หัวหน้าหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐเสนอรายงาน "ประเมินภัยคุกคามทั่วโลก" ต่อ กมธ.วุฒิสภาเมื่อวันอังคาร ให้การขัดแย้งคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งกรณีพิชิตไอเอส,  การเจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ และการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

จากขวา แดเนียล โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ, จีนา แฮสเปล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) และคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เข้าให้การต่อวุฒิสภา เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 / AFP

    ในรายงานประเมินภัยคุกคามทั่วโลกที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการการข่าวกรอง วุฒิสภาสหรัฐ ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันอังคารที่ 29 มกราคม 2562 นอกจากผู้บริหารของหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐจะให้การประเมินที่ขัดแย้งกับของประธานาธิบดีทรัมป์ในด้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส), เกาหลีเหนือ และอิหร่านแล้ว พวกเขายังเน้นย้ำอีกครั้งว่า รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 อย่างล้ำลึกเพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ทรัมป์ปฏิเสธมาโดยตลอด หน่วยข่าวกรองยังคาดเดาด้วยว่ารัสเซียจะทำเช่นเดิมในการเลือกตั้งปีหน้า

    ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทรัมป์อ้างชัยชนะเหนือไอเอสเป็นเหตุผลในการประกาศแบบสายฟ้าแลบเพื่อถอนทหารอเมริกันออกจากซีเรียทันที สร้างความตะลึงงันแก่หน่วยงานด้านกลาโหมและพันธมิตรของสหรัฐในตะวันออกกลาง

    และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ทรัมป์ยังมีแผนจะซัมมิตรอบที่ 2 กับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยหวังจะกล่อมให้คิมล้มเลิกอาวุธนิวเคลียร์ แต่รายงานฉบับนี้ชี้ว่า ประชาคมด้านข่าวกรองเชื่อว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่คิมจะยอมล้มเลิกนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง

    แดเนียล โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า การประเมินพบว่าเกาหลีเหนือคงจะไม่ล้มเลิกอาวุธนิวเคลียร์และทิ้งขีดความสามารถในการผลิตนิวเคลียร์ทั้งหมด ทว่าเกาหลีเหนือจะต่อรองล้มเลิกนิวเคลียร์บางส่วนเพื่อให้สหรัฐและนานาชาติยอมอ่อนข้อให้บางประการ

    "พวกผู้นำเกาหลีเหนือมองว่า การมีขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของระบบการปกครอง" รายงานกล่าว

    ส่วนกรณีไอเอส โคตส์เตือนว่า ไอซิส (ไอเอส) ยังไม่โดนกำจัดอย่างราบคาบและอาจกลับมาผงาดอีกครั้งอย่างง่ายดายในช่วงเกิดสุญญากาศที่สหรัฐถอนทหาร แล้วก่อการโจมตีทั่วโลกและเริ่มเดินเครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่ออีกครั้ง

    กรณีอิหร่าน จีนา แฮสเปล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) กล่าวว่า ข่าวกรองประเมินว่าอิหร่านยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ทั้งที่ทรัมป์ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงนี้เมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าอิหร่านละเมิดข้อตกลง.