เมื่อ "บิ๊กตู่" ถูกนำมาใช้เป็น "จุดขาย"


เพิ่มเพื่อน    

      เจอเข้ากับ สากกะเบือบิน ในแต่ละดุ้น แต่ละด้าม...ต้องเรียกว่า หนักๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่เรื่อง น้ำมัน เรื่อง กัญชา เรื่อง เขื่อน ไปจนกระทั่งเรื่อง ฝุ่นพิษ คราวล่าสุด ในฐานะผู้ที่ต้องยืนถือไมค์-ไฟส่องหน้าอยู่บนเวที ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ บิ๊กตู่ จะยัง ขายได้-ขายไม่ได้ ก็ยังยากซ์ซ์ซ์ที่จะหาข้อสรุปได้ชัดๆ...

                                                        ---------------------------------------------------

      คือถ้าว่ากันถึงเรื่อง ความเป็นบุคคลที่ประชาชนชื่นชอบ หรือ ความซื่อสัตย์อันเป็นที่ประจักษ์ อะไรต่อมิอะไรตามที่แกนนำพรรค พลังประชารัฐ อย่าง กุมารสนธิรัตน์ ท่านหยิบเอามาใช้เป็นเหตุผล ข้ออ้าง ในการส่งเสลี่ยงไปเชื้อเชิญท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ให้มาเป็น 1 ในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีรายแรกๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ...เอามาใช้เป็น จุดขาย ของพรรคพลังประชารัฐนั่นแหละ มันก็คงพอกล้อมๆ แกล้มๆ หรือพอขายในวงกว้าง ใน กลุ่มเป้าหมาย ประเภทตามแห่ ตามแหน ใครต่อใครเขาไปเรื่อยๆ ก็อาจพอได้ คะแนนนิยม ติดไม้ ติดมือ ติดปลายนวมกลับมาได้มั่ง...

                                                           ----------------------------------------------------

      แต่ถ้าคิดจะลงลึก...ไปสู่กลุ่มเป้าหมายประเภท ขายตรง หรือประเภทต้อง ไดเร็กต์เซลส์ ทั้งหลาย คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า หลายสิ่ง หลายอย่าง หรือหลายต่อหลายเป้าหมาย มันออกจะติดๆ ขัดๆ ไม่น่าจะ ลื่นไหล มากมายซักเท่าไหร่ ไม่ว่าประเภทที่สนใจในเรื่อง น้ำมัน ว่าใครจะฮุบ ใครจะงาบสัมปทานน้ำมันในประเทศไทย หรือทำไมราคาน้ำมันเมืองไทยไม่ลด ขณะน้ำมันในตลาดโลกลดๆ อะไรทำนองนั้น หรือประเภทสนใจในเรื่อง กัญชา ว่าจะปลูกได้-ปลูกไม่ได้ โดยเสรีหรือไม่ อย่างไร ไปจนประเภทรักและหวงแหนธรรมชาติแบบสุดจิต สุดใจ ชนิดไม่อยากเห็น เขื่อน ใดๆ มาตั้งอยู่หน้าบ้านตัวเอง ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่การอาศัย บิ๊กตู่ มาใช้เป็น จุดขาย เอาไป-เอามาแล้ว...มันไม่น่าจะ เวิร์ก ซักเท่าไหร่...

                                                               -----------------------------------------------------

      แม้แต่กลุ่มเป้าหมายที่มันขยายตัว แผ่ซ่าน ไปทั่วทั้งสังคม ด้วยเหตุเพราะความหวาดหวั่น ขวัญสยอง ต่อสิ่งที่เรียกว่า ฝุ่นพิษ อะไรทั้งหลาย ซึ่งออกจะมีอยู่เยอะแยะ มากมาย ตามสไตล์ คนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่ หรือคนรุ่นใหม่ที่รักและถนอมสุขภาพตัวเองปานประดุจไข่ในหิน อะไรทำนองนั้น อันนี้...ก็ชักจะ ขายยาก ขึ้นมาอีกซะแร้นน์น์น์ ขนาดทุ่มทุน ลงแรง ปีนขึ้นไปฉีดน้ำ พ่นน้ำบนตึกใบหยกโน่น อุตส่าห์พ่นน้ำตาล กากน้ำตาล ระดับเหนียวเหนอะกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง ก็แต่ยังดันถูกเอาไปเยาะเย้ย เหยียดหยัน สาดสากกะเบือบินเข้าใส่ อยู่ในโซเชียลมีเดีย ชนิดหัวปูด หัวโน กันไปทั้งรัฐบาล...

                                                                 ------------------------------------------------------

      นี่ยังไม่รวมถึงกลุ่มเป้าหมายประเภทสนใจในเรื่องราคายาง ราคาปาล์ม ฯลฯ ไปจนถึงประเภท กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ทั้งหลาย ซึ่งน่าจะมีอยู่เป็นจำนวนมิใช่น้อย และออกจะเป็นอะไรที่ขายยาก ขายเย็น อยู่พอสมควร แม้จะอาศัย บิ๊กตู่ เป็น จุดขาย ก็เถอะ หรือสุดท้ายแล้ว...โอกาสที่จะแลนด์สไลด์ แอฝะลานช์ ได้คะแนนนิยมกันในระดับดินถล่ม หิมะทลาย กวาดเก้าอี้พรรคพลังประชารัฐมาได้ครบ 375 เก้าอี้ อย่างที่ กุมารสนธิรัตน์ ท่านคาดหมาย หรือปลุกจิต ปลุกใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า คงต้องยอมรับว่า ยังนึกภาพไม่ออก เหลือแต่ต้องอาศัยบารมีของ เรียงหิน  และ ซีทีเอ็กซ์ ล้วนๆ ซึ่งจะส่งผลให้ต้องหดๆ หายๆ  กวาดเก้าอี้มาแค่ 50 เก้าอี้ หรือได้ไม่ถึง 100 ตามที่ดอกเตอร์เหลิม นินจา ทำนายทายทักเอาไว้ ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

                                                                  ------------------------------------------------------

      และถ้าหากได้แค่ 50 หรือยังไม่ทันครบ 100 เมื่อเอาบวกรวมกับ 250 ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเอกสารไว้ก่อนล่วงหน้า มันก็ยังไม่ถึง 375 หรือถึงครึ่งหนึ่งของสองสภาฯ รวมกันอยู่ดีนั่นเอง มีแต่ต้องไปกวาดพรรคเล็ก พรรคน้อย พรรคขนาดกลาง ขนาดย่อม หรือไม่งั้น...ต้องยอมหันไปงอนง้อขอพรรคใหญ่ๆ ต้องหาสินสอด ทองหมั้น ระดับอู้ฟู่หะรูหะราอยู่พอสมควร ถึงจะทำให้การ เอาบิ๊กตู่ มันถึงเป็นไปได้โดยลื่นไหล สืบทอดการบริหารและอำนาจ ได้อย่างไม่ติดขัดลำกล้อง เผลอๆ...อาจต้องหันมา ขาย ว่าที่นายกฯ คนที่สอง คนที่สาม ขายทั้ง อุตตม ขายทั้ง สมคิด นั่นแหละ คือต้องยอม เลหลัง เพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งกับเรื่องเศรษฐกิจ ไปจนถึงเรื่องน้ำมัน กัญชา หรือแม้แต่เรื่อง อีอีซี ไปโน่นเลย...

                                                                      ------------------------------------------------------

      ชนิดนโยบาย 7-7-7 อาจต้องถูกแปรสภาพให้กลายเป็น 6-6-6 หรือ อาถรรพ์หมายเลข 6 กันในช่วงวินาทีสุดท้ายก็ไม่แน่ พูดง่ายๆ ว่า...โอกาสที่จะลื่นไหลกันแบบพลั่กๆๆ อย่างที่คาดๆ หวังๆ เอาไว้ มันชักลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุเพราะ จุดขาย มันออกจะคับแคบอยู่ซักหน่อย คือกะจะ ขายบิ๊กตู่ ลูกเดียวล้วนๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงสายใยความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ปกครอง กับ ผู้ถูกปกครอง ว่ามันยังน่าจะมีอะไรมากไปกว่า ยี่ห้อ หรือ แบรนด์เนม ล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น...

                                                                       ------------------------------------------------------

      ก็เอาเป็นว่า... ถ้าหากหวังจะให้ รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ไปได้สวย ไปด้วยดี คงต้องหาทางปรับเนื้อ ปรับตัว กันบ้างเล็กๆ น้อยๆ อะไรที่มันไม่ได้สอดคล้องไปกับอารมณ์ ความรู้สึก ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม แต่ละประเภท คงต้องหยิบมาทบทวน ใคร่ครวญ พิจารณากันโดยถ้วนถี่ หรืออะไรที่มันเคย กระจุกๆ คงต้องหันมา กระจาย ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละดี...

                                                                          -----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Lord Acton... Power tends to corrupt, and absolute power corrupt absolutely. อำนาจนั้น...มักทำให้คนเสีย ยิ่งมีอำนาจเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียคนมากขึ้นเท่านั้น...

                                                                           -----------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"