31 ม.ค.62 -ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บรรยายพิเศษ หัวข้อ ‘เยาวชนคนหนุ่มสาวกับอนาคตประเทศไทยหลังจากการเลือกตั้ง : ความฝัน ความหวัง และความจริง” เมื่อวานนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พวกเราคงจะรู้ว่าในฐานะที่มีสิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก พวกเราก็คงฝันว่าการไปเลือกตั้ง เราจะไปเลือกคนหรือพรรคที่มีแนวคิดสามารถที่จะผลักดันให้ความฝันของเราเป็นจริง ซึ่งจากวันนี้ไปถึง 24 มี.ค. ก็มีคนพูด จนกระทั่งบางคนก็อาจจะเห็นว่าเป็นขายฝัน แต่ก็ถือว่าเป็นกลไกตามปกติ ซึ่งการเลือกตั้งสำหรับประเทศไทยในครั้งนี้ มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจจะทำให้ที่เราเคยคาดหวังว่า เราจะสามารถสร้างฝันและผลักดันให้เกิดขึ้นจริงในกระบวนการเลือกตั้งได้ ก็อาจจะไม่เป็นความจริง แต่ตนก็ยังเชื่อว่าหลักประกันที่ดีที่สุดที่จะสานฝันของเรานั้นได้ ก็คือกระบวนการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ตนต้องพูดให้ชัดว่ามีอะไรที่เป็นอุปสรรค เพราะการเลือกตั้งที่จะบรรลุเป้าหมายหรือทำให้ฝันเป็นจริงได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องจับตาคนคนหนึ่ง ซึ่ง 1-2 วันจะประกาศท่าทีทางการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิและดุลยพินิจของคนคนนั้น ซึ่งตนฟังดูก็เหมือนว่าไม่อยากจะลาออก เพราะยังต้องการที่จะใช้อำนาจพิเศษไปจนถึงวันที่มีรัฐบาลใหม่ ดังนั้น หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีสิทธิ์ในการตรวจสอบการทุจริต แต่หากว่าไม่เป็นที่ถูกใจผู้มีอำนาจ ก็ถูกคำสั่งตาม ม.44 ดำเนินการได้ เพราะก่อนหน้านี้ เคยมีคำสั่งให้มีการยุบกกต.ทั้งคณะมาแล้ว และกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์และกฎหมายซึ่งถือเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ว่า เราจะคาดหวังได้หรือไม่ว่าการใช้อำนาจของคนที่มีอำนาจในปัจจุบันจะทำให้การเลือกตั้งเสรีเป็นธรรม
“การเลือกตั้งรอบนี้ดูเหมือนว่าจะมีความพยายามอย่างมากให้พรรคการเมืองไม่ค่อยเข้มแข็ง เพราะออกแบบกติกา กำหนดกฎระเบียบจุกจิกเยอะแยะมากมายทำด้วยความยากลำบาก มีการออกแบบระบบเลือกตั้งที่น่าจะทำให้พรรคใดพรรคหนึ่งมีเสียงข้างเด็ดขาด เป็นไปได้ยาก เช่น พรรคเพื่อไทยที่พยายามแตกลูกแตกหลานก็เพราะแบบนี้ อีกทั้งในการหาเสียงซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการกำหนดเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ แต่ปัจจุบันนี้ต้องจับเบอร์กันคนละเขต ซึ่งถือเป็นกติกาที่มีความพยายามให้ความสำคัญกับตัวบุคคล แต่สร้างความสับสนมาก เพราะถ้าข้ามเขตไปจะกลายเป็นคนละเบอร์ ผมก็อาจจะต้องมีสมุดสักเล่มหนึ่ง เพื่อพลิกดูว่าคนไหนอยู่เขตไหนและได้เบอร์อะไร และข้อที่เป็นเรื่องใหญ่ คือ เมื่อก่อนใครได้ 251 เสียงก็สบายแล้วสามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่เที่ยวนี้เลือกตั้งเสร็จ คนที่เลือกนายกรัฐมนตรี คือ ส.ส. กับ ส.ว. เป็นคนเลือกนายกฯ แปลว่าคนที่จะเป็นนายกฯ จะต้องได้เสียง 375 เสียง บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายก็อยากที่จะได้ 375 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นไปไม่ได้เลย ทำให้บางคนบางพรรคมีเป้าหมายของเขาว่าต้องการแค่ 125 เสียง เพื่อจะไปรวมอีก 250 ส.ว.” หัวหน้าปชป. กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะอย่างไรพรรคจะใหญ่หรือจะเล็กได้ สุดท้ายขึ้นอยู่กับประชาชนเลือก ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ซึ่งถ้าสังคมมีความแน่วแน่ว่าต้องการจะไปทางใดทางหนึ่งซึ่งจะกลายเป็นแรงกดดันให้ทุกฝ่ายต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ถ้าพรรคใดรวบรวมเสียงเกิน 250 เสียงได้ ก็อย่าไปขัดขวาง และต้องให้พวกเขาได้จัดตั้งรัฐบาล ตนหวังว่า ส.ว. 250 คน ถ้าประชาชนส่งเสียงแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเสี่ยงฝืนกับความรู้สึกประชาชน เพราะถ้าเขาเห็นว่า ต่อให้ตั้งรัฐบาลได้ ก็อยู่ยาก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำร้อยจะลาออก และอยากจะบอกอีกว่าหากพรรคไหนได้ต่ำร้อยแล้วจะใช้ ส.ว. อีก 250 เสียง เพื่อดันคนในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคตัวเอง ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหนุ่มสาวออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวนน้อย เพราะมีความรู้สึกว่าไปแล้วเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่ บางคนก็มีความรู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ บางคนรู้สึกว่าหากนักการเมืองดีจริงทำไมสภาพบ้านเมืองเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แต่อยากจะบอกว่าอย่าหมดหวังหรือสิ้นหวัง ขอให้ใช้สิทธิที่ได้นี้ให้เป็นประโยชน์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |