1ก.พ.62-นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เปลี่ยนรัฐบาลทหารเป็นรัฐบาลนักบริหารมืออาชีพ เปลี่ยนความสงบแบบยอมจำนนต่อทุกข์ เป็นความสงบสุขที่มีอนาคตและความมั่นคงจากนักบริหารมืออาชีพ วันที่ 24 มีนาคม ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจาก รัฐบาลทหาร มาเป็น รัฐบาลนักบริหารมืออาชีพ เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจ ซึ่งคิดเป็น ทำได้ และเคยทำสำเร็จมาแล้ว
ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 โดยขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อจากนั้น คือ นายทหาร พาเหรดกันออกจากกรมกองเข้ามานั่งในตำแหน่งบริหารในคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการบริหารหน่วยงานทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจ กลายเป็น รัฐบาลโดยทหารเต็มรูปแบบ
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การบริหารประเทศด้วยวิธีคิดและการจัดการแบบทหาร มีข้ออ้างถึงความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นประเด็นหลักในการแก้ไขปัญหา โดยไม่ได้เข้าใจถึงสภาวะความเป็นอยู่ที่แท้จริงของพี่น้องประชาชน สภาพเศรษฐกิจไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ต่อเนื่องและขาดการจัดการอย่างเป็นระบบ
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสังคมเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันที่มีความผันผวนซับซ้อนส่งผลกระทบถึงประเทศเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชัดเจนที่สุด คือ การจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน การควบคุมตัวผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.นับร้อยคน รวมทั้งมีการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง จนกระทั่งมีรายงานของสหประชาชาติจัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 38 ของประเทศที่มีวิธีปฏิบัติ น่าละอาย เช่น ใช้กำลังอย่างเกรี้ยวกราดและขู่เข็ญบุคคลในเรื่องสิทธิมนุษยชน
การกำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี ก็เป็นยุทธศาสตร์ที่สืบเนื่องจากงานประจำพึ่งพิงแต่กลไกของภาคราชการ แต่กลับไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์วิกฤตที่เข้ามาแบบฉุกเฉินได้ เช่น กรณีภัยพิบัติจากฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น
ดังนั้น เราจึงได้เห็นการประกาศแผนการประเทศไทย 4.0 เฉพาะแต่ในกระดาษ แต่กลับได้เห็นการปฏิบัติที่ชัดเจน สะท้อนการจัดการที่ไม่เป็นธรรม วิธีการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนด้วยการใช้บัตรคนจน ซึ่งนำเงินงบประมาณของรัฐส่งให้กลุ่มทุนใหญ่โดยผ่านมือคนจน เราจึงได้เห็นการตั้งงบประมาณผูกพันเกินกว่า 3 ปี ด้วยวงเงินกว่าแสนล้านของกระทรวงกลาโหม และที่ได้เห็น ได้รับฟังจากพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ทุกระดับ คือ ความรู้สึกสิ้นหวัง ฝืดเคือง อยู่ในสภาวะของสังคมที่ถูกทำให้สงบ จำนน ด้วยความทุกข์ ทุกหย่อมหญ้า
วันนี้ทีมเพื่อไทยเราพร้อมที่จะเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย เพื่อสร้างและคืนรายได้ให้ประชาชนกลับมามีเงินใช้เต็มกระเป๋า ด้วยการเพิ่มพลังเกษตรกรไทยให้สามารถขายสินค้าได้ราคาดี
เพิ่มพลังเอสเอ็มอีให้มีความพร้อมบุกตลาดโลกด้วยเทคโนโลยี เพิ่มพลังการส่งออกด้วยความเชี่ยวชาญในเวทีโลกของทีมเพื่อไทยซึ่งเราเป็นหนึ่งไม่รองใคร
เพิ่มพลังรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ที่นำนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากระจายรายได้ทุกจังหวัด และเพิ่มพลังคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างเถ้าแก่ใหม่ทั่วประเทศ
โดยนโยบายดังกล่าวจะดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ ไทยทำ ไทยทันสมัย ไทยเท่า ไทยเชื่อมไทย ไทยเชื่อมโลก และไทยยั่งยืน24 มีนาคม เลือกทีมเพื่อไทย ให้เข้าไปช่วยเปลี่ยนสังคมไทยจากความสงบภายใต้ “รัฐบาลทหาร”ที่ทำให้เราต้องยอมจำนนต่อทุกข์ เป็นสังคมที่มีความสงบสุข มีอนาคตจากนักบริหารด้านเศรษฐกิจมืออาชีพที่พิสูจน์ฝีมือตนเองมาแล้ว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |