"ประยุทธ์" ย้ำสั่ง สนช.ไม่ได้ อ้างไม่ใช่มีแค่ทหาร ออก กม.ไปแล้วเกือบ 300 ฉบับ ใช้เวลาคิดพิจารณาทุกฉบับ ไม่ได้ทำชุ่ยๆ บ่นอย่าติติงมาก แก้ให้หมดแล้ว ครวญเพลง "คนใจเพชร" ให้กำลังใจคนทำดี  "วิษณุ" เปรียบประชาธิปไตยเหมือนทุเรียนหรือสับปะรด ที่มีทั้งเปลือกและเนื้อใน ด้าน “สมชัย” เตือน สนช.อย่ารั้นคว่ำร่าง 2 กม.ลูกทำโรดแมปเลื่อนกว่า 6 เดือนอาจตกเป็นจำเลยสังคม เวที กกต.คึก 114 กลุ่มการเมืองร่วมฟัง ขณะที่กลุ่มฟื้นฟู ปชต.เดินหน้านัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 10 ก.พ.นี้

    เมื่อวันศุกร์ ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ให้แก่คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตอนหนึ่งว่า   ใน 3 ปีมานี้รัฐบาลออกกฎหมายไปแล้วเกือบ 300 ฉบับ ซึ่งทุกฉบับใช้เวลาคิดและพิจาณา ไม่ได้ทำชุ่ยๆ อีกทั้งตนยังไม่สามารถสั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ เพราะ สนช.ไม่ได้มีแค่ทหาร แต่ยังมีด้านวิชาการ เอกชน แม้จะคัดเลือก สนช.เข้าไปเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าสนช.จะเป็นพวกเรา เพราะพวกเขามีคุณวุฒิเพียงพอ และที่ฝ่ายความมั่นคงต้องไปเป็น สนช. เพราะดูว่าจะมีกฎหมายตัวใดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงบ้าง ซึ่งมีความจำเป็น มิเช่นนั้น สนช.จะไม่คำนึงถึงเรื่องความมั่นคง เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของทุกอย่าง และหากบ้านเมืองไม่มั่นคง ใครจะมาร่วมลงทุนกับไทย
    “วันนี้เรามองไปข้างหน้า เหมือนกับเมื่อไม่นานที่ผ่านมาผมได้พูดกับสหรัฐอเมริกาไปว่า เราจะมองไปข้างหน้า พร้อมแก้ไขปัญหาด้านหลัง ไม่ใช่เปิดไว้ให้เกิดปัญหาต่อไป นี่คือหลักการประชาธิปไตยที่ผมคิดไว้ โดยทุกคนต้องช่วยกัน อย่าติติงกันมากเลย เราจึงต้องบริหารแบบไทยนิยมยั่งยืน ทำความดี พร้อมสร้างความเข้าใจให้ประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อเวลาผมพูดอะไรก็เริ่มแตะ มันเป็นยังไง ต้องแคะเล็กแคะน้อยอะไรทุกวัน มันสนุกตรงไหม ไอ้พวกที่โพสต์อยู่ในคลิปไม่ใช่ผมไม่รู้นะ ไอ้ที่พูดดีไปครึ่งชั่วโมงไม่สนใจ แต่พอพูดติดคอเอาล่ะ  แล้วจะบอกว่าผมเป็นศัตรูกับท่านได้อย่างไร ในเรื่องความสามัคคีปรองดองไม่มีใครบังคับให้คนปรองดองกันได้ แต่จะปรองดองด้วยการทำงานไทยนิยมยั่งยืน ให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากันและร่วมมือกันทำงาน ไปดูนักการเมืองที่ทำยุทธศาสตร์ แผนปฏิรูป ตอนนี้มีหรือไม่ ก็ยังไม่เห็นมีใครพูด ดีแต่ติติงทุกวัน ไปเอาคนที่จะมาตอบโต้แล้วมานั่งคุยกัน ตนพร้อมเจอ แต่พอมาเจอกันก็บอกว่าเป็นห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือประชาชนไม่ได้รับการช่วยเหลือ สิ่งที่ผมเคยพูดมาตลอดไม่เคยฟังกันเลยเหรอ อย่ามาติผมแบบนี้ เรื่องที่ติกันมาก็เอามาแก้ให้หมด แต่ก็ยังติกันอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจ
    ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเดียวกันว่า ไทยนิยมยั่งยืนมีกรอบที่จะดำเนินการใน 10 เรื่อง อาทิ สัญญาประชาคมผูกใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง คนที่ลงไปพูดกับประชาชนต้องบอกทำอย่างไร ถึงจะผูกใจเป็นหนึ่งเดียว ไม่ขัดแย้ง รวมถึงค่านิยมเก่าต่างๆ ของไทย เราต้องเอาความรู้ใส่ลงไป ให้ประชาชนรู้จักสิทธิ เสรีภาพ กฎหมาย รู้เท่าทันเทคโนโลยี รู้กลไกการบริหารราชการแผ่นดิน รู้รักประชาธิปไตย เมื่อประชาชนมีความรู้ก็จะหวงแหนสิทธิ เสรีภาพ ไม่ยอมโดนรังแกง่ายๆ แต่ถ้าขาดสิทธิภาพ ก็อย่าหวังว่าจะเป็นประชาธิปไตย 
    "ดังนั้นจึงต้องรักประชาธิปไตย เหมือนทุเรียนหรือสับปะรด ที่มีทั้งเปลือกและเนื้อใน การเลือกตั้งหรือกาบัตรคือเรื่องเปลือก ซึ่งก็จำเป็น แต่เปลือกกับเนื้ออะไรสำคัญกว่ากัน เบื้องต้นก็สำคัญพอกัน แต่อะไรสำคัญกว่ากันก็ต้องไปบอกชาวบ้าน ถ้าพอใจแค่นี้ จะได้แต่ตาสับปะรดกับเปลือกทุเรียน ส่วนเนื้อในคือการเคารพเสียงส่วนมาก การเคารพประชาชน การมีสิทธิ เสรีภาพ การมีวัฒนธรรมทางการเมือง ความรักชาติ ความเสียสละ ความมีระเบียบ ความมีวินัย ตรงนี้คือเนื้อหาของประชาธิปไตย บางคนขอเพียงสิ่งเหล่านี้โดยไม่ต้องมีเลือกตั้ง ซึ่งมันไม่ได้ มันต้องมี เช่น การเข้างาน ก็ต้องซื้อตั๋ว" นายวิษณุกล่าว    
    พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประพันธ์คำร้อง "เพลงใจเพชร" ที่ขับร้องโดยจ่าสิบเอกพงศธร พอจิต โดยเป็นการแต่งเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคคลที่เสียสละทำความดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม และประเทศชาติ และให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยด้วย  มีเนื้อหาว่า "ปีผ่านปีเท่าไรที่เราได้ร่วมกันฟันฝ่า มีปัญหาเข้ามาครั้งใหม่เสมอ เธอคือแรงพลังแรงใจให้ฉันสู้เพื่อเธอ ยิ้มจากเธอรู้ไหมคือสุขของฉัน เหนื่อยเท่าไร ยากเท่าไร จับมือกันไว้ไปด้วยกัน ยังมั่นคง พร้อมฝ่าฟัน ยังคงมีศรัทธาไม่หวั่นไหว ทำใจให้เป็นเพชรแท้ ไม่แพ้อะไรเสียอย่าง วันนี้มีเราเคียงข้าง อุปสรรคก็ไร้ความหมาย บทเรียนสอนเรา ไม่เหมือนในวันวาน ความฝันที่ใจของเราต้องการ ต้องสร้างมันด้วยกันจึงยั่งยืน ฟ้าคำรามเท่าไรยังมุ่งไปตั้งใจเต็มที่ รู้แค่ใจคิดดีไม่เคยสะท้าน ยากตกน้ำไม่ไหลแม้ตกไฟย่อมจะพ้นผ่าน มีความดีเท่านั้นแคล้วคลาดเสมอ บทเรียนสอนเรา ไม่เหมือนในวันวาน ความฝันที่ใจของเราต้องการ ต้องสร้างมันด้วยกันจึงยั่งยืน"
เตือน สนช.จำเลยสังคม
     ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ได้ลงนามในหนังสือถึงที่ กกต.มีความเห็นแย้งเกี่ยวกับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.แล้ว เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา และในวันนี้น่าจะส่งถึงมือประธาน สนช. ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วม 3 ฝ่าย ยืนยันว่า กกต.จะเห็นแย้งเฉพาะประเด็นที่ทำความเห็น และหากที่ประชุม สนช.มีมติเกินกว่า 2 ใน 3 ไม่เห็นด้วยที่ กมธ.ร่วมเสนอร่างทั้ง 2 ฉบับก็จะตกไป และนำมาสู่ขั้นตอนของการยกร่างกฎหมายใหม่ จะทำให้ไทม์ไลน์โรดแมปการเลือกตั้งเลื่อนออกไปอย่างน้อย 6 เดือน
    “15 วันนี้เป็นช่วงเวลาที่สังคมควรให้ความเห็นต่อประเด็นที่จะมีการแก้ไข และถ้าสังคมเห็นอย่างไร สนช.ทั้งหมดก็ไม่ควรดื้อดึง ไม่ควรใช้ความเห็นส่วนตัวหรือยึดติดความเห็นในอดีตแล้วโหวตไม่ให้แก้ไข อย่ากลัวเสียหน้า ให้เอาประเทศชาติเป็นหลัก อย่าให้การเห็นต่างเพียงประเด็นเดียวคว่ำกฎหมายทั้งฉบับ ต้องคิดว่ามันคุ้มหรือไม่ กับการที่สุดท้ายแล้วมีการถามว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ แล้วท่านจะต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม” นายสมชัยกล่าว
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย   กล่าวถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ไม่มีข้อโต้แย้งอะไร ปลงแล้ว อะไรที่เป็นกติกาเราก็ยอมรับ ยังไม่มีจุดไหนอยู่เหนือการรับได้ของพรรค อาจมีบางจุดที่ไม่ชอบใจไม่เห็นด้วย แต่ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่น เพื่อให้เหตุผลการเลื่อนการเลือกตั้งให้น้อยที่สุด เชื่อว่าคนทั้งประเทศต้องการให้มีการเลือกตั้ง ถ้าเลื่อนออกไปอีกก็อยู่ในวิสัยที่รับได้ แต่คงไม่ต้องไปกำหนดวัน เวลา สิ่งที่ดีที่สุดคืออยู่ในโรดแมป บวกลบนิดหน่อย ก็เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจ การเลื่อนการเลือกตั้งออกไป 90 วัน ก็ยังไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าหากจะขอเลื่อนอีกโดยไม่มีเหตุผล ก็จะทำให้อึดอัดใจ เมื่อมีคำมั่นสัญญาข้อผูกมัดให้ไว้กับประชาชน นานาชาติ เป็นเรื่องที่มีความหมายมาก เชื่อว่านายกฯ จะทำทุกวิถีเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง  
      นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ประชุมนายอำเภอและปลัดจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า ในการเลือกตั้งขอให้ได้คนดี คนเก่ง ไม่ใช่แค่มีหัวคะแนนมาจ่ายเงินก็เลือกเขาเลยนั้น เห็นว่าการเลือกตั้ง 4-5 ครั้งที่ผ่านมา ประชาชนได้สั่งสอนนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงให้สอบตกกันกราวรูด จนมีการพูดกันติดปากว่า รับเงินหมา แต่กาเบอร์ที่ชอบ ปัจจุบันประชาชนให้ความสำคัญกับอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมือง ว่ายึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย หรือฝักใฝ่เผด็จการ และมีผลงานมีนโยบายแก้ไขปัญหาประชาชนได้ตรงจุดหรือไม่เป็นสำคัญ และต้องการให้รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนและชาวโลกว่าจะจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม 
        ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ สำนักงาน กกต.จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการแก่พรรคการเมือง และแนวทางการจัดตั้งพรรค ตามหลักการของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 โดยมีกลุ่มการเมืองเข้าร่วมกว่า 114 กลุ่ม ประมาณ 291 คน และมีผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์รวมแล้วกว่า 400 คน
114 กลุ่มจ่อตั้งพรรคใหม่
    โดยนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต. กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เราอยู่ในบรรยากาศการปฏิรูปการเมือง เราเห็นแสงสว่างรำไรของถนนประชาธิปไตยที่มั่นคง ซึ่งก็เป็นความหวังและน่ายินดี แต่ก็มีหลายคนเตือนว่าแสงสว่างรำไรที่เห็นอาจจะเป็นภาพลวงตา แต่ตนเห็นว่าไม่ใช่ภาพลวงตา เพียงแต่เราไม่มีความสามารถที่จะกะระยะได้แน่นอนว่ากว่าจะเดินถึงจุดแสงสว่างนั้น จะต้องใช้เวลากี่วัน กี่คืน และกี่ปี ขอให้ทุกคนมีความฝันว่า ประชาธิปไตยที่มีคุณภาพที่แท้จริงจะเป็นการเมืองการปกครองของไทยยั่งยืนต่อไป และการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ชาติไทย        
     สำหรับผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ  มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ขณะที่กลุ่มการเมืองที่สนใจตั้งพรรคการเมืองใหม่ อาทิ กลุ่มเพื่อชาติไทย นำโดยนางอัมพาพันธ์ ธเนศเดชสุนทร ภรรยาคนสุดท้ายของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.สส.และอดีตประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) กลุ่มพลังพลเมือง นำโดยนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และกลุ่มไทยศรีวิไลย์ นำโดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ และนายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิตบูล ด้านนางอัมพาพันธ์กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งพรรคเพื่ออยากเชื่อมแนวคิดของกลุ่มคนที่ปฏิวัติกับการเมืองให้ประสานสองฝ่ายนี้กันได้ ซึ่งจะเป็นแนวคิดที่ยุติความขัดแย้ง ส่วนเรื่องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกฯ ต้องดูแนวทางที่มาว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าคุณเป็นทหารแล้วมาในแนวทางที่ถูกต้องเราก็สนับสนุนได้
    วันเดียวกัน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมการรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกการจราจร การจัดกิจกรรมของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 10 ก.พ.นี้ โดย พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวถึงการดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสกายวอล์ก เมื่อ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับแกนนำ 4 คน ประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัชร์ หรือจ่านิว, นายอานนท์ นำพา และนายเอกชัย หงส์กังวาน ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น และผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 หลังไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน ตามหมายเรียกวันที่ 10 ก.พ. หากพบ 4 คนมาร่วมชุมนุมสามารถจับกุมได้ทันที
    ด้านนายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ส่งข้อความนัดหมายการชุมนุมต่อต้าน คสช. ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ผ่านกลุ่มไลน์ DRG UPDATE ระบุว่า หมดเวลา คสช. ถึงเวลาประชาชนแสดงพลัง หยุดยื้อเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจ คสช. ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านที่ไม่อยากทนเห็นการใช้อำนาจอย่างเห็นแก่ตัวของ คสช.อีกแล้ว มาร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ว่าเราจะไม่ยอมให้ คสช. และพวกพ้องได้มีอำนาจวาสนาเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ในอนาคต และจะต่อสู้อย่างถึงที่สุดเพื่อนำ คสช.ลงจากอำนาจ และชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้ ในวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 16.00 น. ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วพบกันครับ
    ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเรื่องเยาวชนคนหนุ่มสาวกำลังกำหนดอนาคตของตัวเอง คัดค้านการจำกัดเสรีภาพของประชาชนเรียกร้องให้เลิกใช้การตั้งข้อหาร้ายแรงเกินกว่าเหตุและหาทางคุมขังประชาชน พร้อมสนับสนุนเยาวชนคนหนุ่มสาวและผู้ที่ต่อสู้เรียกร้องด้วยสติปัญญาทั้งหลาย.