แต่ส่วนตัวมองว่ากรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อแตกต่างจาก 4 รัฐมนตรี รวมถึงนายกฯ หากลาออกจะกระทบกับรัฐมนตรีทั้งคณะ และไม่มีใครสามารถบริหารบ้านเมือง 
     พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวถึงการวางตัวของกองทัพหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์แสดงท่าทีชัดเจนลงสนามการเมืองว่า ในฐานะของกองทัพ ไม่ขอพูดเรื่องนี้ เพราะกองทัพต้องวางตัวเป็นกลาง และตนก็ยืนอยู่ตรงนี้มาตลอด. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"