ไทยในมิติที่ "ไม่มองกันเอง"


เพิ่มเพื่อน    

    มันใช่เลย.....!
    ที่ผู้ว่าฯ กทม. "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" พูดกลางเมืองเมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๒)
    "ผมไม่รู้เรื่องแก้ฝุ่น อยากเชิญผู้มีความรู้เรื่องบินโดรน และการแก้ปัญหาฝุ่นมาร่วมแสดงความเห็นกับผมวันนี้ เวลา ๑๔.๐๐ น. ที่ศาลาว่าการ กทม.
    เราทำ คิดว่ามันต้องดีขึ้น ถ้าเราไม่ทำ ก็ว่าเราอยู่เฉยๆ ทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรกันเลย 
    มาบอกผม ผมเป็นคนทำ ผมไม่รู้ทุกเรื่องหรอก คิดแล้วมาบอกเราให้ทำ ไม่ใช่บอกตามสายลม”
    แล้วเมื่อวาน.... 
    ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้เฉพาะทาง ผู้ประกอบการ และผู้รับเหมาใน กทม.
    กว่า ๓๐๐ คน พรึ่บ..เต็มห้องประชุม
    นี่แหละไทย ที่คนทั้งโลกทึ่ง 
    มีปัญหาเมื่อไหร่ จากไทยกัดกัน จะแปรสภาพเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่เรียก "ไทยสามัคคี" ในบัดดล
    ขนาดยังไม่ทันลงมือ แค่เห็นไทยคนละไม้คนละมือผนึกใจสู้ฝุ่น ชาวพาราบอก จมูกโล่งขึ้นเยอะ
    กระบวนการปราบฝุ่นใต้ธงอัศวินชุดนี้ ออกปฏิบัติการเมื่อไหร่ จะได้ผลหรือไม่ได้ผลขนาดไหน
    ผมเชื่อ ในเมื่อชาวบ้านได้ใจการทำงาน ก็จะไม่มีใครติดใจในประเด็นนั้น 
    เพราะทุกคนรู้......
    มันเป็น "ปัญหาร่วม" สะสมมาค่อนศตวรรษ ต้องใช้เวลา ใช้ความร่วมมือ และใช้ความอดทน จากทุกคน-ทุกฝ่าย ช่วยกัน
    ไม่ใช่เอะอะ โทษรัฐบาล ผลักเป็นภาระรัฐบาลตะพึด!
    ประเด็นก็ตรงปัญหา "เร่งด่วน" เฉพาะหน้านี่แหละ 
    เมื่อถึงจุด อึดอัดหนอ หายใจไม่ออกหนอ จะตายแล้วหนอ
    จะอ้วกใส่ตัวเอง ก็กระไรอยู่ 
    อ้วกใส่รัฐบาลดีกว่า โดยเฉพาะ "รัฐบาลประยุทธ์" ถือว่า อินเทรนด์ ร่วมสมัย
    สมัยของใคร?
    ก็สมัยของ ตะกวดวิชาการ ตะกวดการเมือง ฝูงหนึ่ง ที่ "รุมทึ้ง" อยู่รายวันนั่นไง
    ขืนให้ประยุทธ์อยู่  
    "จานดาวเทียม-จานบิน" กลายเป็น "จานข้าวหมา" แน่ๆ
    พูดแล้วอดขำ "คิดไง-พูดงั้น" ของนายกฯ เมื่อวานไม่ได้ ให้สัมภาษณ์หลายเรื่อง มีอยู่คำ ท่านว่า 
    "ไม่ต้องออกมาคาดจมูกแถลงสร้างภาพหรอก"
    ผมคิดอย่างนั้นแต่วานซืนแล้ว......
    เมื่อเห็นภาพนายแพทย์ ๔-๕ ท่าน สวมสูทออกมานั่งเรียงแถวให้สัมภาษณ์ ด้านหลังมีป้ายเขียนว่า
    "แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ ชมรมลมวิเศษ ฯลฯ ร่วมแถลงข่าว “ถอด N95 ร่วมแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋ว” เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่กำลังปกคลุมกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างหนาแน่น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน"
    แต่ คุณหมอครับ....
    ท่านแถลงด้วยสำนึกแพทย์ที่มีต่อสังคม
    หรือ.....
    ท่านต้องการ "ดรามาทางสังคมเพื่อการเมือง" มิทราบ?
    ถ้าด้วยสำนึกต่อสังคม แถลงในอาคาร ในห้อง มีแอร์ ไม่ต้องสวมหน้ากากปิดจมูก-ปิดปากเป็นตัวการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างนั้นก็ได้
    จริงๆ แล้ว มันยังไม่แย่ถึงขั้น อย่างที่พวกท่านแปลงตัวเป็นไอ้กาโม่ออกฉากนั่นหรอก!
    ท่านหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงตอนหนึ่งว่า
    "ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ มีมานานกว่า ๒ ทศวรรษ และมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น มาตรการที่ใช้อยู่ยังไม่เพียงพอ หรือเรียกว่า “ล้มเหลว” 
    ๒ ทศวรรษ คือ ๒๐ ปี 
    คุณหมออยู่เชียงใหม่ มีชีวิตรอดมาได้ จนมีโอกาสสวมหน้ากากกันฝุ่นแถลงข่าวเอาตอนรัฐบาล คสช. ใน พ.ศ.๒๕๖๒
    ก็น่าเชื่อถือใน "น้ำใส-ใจจริง" ของท่านนะครับ!
    ที่แถลงวานซืน บอกว่าเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา แต่ฟังทั้งหมดแล้ว ไม่เห็นตรงไหนเป็นทางแก้เลย
    เห็นแต่ นำปัญหา ๒๐ ปีเชียงใหม่ มาขยี้ใส่ กทม. ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ตอนนี้
    ดูแล้ว...ผมว่า เป็นความปรารถนาดี ที่มันแปร่งๆ ยังไงชอบกล?
    ที่ไม่แปร่งต้องอย่างที่ "ผู้ว่าฯ กทม." ร้องขอ ภาครัฐ-ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ใครก็ได้ ที่จริงใจ มาช่วยกันหาวิธีการรับมือฝุ่นพิษตอนนี้
    ก็มากันพรึ่บอย่างที่บอก!
    ปัญหาต้องทำวันนี้ เพื่อให้เกิดผลระยะยาวในวันต่อๆ ไป ทาง กทม.ก็แจกแจงหลายประเด็น
    แต่ภาค "จิตสาธารณะ" เพื่อวิกฤติเฉพาะหน้านี่ซี เห็นแล้วตื้นตัน มากันด้วยใจพรึ่บพรั่บ น่าดีใจจริงๆ
    "นายสนธิ คชวัฒน์" ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่นชมผู้ว่าฯ กทม.
    ที่กล้าประกาศ พื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.๒๕๓๕ 
    ถือเป็นมาตรการระยะสั้น "ที่จำเป็น" ต้องดำเนินการเร่งด่วน แม้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้เพียง "ชั่วระยะหนึ่ง" ก็ตาม
    "รศ.วีรชัย พุทธวงศ์" กรรมการสภา ม.เกษตรศาสตร์ บอก สิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม.สามารถทำทันที นั่นคือ การแก้ไขฝุ่นละออง PM 10 
    ส่วนฝุ่น PM 2.5 มองว่ามาตรการที่ กทม.ดำเนินการ ทำได้ยาก เพราะฝุ่นมีขนาดเล็กมาก เกินประสิทธิภาพที่เครื่องมือและอุปกรณ์ฉีดน้ำของ กทม.จะแก้ได้ 
    แต่...ดีกว่า กทม.ไม่ทำอะไรเลย 
    การนำโดรนขึ้นบินฉีดพ่นละอองน้ำสะอาดในอากาศช่วยดูดจับฝุ่นละออง มองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดี 
    แต่ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดนั้น เป็นการวิ่งไล่จับฝุ่นทั้งสิ้น 
    จึงเสนอ กทม.ให้ติดตั้งเครื่องกรองอากาศเช่นเดียวกับประเทศจีน 
    "ตอนนี้คงก่อสร้างไม่ทัน เพราะใช้งบจำนวนมากและระยะเวลาก่อสร้างนาน แต่ในอนาคตคาดว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ โดยวิธีการของเครื่องกรองอากาศจะเป็นการดูดอากาศเข้ามา" 
    ชนชาวโซเชียล วัน-สองวันนี้ คงเห็นข่าว "น.ท.ปิยะ ตรีกาลนนท์" ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกเอวิชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด"
    อาสานำเครื่องบินขนาดเล็ก ขึ้นบินฉีดน้ำทั่วกรุงเทพฯ กันบ้างกระมัง 
    เมื่อวาน "รศ.วีรชัย" บอกที่ประชุมด้วยว่า มก.กำลังร่วมมือกับโรงเรียนการบินกรุงเทพ ขอ น.ท.ปิยะนั่นแหละ
     ใช้เครื่องบินเล็ก ๔๗ ลำ ของ น.ท.ปิยะ ติดตั้งเครื่องบรรจุน้ำประกอบอุปกรณ์ บินพ่นน้ำในอากาศ 
    ท่านอาสาทำให้ฟรี 
    ขอเพียงน้ำสะอาดจากภาครัฐ กับการอนุญาตขึ้นบินตามเงื่อนไขกฎหมายเท่านั้น
    น.ท.ปิยะบอก ต้องการช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองใน กทม.
    การใช้ละอองขนาดเล็กผ่านเครื่องบินขนาดเล็ก จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้โดรน แม้จะบรรจุน้ำได้ ๑๕๐ ลิตร/ลำ ก็ตาม
    จะบินเกาะกลุ่มเรียงหน้ากระดาน รัศมีทำการบินประมาณ ๑ กม. ด้วยเครื่องบิน ๑๕-๒๐ ลำ ความเร็ว ๑๒๐ กม./ชม. 
    บินทั้งหมด ๒๕ รอบ ฉีดพ่นน้ำครอบคลุมพื้นที่ กทม.ทั้งหมด
    เท่าที่ฟัง ถ้าเอาตามนี้ จะเริ่มบินตั้งแต่ ๙ โมงเช้า วันที่ ๒ ก.พ. ด้วยความสูง ๕๐๐-๑,๐๐๐ ฟุต
    หลังจากภารกิจนี้ น.ท.ปิยะ เสนอให้ กทม.ชะล้างผิวถนน เพื่อป้องกันการลอยตัวของฝุ่นละอองขึ้นมาบนชั้นบรรยากาศอีก
    อันนี้ ผมเก็บมาเล่า.....
    ด้วยต้องการให้เห็นถึงเนื้อแท้สังคมไทย จริงๆ แล้ว ไทยเป็นสังคมชาติ น่าอิจฉามาก
    ถึงจุดหนึ่ง จะไม่ "เกี่ยงเขา-เกี่ยงเรา" และไม่เอาแต่โทษคนโน้น-ด่าคนนี้
    จะขมีขมันช่วยกัน!
    น่าดีใจขึ้นไปอีก อ่านข่าวพบ "สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)" กระทรวงศึกษาฯ
    ประดิษฐ์นวัตกรรม ช่วยลดจำนวนฝุ่นละออง เช่น เครื่องพ่นละอองน้ำ 
    จะผลิตไม่น้อยว่า ๒๕๐ เครื่อง นำไปติดตั้งตามพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองขั้นวิกฤติ เช่น ตามสถานศึกษาและส่วนราชการ
    ไม่เพียงแค่นั้น.....
    สอศ.ยังระดมนักศึกษาผลิตหน้ากากหรือผ้าแมส ทำจากผ้าฝ้าย ผลิตมาตรฐาน ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ 
    ใช้แล้วนำไปซัก นำกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วย! 
    จะผลิตแสนชิ้น ตอนนี้ผลิตและแจกให้ประชาชนไปแล้วกว่า ๕ หมื่นชิ้น
    ครับ...นี่แหละ ทุกอย่างต้องเริ่มที่ "ลงมือทำ" ก่อน ผิดช่างมัน เพราะถูกทั้งหมดในโลกนี้ มาจาก "ผิดก่อน" ทั้งนั้น
    และถ้าทุกคน เปลี่ยนทัศนคติการมองปัญหาอย่างที่เป็นกันอยู่เสียบ้าง
    ก็จะเห็นว่า "ประเทศไทย-คนไทย" ไม่ได้แย่ อย่างที่ฮึ่มๆ แฮ่ๆ ใส่กันทุกวันนี้หรอก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"