"ณัฐวุฒิ" แจงโพสต์เพื่อขอความเป็นธรรมให้คนถูกฆ่ากลางเมืองหลวง ยันไม่มีเจตนาโหนเสือดำและการเมืองเจือปน เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมล้วนๆ "เสียใจ" หากทำกระทบความรู้สึก เผยครั้งแรกคลิปสั่งเผาที่ราชประสงค์เป็นการตัดต่อข้อความ ขู่ใช้สิทธิ์ฟ้องร้องดำเนินคดี
10 ก.พ. 61 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์รายการ "เข้าใจตรงกันนะ" เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ก.พ.ที่่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งชี้แจงกรณีโพสต์ ถึงเหตุการณ์ฆ่าเสือดำที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตกลางเมืองหลวงเมื่อปี 2553 ว่าตนได้เขียนกลอน และมีข้อความต่อท้ายกรณียิงเสือดำที่ป่าทุ่งใหญ่ฯ จุดยืนของตนไม่แตกต่างกับคนอื่น ได้ร่วมประณามเช่นกัน และสนับสนุนทุกข้อเรียกร้องให้เอาคนผิดทุกคนมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะยากดีมีจน จะเป็นนายพราน คนขับรถ หรือเป็นเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่ ก็ตาม
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าขณะเดียวกันตนก็มีความรู้สึกว่าในบรรยากาศของการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสือดำที่ถูกยิงตาย ทำให้ย้อนนึกไปถึงประชาชนที่ออกมาชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ซึ่งถูกยิงตายรวมเจ้าหน้าที่ด้วย 99 ราย ซึ่งเขาเหล่านั้นก็ยังไม่ได้ความยุติธรรม ตนก็เลยสื่อสารประเด็นนี้เข้าไปด้วย
"ก็มีคนว่าผมไปโหนเสือดำ บอกว่าเอาคนที่ถูกยิงตายเมื่อปี 2553 มาเทียบกับเสือดำมันเทียบกันไม่ได้ ผมก็ไม่มีเจตนาที่จะไปโต้แย้งวิธีคิดเหล่านั้น เป็นแต่เพียงว่าอยากจะพูดชัดๆว่าผมไม่มีเจตนาและไม่มีความคิดที่จะไปโหนเสือดำที่ถูกยิงตายเลย และไม่มีประโยชน์ที่จะไปทำแบบนั้นด้วย"
นายณัฐวุฒิ เชื่อว่าการเรียกร้องความเป็นธรรมให้สัตว์ป่าที่ถูกฆ่า เป็นความงามในจิตใจของมนุษย์ที่แสดงออกถึงความเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตร่วมโลก ขณะเดียวกันการทวงถามความเป็นธรรมให้กับมุนษย์ด้วยกัน ที่ถูกฆ่า ก็คงไม่เป็นความเลวร้าย หรือเสียหายใดๆ ถ้าจะบอกว่าการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเสือดำที่ถูกฆ่าในทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นเรื่องเฉพาะ จะเอาเรื่องอื่นไปเจือปนไม่ได้ ก็สุดแท้แต่ แต่ที่ตนสื่อสารไม่มีเจตนาจะเอาไปปน เพียงหยิบยกว่ามีเรื่องคนถูกฆ่าตายอยู่เหมือนกัน
"ถามว่าเป็นการเอาไปโยงการเมืองไหม ไม่ใช่แน่ เพราะเรื่องนี้มันเลยประเด็นทางการเมืองมานานแล้ว แต่มันเป็นเรื่องความยุติธรรม เรื่องกระบวนการยุติธรรมล้วนๆ เป็นเรื่องคนถูกยิงตาย ซึ่งถึงที่สุดเราอยากให้จบที่ศาล เราอยากให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และมีคำพิพากษาถึงที่สุดในขั้นตอนนั้น เท่านั้นเอง" แกนนำนปช.ระบุ
แกนนำนปช.ผู้นี้ กล่าวอีกว่ากรณีพี่น้องพันธมิตรฯเกิดเหตุเมื่อปี 51 แล้ว มีคดีความเรื่องไปถึงศาล ในที่สุดศาลฎีกาฯพิพากษายกฟ้อง ฝ่ายแกนนำและพี่น้องมวลชนที่ร่วมเคลื่อนไหวบอกว่ายังติดใจคำพิพากษา ก็จะเรียกร้องให้ป.ป.ช.อุทธรณ์ ตามเงื่อนไขของกฎหมาย ซึ่งตนยืนยันว่านี่คือสิ่งที่ทำได้ และก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเห็นว่าถ้ากรณีคนตายถ้าเพื่อนมิตรพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์เขายังติดใจ และมีช่องทางที่จะเรียกหาความยุติธรรมได้ไม่ขัดกับกฎหมายนั้น ตนเห็นว่าเป็นสิทธิ์ เพียงแต่ประชาชนที่ถูกยิงตายเมื่อปี 53 เขายังไม่ได้รับสิทธิ์ตรงนั้น คดียังไม่ถึงศาล ยังไม่มีการไต่สวนพยาน ยังไม่มีการดำเนินคดีใดๆกับผู้สั่งการหรือผู้ลงมือกระทำ ตนจึงต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา
"ยืนยันว่าชีวิตของเสือดำก็สำคัญ แต่ชีวิตประชาชนที่บาดเจ็บล้มตายก็สำคัญไม่น้อยกว่ากัน ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของผม สิ่งมีชิวตทุกชนิดสำคัญที่สุด"เขา กล่าวและว่าส่วนที่บอกว่าคนที่ถูกยิงตาย เพราะออกมาเผาบ้านเผาเมืองเลยถูกยิงตาย นั้น ก็ต้องย้อนไปดูข้อเท็จจริงกันใหม่ ทุกชีวิตตายก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้
เขากล่าวต่อว่า ส่วนที่บอกว่าตนประกาศเชิญชวนให้ประชาชนไปวางเพลิง เรื่องนี้กำลังพิสูจน์กันในศาล วันก่อนนายถวิล เปลี่ยนสี อดีตเลขาฯสมช. ในฐานะอดีตเลขาฯศอฉ.ขึ้นให้การต่อศาลก็บอกว่านี่เป็นคลิปคำพูดที่ผมพูดเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ราชประสงค์ ตนก็เลยให้ทนาย เอาคลิปเต็มๆไปเปิดให้ดูที่หน้าบัลลังก์ศาล แล้วก็ถามว่าพยานซึ่งคือนายถวิล ยังยืนยันหรือไม่ว่าคลิปดังกล่าว ที่เปิดกันเยอะๆนั้นตนพูดที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 8 เมษายน
"คุณถวิลก็บอกว่าท่านเข้าใจผิด ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการชุมนุมทั้งผ่านฟ้า และราชประสงค์แต่อย่างใด เป็นการตัดต่อเฉพาะข้อความเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด และก็แน่นอนที่สุดในทางการเมืองมันก็เกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาผมก็ให้ฝ่ายกฎหมายเก็บข้อมูลมาตลอด ถ้าเรื่องหมิ่นประมาทมันอาจหมดอายุความไปแล้ว แต่เรื่องพรบ.คอมพิวเตอร์ มันยังเข้าข้อกฎหมายอยู่ และในที่สุดผมก็ต้องใช้สิทธิ์ในประเด็นนี้อย่างแน่นอน"นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่าส่วนคดีความอื่นๆ หรือข้อกล่าวหาใดๆ พวกตนก็ไม่เคยหลบหนี ขณะนี้ก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกคดี ก็สู้ตามสิทธิ์กันจนถึงที่สุด สำหรับกรณีคนเจ็บคนตาย บางคนบอกว่าเป็นเพราะฝ่ายชุมนุมฆ่ากันเอง หรือคนชุดดำออกมาสังหารประชาชน และเจ้าหน้าที่ ก็เป็นสิทธิที่จะพูดได้ เพียงแต่ในข้อเท็จจริงศาลได้ไต่สวนสาเหตุการตายแล้วชี้ไปแล้วร่วม 20 รายว่าคนตายเพราะอาวุธจากฝั่งเจ้าหน้าที่ และก็ยังไม่มีการไต่สวนอีกหลายสิบรายหลังการยึดอำนาจ 22 พ.ค. 57 หากมีการไต่สวนสาเหตุการตายก็ไม่รู้ว่าศาลจะชี้อย่างไร แต่เท่าที่ทราบไม่มีสักรายที่ศาลชี้ว่าชีวิตเพราะชายชุดดำ และยืนยันได้ว่าทุกรายที่เสียชีวิตนั้นมือเปล่าไม่มีแม้กระทั่งคราบเขม่าดินปืน
"ผมเลยอธิบายความ ได้สื่อสารให้กับทุกคน ทุกท่านได้พอเข้าใจ แต่ถ้าหลายท่านบอกว่าไม่พร้อมรับฟัง ไม่พร้อมเข้าใจ ปิดประตูใส่กลอนหัวใจแน่นหนา ก็สุดแท้แต่ ผมก็เคารพในสิทธิของทุกคน ในขณะเดียวกันผมก็เคารพในความเป็นมนุษย์ของทุกคนเช่นกัน มนุษย์ที่ลงมือเข่นฆ่าสัตว์ป่า เป็นความโหดเหี้ยมอำมหิตไร้เหตุผล สมควรถูกประณาม หรือถูกดำเนินคดี แต่มนุษย์ที่เสียชีวิตไปแล้วคดีความยังไม่เดินหน้า ยังไม่ได้พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในศาล ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่มนุษย์ด้วยกันน่าจะฉุกคิด ตั้งคำถาม หรือน่าจะมองหาความยุติธรรมให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นความรู้สึกจากหัวใจผม ซึ่งผมคิดว่าสังคมไทยมันคุยกันด้วยเหตุด้วยผลได้
ถ้าการพูดคุยหรือสื่อสารประเด็นนี้ของผม ทำให้ใครก็ตามมีความรู้สึกว่าทำให้อารมณ์ความรู้สึกของท่านที่กำลังทวงความยุติธรรมให้กับเสือดำ กระทบกระเทือนหรือเสียหาย ผมก็เสียใจครับ ไม่มีเจตนาจะไปทำลายบรรยากาศอะไรตรงนั้น แต่ผมก็ยืนยันว่าผมก็จะเดินหน้าของผมต่อไป ผมก็จะติดตามดูความยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นกับกรณีทุ่งใหญ่นเรศวร พร้อมๆกับติดตามความยุติธรรม ซึ่งจำเป็นต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อชีวิตอีกหลายสิบชีวิตเช่นเดียวกัน"นายญัฐวุฒิ กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |