เทียบเชิญบิ๊กตู่1ก.พ. พปชร.เคาะ3ชื่อบัญชีนายกฯ/การเมืองรุมบี้ไขก๊อก


เพิ่มเพื่อน    

     ตามคาด! พปชร.ลงมติเสนอ 3 ชื่อ "บิ๊กตู่-อุตตม-สมคิด" ขึ้นบัญชีนายกฯ ฟุ้งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ประชาชนชื่นชอบ เตรียมเทียบเชิญถึงกลางทำเนียบฯ 1 ก.พ.นี้ มั่นใจเหมาะสมที่สุด ไม่หวั่นกระแสต้าน "บิ๊กตู่" ปรับอิริยาบถชวนนักข่าวดื่มกาแฟหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ รับมีคำตอบในใจแล้ว ลั่นถ้ากลัวถูกโจมตีจะเข้ามาทำไมตั้งแต่ 22 พ.ค.57 "ทษช.-พท.พพช." จี้ไขก๊อกเตือนอาจขาดคุณสมบัติหากใช้อำนาจขัดกันแห่งผลประโยชน์โดนร้องยุบพรรคได้ แต่ "จุรินทร์" แค่ขอให้ปฏิบัติหน้าที่เหมือนรัฐบาลรักษาการ 
     ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงมติเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นบุคคลอยู่ในบัญชีนายกฯ อันดับหนึ่ง ของพรรค พปชร.แล้ว ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 มกราคม นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพปชร., นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค พปชร., นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวผลประชุมกรรมการบริหารพรรค
    โดยนายสนธิรัตน์กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมีมติเสนอรายชื่อบุคคลที่จะอยู่ในบัญชีนายกฯ 3 คนของ พปชร. โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ หลังจากได้รับฟังความเห็นจากสมาชิกทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2.นายอุตตม สาวนายน 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่ไม่ได้เรียงลำดับว่าชื่อใดอยู่ก่อนหลัง เพราะ รธน.ก็ไม่ได้กำหนดไว้ และให้ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อันดับหนึ่ง เพราะเป็นนายกฯ ปัจจุบันและเป็นอดีตนายกฯ ในอนาคตก็เรียงตามอาวุโส ส่วนรายชื่อที่สองคือนายอุตตม เพราะเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนรายชื่อที่สาม เพราะนายสมคิดเป็นบุคคลนอกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ามา เราเรียงลำดับตามนัยนี้ ไม่ใช่เรียงลำดับตามความสำคัญ เราไม่อยากให้เกิดเป็นประเด็น
    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ ทางผู้บริหารของพรรคจะประสานนัดหมายทั้งสองท่านเพื่อทาบทาม ทั้งนี้ยังไม่มีการแจ้งทั้งสองทราบ เพราะที่ประชุมเพิ่งมีมติ ส่วนสาเหตุที่เชิญทั้งสองมาเป็นนายกฯ ของพรรค เพราะมีความรู้ความสามารถที่จะบริหารนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ เป็นบุคคลที่ประชาชนชื่นชอบ มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และการทำงานที่ผ่านมามีจริยธรรม ถือเป็นคุณสมบัติหลักในการพิจารณา
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีนักวิชาการเรียกร้องอย่าให้ พล.อ.ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกฯ ในนามพรรคพปชร. นายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรคเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ ของประเทศ ความหลากหลายทางความคิดก็เป็นข้อคิดเห็น ซึ่งทางพรรคก็ยังไม่ทราบท่านเหล่านี้จะรับการเป็นนายกฯ ของพรรคหรือไม่ ก็ขอให้พรรคดำเนินการตามขั้นตอนก่อน แต่หากทั้ง 2 คนไม่รับ ก็มีกระบวนการรับมืออยู่แล้ว ซึ่งโรดแมปการเชิญและส่งรายชื่อนายกฯ ของพรรคจะต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 8 ก.พ.นี้ คิดว่าจะเร่งรัดให้ทันตามที่กฎหมายกำหนดไว้  
    เมื่อถามว่า การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นนายกฯ และหัวหน้า คสช. มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสืบทอดอำนาจ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า รธน.นี้ต้องการเปลี่ยนผ่านประเทศ เราต้องการให้ประเทศเข้าสู่ระบบประชาธิปไตย ไม่ว่าชื่อใดจะเป็นนายกฯ ก็เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ระบบของพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องกับ คสช. พรรคเดินตามแนวทางประชาธิปไตย และ พปชร.ก็ไม่ใช่พรรคของรัฐบาล เป็นพรรคที่กลุ่มคนต่างๆ ดำเนินการทางการเมือง ซึ่งบทบาทของ คสช.จะหมดแล้ว เมื่อมีการเลือกตั้งก็จะเป็นการคืนอำนาจสู่ประชาชน พรรคต้องมั่นใจว่าทั้ง 3 รายชื่อจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
    ขณะที่นายอุตตมกล่าวว่า การเรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด แนวโน้มจะให้ผู้ใหญ่ในพรรคเข้าไปเรียนเชิญและชี้แจงในทุกประเด็นที่ทั้งสองคนต้องการ ส่วนตัวเองจะตัดสินใจอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคหรือไม่ ตนขอเวลาตัดสินใจ เพราะเพิ่งทราบมติเมื่อสักครู่ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ก.พ. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อสรุปรายชื่อบัญชีทั้ง 150 คนต่อไป ส่วนรายชื่อ ส.ส. 350 เขต ขณะนี้เรียบร้อยแล้ว 349 เขต เหลือเพียงเขต 2 พัทลุงยังไม่เรียบร้อยเพียงเขตเดียวเท่านั้น
1 ก.พ.เทียบเชิญถึงทำเนียบฯ
       มีรายงานข่าวว่า ทั้ง 4 แกนนำและคีย์แมนพรรคจะไปเรียนเชิญนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 1 ก.พ. โดยจะดูช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงพรรคจะส่งรายชื่อนายกฯ บัญชีพรรคให้กับ กกต.ภายในวันที่ 8 ก.พ.นี้
    ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้า เป็นประธานเปิดงานและแสดงปาฐกถาพิเศษในงานมหกรรมยุทธศาสตร์ชาติ “อนาคตไทย อนาคตเรา” our country our future ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยกล่าวว่า ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจต่อ มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาอีก ทำให้พูดไปคนก็ไม่เข้าใจ แล้วย้อนกลับมาหาว่า ยุทธศาสตร์ชาติไม่เกิดประโยชน์ เพราะมีหลายคนพูดเช่นนั้นในวันนี้ เราจึงต้องสร้างความเข้าใจ หลายคนลืมประวัติศาสตร์ประเทศ แล้วออกมาพูดไปต่างๆ นานา เที่ยวยกตัวอย่างเรื่องต่างประเทศ จะเอาแบบอย่างประเทศอื่น แล้วด่าประเทศตัวเอง ซึ่งตนรับไม่ได้ ถือว่าใช้ไม่ได้
    นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในเรื่องของความมั่นคงไม่ใช่เฉพาะพลเรือน ตำรวจ ทหาร หลายคนกำลังเกลียดทหาร ตนก็ไม่เข้าใจว่าวันนี้เราอยู่กันอย่างไร ใครจะไปอยู่ชายแดนได้บ้าง หมอจะไปอยู่ได้หรือไม่ คนที่ไม่ชอบทหารไปนั่งอยู่ชายแดนกับผมหน่อยเหอะ ให้ไปอยู่ที่โน่นเป็นปีๆ มันไม่ได้สบายนักหรอก ถ้าไม่มีทหารชายแดนจะเกิดอะไรขึ้น ภาคใต้ไม่มีทหารลงไปแก้ปัญหามันจะเกิดอะไรขึ้น ไอ้ที่พูดๆ กันรู้จริงหรือเปล่า  ทหารที่ดีก็มีเยอะ ทหารที่ไม่ดีก็มีอยู่ เมื่อทหารที่ไม่ดีก็จัดการออกไป ก็เห็นกันอยู่ว่ามีการลงโทษ มีการสั่งย้าย มีการจำคุกเยอะแยะไปหมด ถ้าหากไม่มีทหารก็ลองนึกดูแล้วกัน เวลาเกิดเหตุน้ำท่วม ภัยพิบัติ ใครจะไปช่วย ขอแค่พูดในสิ่งที่เป็นความจริง จะได้ช่วยลดความขัดแย้งลงไปได้บ้าง
    หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินลงมาเยี่ยมชมนิทรรศการบริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเมื่อเดินผ่านร้านค้าภายในห้าง ก็ได้ทักทายนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการอย่างเป็นกันเอง พร้อมชวนผู้สื่อข่าวมาดื่มกาแฟอย่างอารมณ์ดีที่ร้าน Twinings โดยนายกฯ ได้สั่งกาแฟอเมริกาโนร้อนและชา London Strand Earl Grey พร้อมของว่างบลูเบอร์รี่มัฟฟิน สโคนเซต และทไวน์นิ่งซิกเนเจอร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกฯ ที่ใช้เวลานอกกำหนดการเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ถูกจับตามองที่จะตอบรับเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่ ซึ่งการมานั่งดื่มกาแฟครั้งนี้ อาจจะเป็นการปรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จากที่ดูดุดันให้เข้าถึงง่ายขึ้น และดูเป็นกันเอง
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเป็นแม่ทัพก็ไม่เคยมานั่งอะไรแบบนี้ เพราะไปไหนลำบาก รปภ.ที่ตามไปด้วยก็เยอะแยะ ซึ่งวันหยุดก็ไม่ได้พาครอบครัวไปเที่ยวไหน ทุกวันนี้เลิกงานตนก็กลับบ้าน มีไปตีกอล์ฟบ้าง ทั้งนี้ ตนชอบทานของหวาน เพราะทานข้าวไม่ค่อยได้ พอทานของหวานแล้วก็รู้สึกดีขึ้น
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนในประเด็นการเมืองนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ออกมา ก็ไม่พ้นสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว แต่เขาจะทำให้มากขึ้น ใช้เงินให้มากขึ้น จะให้ 600 บาท ให้ 800 บาท จะเอาเงินที่ไหนมาให้ ส่วนนโยบายประชารัฐของรัฐบาล ซึ่งไปพ้องกับชื่อของพรรคการเมือง พรรคดังกล่าวมาทีหลังรัฐบาลไม่ใช่หรือ ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน การทำงานในนโยบายของประชารัฐทำกันมานานแล้ว ทางนักการเมืองก็ไปหาชื่อให้มันสอดคล้อง อย่างพรรค ทษช. (ไทยรักษาชาติ) สื่อก็รู้ว่าตั้งมาอย่างไร แล้วตัวย่อมาจากอะไร ในเมื่อพรรคการเมืองทุกพรรคต้องการที่จะเป็นรัฐบาล บริหารราชการแผ่นดิน ทุกคนก็ต้องดูว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง ทำไมจะต้องเลิกของเก่ากันหมดเลยหรือ อะไรที่ดีก็ต้องทำต่อ ไม่ใช่ว่าอะไรที่เกิดในรัฐบาลก่อนต้องเลิกหมด มันไม่ใช่
"บิ๊กตู่"มีคำตอบในใจแล้ว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดนายกฯ ถึงพูดว่ามีคนไม่พอใจทหารบ่อยในช่วงนี้ มีกระแสมากขนาดนั้นเลยหรือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มี ทุกพรรครุมทหารหมดนั่นแหละ กลายเป็นต่อสู้ระหว่างพรรคทหารกับพรรคประชาธิปไตย สื่อก็รู้อยู่ ทำไมต้องต่อสู้กันเอง เลิกเสียทีการเมืองแบบนี้ เมื่อถามว่ากรณีที่นายกฯ ระบุว่ามีคำตอบในใจว่าจะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ตอบว่า "ก็ในใจไง"
    เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรคพลังประชารัฐดูเหมือนจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรค พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีหลายพรรคมั้ง ขอดูก่อนสิ หลายๆ พรรคเขาก็สนับสนุนเรา แต่ปัญหาเราคือเราเลือกได้พรรคเดียว ก็ดูก่อนว่านโยบายเขาเป็นอย่างไร ส่วนที่มองนโยบายของ พปชร.สานต่อนโยบายรัฐบาลนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่เห็นเลย เขาต้องทำนโยบายมาให้ตนดู คำว่าสนับสนุนมี 2 อย่าง คือ เสนอชื่อเป็นนายกฯ ซึ่งตอบรับให้ได้เพียงพรรคการเมืองเดียว แต่พรรคอื่นที่มีอยู่หลายพรรคก็บอกว่าจะเสนอตน ซึ่งเป็นการสนับสนุน การบริหารราชการแผ่นดิน
    ถามอีกว่า จะรู้สึกอย่างไรหากตัดสินใจลงมาทำงานทางการเมืองต่อ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ปรับตัวเองเยอะ ต้องอดทนมากกว่านี้ แต่บางทีตนก็เป็นมนุษย์ คนเราก็มีความรู้สึก บางทีทำอะไรไปแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องทำให้มากขึ้น แต่ที่ตนไม่ชอบคือการโป้ ปด บิดเบือน เพราะเราไม่เคยทำ ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการ หารือถึงข้อปฏิบัติต่างๆ ของนายกฯ รวมถึงรายการศาสตร์พระราชาฯ กับทาง กกต.แล้ว แต่การที่ตนพูดในนามของรัฐบาล ไม่ได้พูดว่าให้เอาพรรคใคร ก็พูดในเรื่องงานที่มีปัญหาเข้ามาทุกวันพวกเราไม่มีประโยชน์ส่วนตัว 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่หลายคนเป็นห่วงว่าหากลงสนามการเมืองเต็มตัว จะถูกขุดคุ้ยเรื่องต่างๆ สื่อก็ต้องช่วยตน ต้องไปบอกให้เลิกกระทำแบบนี้ แล้วเรื่องส่วนตัว ตนมีอะไรเสียหาย อยู่มา 4 ปีก็ไม่มีเรื่องนี้ สื่อต้องบอกเขา เป็นเครื่องมือให้เขาทำไม เมื่อถามว่าหากตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมือง ไม่กลัวเปลืองตัวหรือ เพราะจะเป็นเป้าหมายในการโจมตีของฝ่ายการเมือง นายกฯ กล่าวว่า “ถ้ามันโจมตีไม่ใช่เรื่อง ผมก็ไม่สนใจ แล้วถ้าผมกลัวจะเข้ามาทำไม ถ้ากลัวก็ต้องกลัวตั้งแต่ 22 พ.ค.57 แล้ว จบไหม ถ้ากลัวผมไม่ตัดสินใจแบบนี้หรอก”
    "ส่วนคนที่สนับสนุนผมก็หวังว่าเขาจะเข้าใจผมมากขึ้น อยากให้เข้าใจสถานการณ์ อดีต ปัจจุบัน และอนาคตคืออะไร การเมืองควรจะต้องเป็นอย่างไร ผมคาดหวังกับ 4 ปีที่ทำมา คนไทยต้องรู้จักและเอาทุกอย่างมาเป็นบทเรียน อย่าให้เกิดขึ้นอีก ถ้าไม่เกิดขึ้นอย่างในอดีตผมก็ไม่มีทางมายืนอยู่ตรงนี้หรอก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
    ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่น่าเปรียบเทียบชื่อพรรคพลังประชารัฐกับชื่อย่อของพรรคไทยรักษาชาติ การที่พรรคการเมืองจะมีชื่อสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใดก็ตาม เป็นเรื่องที่ทำได้ ประเด็นไม่ใช่เรื่องชื่อ แต่คือเรื่องการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลรัฐประหารที่กำหนดกติกาเอง ต่างกับชื่อ ทษช.แล้วถูกเชื่อมโยงเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐเอาเปรียบใคร ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าตัวเองและรัฐบาลไม่เกี่ยวกับ พปชร. ตนก็ยืนยันว่า ทษช.ไม่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร เพียงแค่ลูกหลานและลูกพรรคจากไทยรักไทยมาอยู่กันหลายคน 
นักการเมืองรุมจี้ไขก๊อก
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ ทษช. กล่าวว่า อยากแนะนำให้ พล.อ ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษาระดับบรรทัดฐานเดียวกันกับ 4 รมต.ที่ลาออก ที่อาจทนแรงกดดันไม่ได้ และคงละอายใจที่จะอยู่ต่อ ครม.ปัจจุบันมีอำนาจเต็มและสามารถให้คุณให้โทษกับพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัดได้ ไม่เหมือน ครม.ปกติ หลังการยุบสภาแล้วจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. ยังมีมาตรา 44 ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จอีกจนกระทั่งมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นอย่างมาก 
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า มีเหตุผล 5 ข้อที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรลุกจากเก้าอี้นายกฯ 1.เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับการเลือกตั้ง 2.ไม่มีสปิริต 3.หมดความน่าเชื่อถือ 4.ข้าราชการวางตัวไม่ถูก 5.สิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะจะยังคงมีการใช้งบประมาณของรัฐที่จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งอย่างต่อเนื่อง หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังคงดื้อดึงอยู่ในตำแหน่งต่อ จะสร้างผลเสียทั้งต่อตัวท่านและประเทศชาติอย่างไร ทางที่ดีควรลาออกตาม 4 รมต.ไปโดยเร็วจะเป็นการดีที่สุด
    นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า เมื่อพรรค พปชร.เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามพรรค และตัวท่านยินยอม พล.อ.ประยุทธ์จะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ในทันที เพราะอาจเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตาม รธน.60 มาตรา 170 (4) และมาตรา 160 (5) ประกอบมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2561 ข้อ 11 เรื่อง กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมทั้งทางตรงและทางอ้อม และข้อ 22 เรื่องการเบียดบังเวลาราชการไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน นอกจากนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงตำแหน่งหัวหน้า คสช.อีกตำแหน่งหนึ่ง ก็อาจเป็นการสุ่มเสี่ยงในการใช้อำนาจในทางใดๆ อันอาจมีผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมได้ กกต.มีทั้งอำนาจและหน้าที่ตาม พ.ร.บ.กกต. 2560 หากท่านไม่ยอมลาออก อาจเป็นพฤติการณ์อันจะนำไปสู่การยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคดังกล่าวได้ในภายหน้า
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกพรรค พท. กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจไม่ลาออกจากหัวหน้าคสช. จะถูกชาวโลกวิพากษ์วิจารณ์ ตราหน้าคนไทยและประเทศไทยว่ายังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่จะต้องมีหัวหน้าคณะปฏิวัตินั่งคุมการเลือกตั้งร่วมกับ กกต. ไปจนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ นับเป็นการถอยหลังเข้าคลอง ไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติและประชาชน โปรดอย่าอ้างกฎหมายที่ออกมาภายใต้การคุมอำนาจของ คสช. แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือมารยาทและจริยธรรม นับเป็นคุณธรรมขั้นสูงที่อยู่เหนือกว่ากฎหมาย 
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างบรรยายพิเศษที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่าต้องจับตาคนคนหนึ่ง ซึ่ง 1-2 วันจะประกาศท่าทีทางการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิและดุลยพินิจของคนคนนั้น ซึ่งฟังดูก็เหมือนว่าไม่อยากจะลาออก เพราะยังต้องการที่จะใช้อำนาจพิเศษไปจนถึงวันที่มีรัฐบาลใหม่ เคยมีคำสั่งให้มีการยุบ กกต.ทั้งคณะมาแล้ว เป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ว่า เราจะคาดหวังได้หรือไม่ว่าการใช้อำนาจของคนที่มีอำนาจในปัจจุบันจะทำให้การเลือกตั้งเสรีเป็นธรรม
    ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าปชป. กล่าวว่า กรณี 4 รัฐมนตรีที่เพิ่งลาออกนั้นก็ดีแล้วจะได้ไม่ผิดคำพูด ส่วนกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่เรียกร้องให้ต้องออก แต่ขอให้ปฏิบัติหน้าที่เหมือนรัฐบาลรักษาการในระหว่างการเลือกตั้ง คือไม่โยกย้ายข้าราชการเพื่อผลทางการเมือง ไม่เริ่มโครงการใหม่ที่มีผลผูกพันรัฐบาลชุดต่อไป และไม่ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองใด 
31ม.ค.เคาะจุดติดป้ายหาเสียง
    ส่วนนายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ(พพช.) กล่าวว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ลาออกนั้นแสดงถึงความไม่มีสปิริต เอาเปรียบคู่แข่งขัน ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์สร้างความได้เปรียบไว้มากมาย แล้วรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ต้องลดบทบาทเป็นรัฐบาลรักษาการ สามารถทำงาน ใช้งบประมาณและแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ปกติ มีอำนาจมาตรา 44 ที่สามารถสั่งการได้ครอบจักรวาล รวมถึงสั่งปลด กกต.ได้ เท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์กำลังเอาเปรียบคู่แข่งขันในสนามเลือกตั้งนี้อยู่ จะเท่ากับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่ฟรีแฟร์ หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ อีกครั้งจริง ก็จะเป็นการเข้าสู่อำนาจอย่างไม่สง่างาม
    นายรยุศด์ยังกล่าวถึงการเสนอบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคเพื่อชาติว่า พรรคเพื่อชาติได้มีมติที่จะส่งชื่อนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค ลงในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคเพียงคนเดียว ไม่ได้เสนอชื่ออื่นพิจารณา เพราะนายสงครามทุ่มเทเสียสละทำงานให้พรรคมายาวนาน มีอุดมการณ์สอดคล้องกับพรรค 
     นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมเห็นชอบบัญชีรายชื่อนายกฯ ที่พรรค ชทพ.จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเพียงชื่อเดียว โดย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ได้ตอบรับแล้ว และจะส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตจำนวน 320 เขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 80 รายชื่อ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 อันดับแรก ได้แก่ 1.นายวราวุธ ศิลปอาชา 2.นายธีระ วงศ์สมุทร 3.นายนิกร จำนง 4.นายนพดล มาตรศรี เป็นต้น
    ขณะเดียวกัน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นำทีมแถลงภายหลังประชุมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ว่า ที่ประชุมมีมติเสนอชื่อนายมิ่งขวัญเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเศรษฐกิจใหม่เพียงคนเดียว และส่วนตัวมีความมั่นใจในการสู้ศึกในสนามเลือกตั้ง จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา พร้อมชูนโยบายจัดวางตำแหน่งเศรษฐกิจไทยใหม่ เพราะประเทศไทยต้องการพรรคที่เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 
    เมื่อถามถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของ พปชร.ที่จะส่ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกหรือไม่ จะถูกหรือผิดกฎหมาย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ และเมื่อถึงเวลา ประชาชนจะตัดสินใจเองว่าจะเลือกใคร โดยไม่ได้กังวล 
    น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกกต.ประจำกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จะมีประกาศออกมาในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ว่าสถานที่ใน กทม.ที่จะอนุญาตให้ติดป้ายหาเสียงได้จะมีที่ใดบ้าง โดยขณะนี้ได้สถานที่ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องอีกครั้ง ที่ส่วนใหญ่ที่จะให้ติดเป็นที่สาธารณะและที่ราชการทั่วไป ยกเว้นบางที่ เช่น ตามสะพานลอย, ทางเข้า-ออกซอยต่างๆ และโดยเฉพาะพื้นที่ของเอกชนที่จะไม่อนุญาตให้ติดป้ายหาเสียงเด็ดขาด 
    ทั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนึ่งคน จะติดป้ายหาเสียงได้ไม่เกินสองเท่าของหน่วยเลือกตั้งต่อเขตเลือกตั้ง เช่น ในเขตเลือกตั้งที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลงมีหน่วยเลือกตั้ง 100 หน่วย ผู้สมัครก็ติดป้ายได้ไม่เกิน 200 ป้าย และขนาดของป้ายต้องอยู่ที่ 130x245 เซนติเมตร โดยตัวประกาศจะยังครอบคลุมไปถึงรายละเอียดการหาเสียงด้วยแผ่นพับ ใบปลิว ด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่พบพรรคการเมืองใดติดป้ายหาเสียงแล้ว หลังมีคำสั่งให้ปลดป้ายออกภายใน 5 วัน ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ยืนยันว่าหากประกาศยังไม่ออกก็ยังไม่สามารถติดป้ายหาเสียงใน กทม.ได้
    ส่วนการเตรียมความพร้อมรับสมัครผู้สมัคร ส.ส.เขตทั้ง 30 เขตเลือกตั้งใน กทม. ที่จะมีขึ้นวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์นั้น บ่ายวันเสาร์นี้ เจ้าหน้าที่จะไปจัดสถานที่รับสมัคร ส่วนวันอาทิตย์จะซ้อมใหญ่ ในวันรับสมัครได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลความเรียบร้อย ยืนยันว่ามีความพร้อมในการรับสมัครแน่นอน หากวันสมัครผู้สมัคร ส.ส.แต่ละเขตมาพร้อมกัน ก็จะให้จับสลากหาหมายเลขเหมือนกันทุกเขต 
    ด้านประชาสัมพันธ์สำนักงาน กกต. เผยแพร่เอกสารเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 สามารถยื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ก่อนวันเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 28 ม.ค.2562-19 ก.พ.2562 เพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้าในวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค.2562 เวลา 08.00-17.00 น. ส่วนการลงทะเบียนขอใช้สิทธิก่อนวันเลือกตั้ง กรณีในเขตเลือกตั้งคือผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง สามารถยื่นคำขอ 2 ช่องทางคือ ยื่นคำขอเป็นรายบุคคล หรือยื่นคำขอเป็นคณะบุคคล และการยื่นคำขอทางไปรษณีย์ หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือ โทร.สายด่วน กกต. 1444 และที่เว็บไซต์ www.ect.go.th
    ช่วงเย็น ที่สวนเบญจสิริ พรรคพลังประชารัฐ​เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 30 เขต โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า 30 รายชื่อผู้สมัคร ถือเป็นการคัดเลือกที่มีความเข้มข้นครั้งหนึ่งในชีวิตนักการเมืองของตัวเอง ผู้สมัครพรรคนี้มีอายุเฉลี่ย 40 ปี ถึงเวลาที่ประเทศต้องเดินหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง และเราจะเดินหน้าเริ่มต้นที่กรุงเทพมหานคร
    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง กทม. กล่าวถึงนโยบายพรรคภายใต้แนวคิด “กรุงเทพดีกว่านี้ได้” ว่าวันนี้พลังประชารัฐจะเป็นทางออกของประเทศไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีสี มีแต่หัวใจประเทศไทย เราต้องเปลี่ยน อยากให้กรุงเทพฯ เปลี่ยนไปในทางที่ดี โดยนโยบายกรุงเทพ 5.0 ประกอบด้วย แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ผ่อนแท็กซี่ราคาถูก ซูเปอร์ไวไฟฟรี 9 เขตเศรษฐกิจ ตลาด 50 เขตปลอดมาเฟีย​ เดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นให้เสร็จ สัญญาณจราจรระบบเอไอ สวนสาธารณะ 50 เขต โดยทั้งหมดต้องทำได้แล้ว และทำทันที รถเก่าแลกรถไฟฟ้า รับส่วนลดอย่างน้อย 100,000 บาท
    นายพุทธิพงษ์กล่าวตอนหนึ่งว่า "ไม่ต้องบอกว่าเราหาเสียงให้ใคร รู้กันอยู่แล้ว พี่น้องกับผมรู้กันแค่ 2 คน เอาแบบนี้ ลุยแบบนี้"    
    ด้านนายสนธิรัตน์กล่าวว่า รู้หรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีของเราน่ารักนะ แต่ยังบอกไม่ได้ จุ๊ จุ๊ ทำให้ชาวบ้านตะโกนกลับไปว่า "รู้แล้ว" นายสนธิรัตน์จึงถามกลับบว่า ทำไมรู้เร็ว สงสัยข่าวรั่ว จากนี้ขอสัญญาใจได้หรือไม่ว่าจะหยิบปากกาเดินเข้าคูหา 24 มีนาคม แล้วกาพลังประชารัฐทุกบ้าน
    ขณะที่นายอุตตมกล่าวว่า วันนี้เป็นข่าวแล้วพรรคพลังประชารัฐจะมีผู้นำแน่นอน ชาวบ้านตะโกนเสียงว่า “ลุงตู่” นายอุตตมกล่าวด้วยว่า วันนี้พลังประชารัฐมีแล้ว ที่บุคคลที่เราเชื่อว่าจะนำเสนอให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดของคนไทย เราจะมีผู้นำที่สามารถที่จะเดินหน้าไปพร้อมกับพวกเรา ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"