อดีตผู้พิพากษาฯเตือนบริวารทักษิณระวังคุก!


เพิ่มเพื่อน    


1 ก.พ.62 -  นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า.....นักการเมืองที่เป็นบริวารของนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศในระหว่างหาเสียงว่า จะพานายทักษิณกลับบ้านและจะแก้แค้นให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องคดีจำนำข้าวที่ถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจ 
.....ขอทบทวนเรื่องของนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์เพื่อเตือนความจำจะได้ไม่หลงเชื่อตามที่บริวารของนายทักษิณกล่าวอ้าง
.....สำหรับนายทักษิณถูกพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ขณะนายทักษิณไปประชุมองค์การสหประชาชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 
.....หลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรคการเมืองของนายทักษิณได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในต้นปี 2551 นายทักษิณได้กลับเมืองไทยคงจำภาพที่นายทักษิณนั่งลงกราบพระแม่ธรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิกันได้
.....นายทักษิณถูกอัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในข้อหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในกรณีที่ให้ภริยาซื้อที่ดินบริเวณถนนรัชดาภิเษกจากกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
.....นายทักษิณต่อสู้คดีโดยมีทนายความชื่อนายพิชิต ชื่นบาน และเกิดกรณีมีการนำเงินใส่ถุงกระดาษไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ศาล ต่อมาเมื่อศาลทำการไต่สวนเรื่องที่เกิดขึ้นมีการอ้างว่า เข้าใจผิดหลงลืมคิดว่าเป็นถุงใส่ขนมที่ตั้งใจนำไปฝากเจ้าหน้าที่ศาล นายพิชิตถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน
.....นายทักษิณคงเห็นวิ่งเต้นไม่สำเร็จจึงได้ขออนุญาตศาลเดินทางไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีนเมื่อปลายปี 2551 ต่อมาศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกนายทักษิณ 2 ปี และนั่นคือเหตุที่นายทักษิณต้องระเหเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศจนกระทั่งปัจจุบันนี้
.....นายทักษิณสามารถเดินทางกลับมาเมืองไทยได้ตลอดเวลา แต่นายทักษิณไม่กลับมาเอง เพราะถ้ากลับก็ต้องถูกจับตามหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้ว่าคดีที่ดินถนนรัชดาภิเษกจะขาดอายุความไปแล้ว (คือจะจำคุกนายทักษิณ 2 ปี ตามคำพิพากษาของศาลไม่ได้แลเหมายจับของคดีนี้ก็ใช้จับไม่ได้แล้ว) แต่ยังมีหมายจับในคดีอื่นที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลกำลังพิจารณาอยู่อีก 4 คดี บางคดีก็จะไต่สวนพยานเสร็จเร็วๆ นี้
.....ดังนั้นที่บริวารของนายทักษิณอ้างว่า จะนำนายทักษิณกลับมาเพื่อเจรจากันให้ยุติข้อขัดแย้งทั้งปวงนั้น จะเจรจากับใครเพราะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และคดีที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดินไม่มีใครสามารถเจรจากับนายทักษิณได้ การกล่าวอ้างของบริวารดังกล่าวจึงเป็นการกล่าวเท็จเพื่อหลอกลวงประชาชนเท่านั้น
.....ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญอันเนื่องมาจากการสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แล้วย้ายพลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาดำรงตำแหน่งแทน เพื่อแต่งตั้งพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาของนายทักษิณขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
.....เมื่อ คสช. ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินในวันที่ 22 พฤษคม 2557 นางสาวยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ที่บริวารของนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์อ้างว่า นางสาวยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะถูก คสช.ยึดอำนาจ จึงเป็นการกล่าวเท็จเพื่อหลอกประชาชนเช่นเดียวกัน

.....กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี ในคดีที่เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวเป็นผลมาจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นหัวหน้าทีม หลังจากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำการไต่สวนและส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
.....ศาลได้มีการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยโดยให้โอกาสนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่แล้ว และการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนซึ่งอยู่ในสำนวนคดีนี้ โดยไม่มีผู้อำนาจคนใดหรือกล่าวให้ชัดคือ คสช.หรือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเกี่ยวข้องหรือสั่งการให้กลั่นแกล้งนางสาวยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
.....การที่บริวารของนายทักษิณกับนางสาวยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ผู้มีอำนาจกลั่นแกล้งนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เท่ากับเป็นการกล่าวหาว่า องค์คณะผู้พิพากษา 9 ท่าน ที่พิจารณาพิพากษาคดีนี้กลั่นแกล้งนางสาวยิ่งลักษณ์นั่นเอง ซึ่งน่าเข้าข่ายมีความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"