ยังไม่ถึงวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตามปฏิทินของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำหนดไว้ในวันจันทร์ที่ 4 ก.พ.ถึงวันศุกร์ที่ 8 ก.พ. เราก็ได้เห็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของบรรดาพรรคการเมืองเริ่มแพลมกันแล้ว โดยเฉพาะ “พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” ที่ตีฆ้องร้องป่าวมาตั้งแต่ไก่โห่ว่าจะมีชื่อของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ซึ่งหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ก็ประกาศว่าจะเสนอชื่อบัญชีนายกฯ 3 รายชื่อ คือ พล.อ.ประยุทธ์, อุตตม สาวนายน อดีต รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรค พปชร. และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ...๐ แล้วก็ไม่เกินคาด บรรดาโทรโข่งของบรรดา พรรคแตกแบงก์พัน ทั้ง “เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ” ที่ออกมาร้องแรกแหกกระเชอให้ “บิ๊กตู่” ต้องลาออก ซึ่งเสียงดังกล่าวก็มีมาตั้งแต่ 4 รัฐมนตรีไขก๊อกแล้ว แหม! ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ทำตามจริงขึ้นมา ถามว่าแล้วใครจะบริหารประเทศ เพราะตามกฎหมายเมื่อ “ผู้นำ” ลาออก ก็จะทำให้รัฐบาลพ้นเก้าอี้ตามไปด้วย ใครจะเป็นรัฐบาลรักษาการ!!! รัฐบาลเดิม หรือรัฐบาลใหม่ที่มาจากไหนอย่างไรยังไม่รู้ เลยทำให้สังคมสงสัยกันมากว่า ข้อเรียกร้องนี้หวังผลเพียง “ตีวัวกระทบคราด” สร้างตราบาปความไม่ชอบธรรมหรือไม่อย่างไร เพราะบรรดา “นักการเมือง” เองก็เป็นผู้อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็นมิใช่เหรอ แต่กลับมาเสนออะไรที่มันไม่มีทางออก หรือหวังจะไม่ให้มีการเลือกตั้ง 24 มี.ค.กันแน่เริ่มน่าสงสัย ...๐ เฉกเช่นเดียวกับการเสนอชื่อบัญชีนายกฯ ของบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ นั้น แม้จะเป็น “สีสัน” ในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่บรรดาพรรคการเมืองก็ควรตระหนักและประเมินตัวเองด้วย เพราะพรรคที่จะเสนอชื่อในที่ประชุมรัฐสภาได้นั้น ต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่า 5% ของ ส.ส.ทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 25 เก้าอี้ และจะต้องมี ส.ส.รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือไม่น้อยกว่า 50 คนรับรอง ...๐ หากดูจากสถิติการเลือกตั้งเก่า ก็เชื่อว่าคงมีเพียงไม่ถึงหยิบมือที่จะเสนอชื่อชิงเก้าอี้ได้ แต่ที่ไหนได้กลับมีการเปิดชื่อชิงผู้นำกันจ้าละหวั่น ไม่ว่าจะเป็น พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่จะเสนอชื่อ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” พรรคพลังไทยรักไทย เสนอชื่อ “พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ...๐ พรรคเล็กๆ กล้าเสนอชื่อคนชิงนายกฯ แต่พรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย” กลับยังไม่เปิดชื่อ มีการแพลมแบบมาชิมลางสังคมของ 2 พันธุ์เท่านั้น คือ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” และ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” แต่ชื่อที่ 3 กลับไม่เคยโผล่ออกมา วันดีคืนดีก็บอกว่าอาจเป็นหัวหน้าพรรคที่โลกลืมอย่าง “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” แต่บางกระสายก็บอกว่าอาจเป็นคนอื่น แหม! ขนาด พปชร.เขายังส่งหัวหน้าชิง รวมถึงพรรคใหญ่พรรคน้อย ไม่ว่าจะเป็น “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-ประชาชาติ” หัวหน้าพรรคก็เป็นเบอร์หนึ่ง แต่ พรรคตระกูลเพื่อ หัวหน้าพรรคกลับกลายเป็น “ตัวเลือกสุดท้าย” และอาจไม่ติดโผเสียฉิบ ก็ไม่รู้ว่าจะทนสวมหัวโขนหัวหน้ากันให้เสียหน้าทำไม ...๐ ฟัง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทษช. ชี้แจงปฏิเสธความสัมพันธ์กับ “นายเหนือเหลี่ยม” และพรรคเพื่อไทย โดยโยงไปว่าหาก “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่เกี่ยวกับไม่ข้องกับ “พปชร.” แล้ว “ทษช.” ก็ไม่เกี่ยวกับ “ทักษิณ-เพื่อไทย” เช่นกัน ตรรกะน่าเชื่อถือเสียจริงๆ เพราะถ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันจริงก็ต้องส่ง ส.ส.ให้ครบ 350 เขต ไม่ใช่หลีกไม่ใช่หลบในพื้นที่ให้กันและกัน แล้วที่สำคัญต้องกล้าเคาะชื่อบัญชีนายกฯ ได้เลยโดยไม่ต้องรอใบสั่งจาก “สัมภเวสี” แน่จริงต้องทำอย่างพรรคเพื่อชาติที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” นั่งเป็นกองเชียร์อยู่นั่น ยังน่าเชื่อถือกว่าอีก เพราะจะส่ง ส.ส.ทุกเขต และจะเสนอชื่อลุงจิ๋ว “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” เป็นนายกฯ ก็ไม่รู้ว่า “ทั่นเต้น” จะกล้าเหมือน “เพื่อนตู่” หรือไม่ ...๐ ในที่สุด “ฝุ่นพิษ” ก็อาละวาดอย่างรุนแรง และกลายเป็นวิฤติจนถึงขั้นต้องปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยกันแล้ว ซึ่งเคยบอกเคยเตือนกันมานานแล้วว่า การโหมก่อสร้างรถไฟฟ้าพร้อมเพรียงกันแบบไม่สับหลีกเป็นปัจจัยสำคัญ และยิ่งมาเจอกับ ความแปรปรวนทางอากาศที่วัดที่จับต้องอะไรไม่ได้ในยุคนี้ รวมทั้งนโยบายรถคันแรกของพรรคไหนก็ไม่รู้ ยิ่งทำให้ท้องถนนที่การจราจรแออัดเต็มไปด้วยควันดำและฝุ่นละออง ที่ส่งผลเสียทุกวันนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัญหาจะซาและหมดลงเมื่อใด หรือต้องรอให้ออก “ลุงตู่” ใช้มาตรา 44 มากำราบก็ไม่รู้ ...๐
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |