"บิ๊กตู่" ขอคนไทยศึกษาสิทธิและ กม.มากขึ้น "ศรีวราห์" หวิดงานเข้า แบะท่าจะเอาผิด "วิเชียร" ไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน แก๊ง "เปรมชัย" 110 บาท โดนโซเชียลถล่มยับ ก่อนโยนสื่อเข้าใจคลาดเคลื่อน "กรมอุทยานฯ" สั่งตั้ง กก.สอบลูกน้องทุกประเด็นข้อสงสัย "ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า" น้ำตาร่วงโดนคอมเมนต์อัดเปิดทาง "เจ้าสัว" เข้าล่าสัตว์ป่า ลั่นไม่รู้จักส่วนตัว รับท้อพร้อมลาออก "ฮีโร่ผืนป่า" เปิดใจทุ่งใหญ่ฯ ลูกเมียน้อย ขาดทั้งคน-ปืนทำงาน "วนศาสตร์ มก." จับมือศิษย์เก่าแถลงจุดยืนเกาะติดคดีบิ๊กอิตาเลียนไทย หวั่นจบแค่ไฟไหม้ฟาง
เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ถึงกรณีการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกลักลอบตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ว่าเราต้องรู้กฎหมาย อย่างต้นไม้ใหญ่จะล้มทับบ้าน แต่ตัดไม่ได้ ถามว่าทำไมตัดไม่ได้ พอตัดแล้วติดคุก เพราะเป็นไม้พะยูง ไม้ก็ล้มทับบ้าน มันเป็นอะไรกัน ตำรวจก็ถามผู้ใหญ่ ทางผู้ใหญ่ก็ถามป่าไม้ แต่ก็ไม่กล้าอนุมัติกัน ผิดกันไปหมด เรื่องนิดเดียวแก้กันไม่ได้ แล้วก็โดนกันอยู่ทุกวัน ตัดไม้ เก็บเห็ด ก็โดนกันอยู่นี่แหละ มาตอนนี้ฆ่าเสือกันอีก
"โอ๊ยพูดแล้วปวดฟันจริงๆ ช่างโยงกันจริงๆ มันคนละเรื่องกันหมด ไปแก้กันให้ได้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เมืองไทยต้องรู้กฎหมาย ทุกคนต้องรู้ถึงสิทธิและกฎหมาย วันนี้ไม่ใช่อะไรทุกอย่างก็นายกฯ ผมต้องการให้ทุกคนเป็นพระเอกตัวจริง ไม่มีใครเป็นวีรบุรุษ มีแต่ทำเพื่อประเทศ ผมทำหน้าที่ของผม ท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ท่านจะจับใครก็เป็นหน้าที่ของท่านตามกฎหมายที่มีอยู่ ถ้าท่านไม่ทำก็แย่ การจะเป็นวีรบุรุษไม่ใช่แค่ตรงนี้ หากทำตามหน้าที่ก็ชมเชยกันไป” นายกฯ กล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวก่อนเดินทางไปราชการจังหวัดตาก ถึงการสอบปากคำนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุมนายเปรมชัยว่า นายวิเชียรสารภาพไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 110 บาท ซึ่งเป็นค่าเข้าคนละ 20 บาท และค่านำรถเข้าพื้นที่ 30 บาทจริง จึงต้องรายงานให้กรมอุทยานฯ พิจารณาดำเนินการ
"สามารถดำเนินการเอาผิดได้ทั้งทางวินัยและอาญา หากมีการร้องทุกข์ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หากกรมอุทยานฯ พิจารณาว่าอยู่ในอำนาจ ก็อาจมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตามระเบียบเจ้าหน้าที่สามารถงดเว้นค่าธรรมเนียมได้ แต่ก็ต้องทำหนังสือขออนุญาตตามขั้นตอน แต่นายเปรมชัยไม่ได้มีการทำหนังสืออนุญาต มีเพียงนายวิเชียรเป็นผู้ทำเรื่องฝ่ายเดียว เพื่อเสนอผู้อำนวยการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ขออนุญาตให้นายเปรมชัยเข้าพื้นที่เมื่อวันที่ 2 ก.พ. โดยให้เหตุผลว่าเข้าพื้นที่เพื่อศึกษาวิจัย ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในการอนุญาตให้ละเว้นค่าธรรมเนียมต้องเป็นผู้อำนวยการเท่านั้น
ถามถึงกรณีนายเปรมชัยพยายามติดสินบนเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่า พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า นายวิเชียรได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายเปรมชัยและพวกทั้ง 4 คนแล้ว ในข้อหาพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งคลิป เสียงการสนทนาทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบเป็นคลิปเสียงจริง ดังนั้นทุกอย่างว่าไปตามระเบียบกฎหมาย หากพบมีผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ก็จะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น
ปัดดำเนินคดี 'วิเชียร'
ซักว่า กระแสข่าวที่นายเปรมชัยเคยเดินทางเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรก่อนหน้านี้ รองผบ.ตร.กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าเคยมีการเดินทางเข้าไป ซึ่งจะต้องเชิญผู้อำนวยการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมาสอบหรือไม่ ก็เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่สื่อเสนอข่าวพล.ต.อ.ศรีวราห์จะดำเนินคดีนายวิเชียรโทษฐานไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานนายเปรมชัยและคณะรายละ 110 บาท ปรากฏว่าตามโซเชียลต่างๆ ต่างมีคอมเมนต์ไม่เห็นด้วยกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์อย่างรุนแรง
เช่นเดียวกับนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Prinya Thaewanarumitkul ถึงกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์เตรียมแจ้งกรมอุทยานฯ ให้พิจารณาโทษนายวิเชียรไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานนายเปรมชัยว่า ไม่ถูกคน และไม่ถูกประเด็นครับ ไม่ทราบว่าท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังคิดอะไรอยู่ หรือมีเจตนาเช่นไร
"เพราะถ้าจะเล่นประเด็นนี้ ท่านควรต้องไปสืบดูว่า คุณเปรมชัยที่เข้าไปในพื้นที่โดยสั่งกันมาว่าเป็นแขกของนายนี่ เป็นแขกของใคร ใครคือนาย และใครคือคนอนุมัติหรือคนบอกให้ยกเว้นค่าธรรมเนียม 110 บาทต่างหากครับ ไม่ใช่มาเล่นงานเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยอย่างนี้ ถ้าจะเอาเรื่องคุณวิเชียร คนจะสงสัยได้ว่าอาจจะเป็นการตัดตอนเพื่อช่วยใครหรือไม่ ดังนั้น ด้วยความเคารพ ผมว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังทำเรื่องที่ทั้งไม่ตรงคน และไม่ตรงประเด็นด้วยครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณวิเชียรและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยทุกคนครับ” นายปริญญาระบุ
อย่างไรก็ดี ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ชี้แจงระหว่างตรวจราชการที่อำเภอแม่ระมาด จ.ตาก ว่าจนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิเชียรแต่อย่างใด มีเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายเปรมชัยและพวกฐานติดสินบนเจ้าพนักงานเท่านั้น
"ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิเชียรตามที่เป็นกระแสข่าวแต่อย่างใด ข่าวสารที่เสนอไปอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในประเด็นนี้ยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือแจ้งข้อหาใดๆ กับนายวิเชียร ซึ่งการอนุญาตให้นายเปรมชัยและพวกเข้าไปภายในอุทยานทราบว่าเป็นการอนุญาตเข้าพื้นที่ตามระเบียบ ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1.จ่ายค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ส่วนยานพาหนะจ่ายคันละ 30 บาทเข้าไป 2.กรณีที่ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานฯ เพื่อเข้าไปศึกษาวิจัยธรรมชาติ โดยได้รับการงดเว้นค่าธรรมเนียม
"กรณีนี้ทราบว่าเป็นการเข้าโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เป็นการอนุญาตจากดุลพินิจภายในหน่วย ซึ่งเป็นเรื่องภายในของกรมอุทยานฯ ตำรวจไม่สามารถไปก้าวล่วงได้" รอง ผบ.ตร.กล่าว
ด้านนายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงการสรุปการเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกของคณะนายเปรมชัยว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ทุกฝ่ายพยายามหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะด้านตำรวจหรือด้านกรมอุทยานฯ ก็ตาม ซึ่งเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา หัวหน้าวิเชียรก็ได้เข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
นายสมโภชน์กล่าวถึงกรณีตำรวจจะเอาผิดนายวิเชียรกรณีไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานของคณะนายเปรมชัยว่า เราเข้าใจในสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ดี แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย ทางกรมอุทยานฯ ก็ได้ตั้งคณะให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกๆ ประเด็น
"เรายังไม่มีการปลดใครออก ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด นั้นคือรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด ผมไม่ทราบทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์มีหนังสือให้แจ้งความจริงหรือไม่ เพราะยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว เห็นแต่ทางสื่อเท่านั้น" โฆษกกรมอุทยานฯ กล่าว
'ผอ.กาญจนา' พ้อลาออก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการการบังคับใช้กฎหมายการกระทำความผิดเกี่ยวกับงาช้าง กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งการไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) พร้อมประสานฝ่ายทหารให้ร่วมกันเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบตามช่องทางธรรมชาติ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ เพื่อป้องกันนายเปรมชัยและพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีล่าสัตว์ป่าใช้เป็นช่องทางหลบหนีออกจากประเทศ รวมทั้งตามช่องทางอื่นๆ ด้วย
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. กล่าวถึงกระแสข่าวนายเปรมชัยหลบหนีไปต่างประเทศว่า ขณะนี้ตามด่านต่างๆ ยังไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศของนายเปรมชัย ซึ่งได้นำข้อมูลรายชื่อของนายเปรมชัย และพวกเป็นบุคคลเฝ้าระวังแล้ว หากพบที่ด่านจะประสานพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีทันที
ส่วนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นางกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ข้อมูลหลังจากมีกระแสข่าวเป็นผู้ประสานงานให้นายวิเชียรอำนวยความสะดวกคณะของนายเปรมชัย นอกจากนี้ นายวิเชียรพร้อมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ก็ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน
นางกาญจนากล่าวกรณีคณะนายเปรมชัยเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรว่า ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 31 ม.ค. นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ที่ปรึกษาอิตาเลียนไทย ได้ติดต่อทางโทรศัพท์มาหาตน พร้อมกับบอกว่าคุณเปรมชัย กรรณสูต พร้อมทีมงานอีก 3 คน จะขออนุญาตพักค้างคืน 2 คืน ในวัน 3-5 ก.พ. เพื่อศึกษาธรรมชาติ เนื่องจากนายเปรมชัยชอบเข้าป่า รักธรรมชาติ ตนจึงบอกไปว่านายนพดลจะต้องประสานงานกับทางสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพราะตนไม่มีอำนาจในการอนุญาต แต่จะช่วยแจ้งในพื้นที่ว่าจะมีชุดนี้เข้า แต่ก็ต้องให้ทำตามระเบียบ
"ได้ติดต่อกับนายนพดล 3 ครั้ง ครั้งแรกโทร.มาขออนุญาต ครั้งที่ 2 โทร.มาแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อกับทางสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 อ.บ้านโป่งได้ และครั้งที่ 3 ตนเป็นคนโทร.แจ้งเบอร์สำนักงานให้กับทางนายนพดลเอง ซึ่งไม่ทราบว่านายเปรมชัยเป็นใคร คุ้นแค่นามสกุลและชื่อบริษัท แต่ไม่ทราบว่าเป็นถึงประธานบริษัท โดยตนทำเพียงแค่ประสานงานให้เท่านั้น เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้อนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องในอดีตเมื่อปี 2545 สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ามีสิทธิ์กำกับดูแล แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว จะขึ้นอยู่สำนักพื้นที่ เราจะดูเรื่องแผนงานและมาตรฐานการทำงานมากกว่า" นางกาญจนากล่าว
ถามว่าจะดำเนินคดีกับคนที่ทำให้เสียชื่อเสียงหรือไม่ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่รู้จักใคร ไม่มีสื่อในมือ อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด และคิดว่าทำงานในด้านนี้ รู้จักใครมากไม่ดี เนื่องจากอาจจะไม่เป็นกลางได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ทำอะไรไม่ถูก
"ได้อ่านในคอมเมนต์ก็รู้สึกท้อบ้าง ซึ่งวันนี้เดินทางให้สอบปากคำกับทางพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน ก็ไม่มีความหนักใจ จะพูดไปตามความจริง รู้สึกท้อแท้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าการที่เป็นคนแนะนำเรื่องการประสานงาน จนนำไปสู่การลักลอบล่าสัตว์ป่า จะทำให้เกิดเหตุสลดใจขึ้น ไม่คิดว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในสังคม และยังถูกสังคมมองว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุน หากสุดท้ายไม่มีที่ยืนในสังคม ก็อาจพิจารณาลาออกจากตำแหน่งก่อนเกษียณอายุราชการที่เหลืออีกเพียง 1 ปี" ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าว
วันเดียวกัน คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จัดเวทีเสวนาวิชาการ Forestry HARD Talk เรื่อง "การจัดการสัตว์ป่าเมืองไทย กรณีทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก"
นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ นายกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ และอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า วันนี้เรามาร่วมปกป้องเกียรติ ศักดิ์ศรีวิชาชีพ เหตุการณ์หัวหน้าวิเชียรเกิดประจำ แต่เดี๋ยวก็เป็นไฟไหม้ฟาง เราไม่ยอม วิชาชีพนี้มีความสำคัญต่อประเทศชาติ ถ้าไม่มีป่า ประเทศเดือดร้อน ขาดป่าต้นน้ำ น้ำท่วม หน้าแล้งขาดแคลนน้ำใต้ดิน กระทบทุกภาค ป่าไม้เป็นประโยชน์กับทุกคน หน้าที่ของประชาชนคนไทยต้องร่วมดูแลรักษาป่า
"ขอชื่นชมหัวหน้าวิเชียร และยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนปฏิบัติงานเช่นนั้น ไม่ได้จับกุมนายทุนใหญ่ แต่จับกุมประชาชนธรรมดา อาจถูกลอบทำร้ายได้ หลายคนถูกยิงตาย ขอให้การดำเนินคดีทุ่งใหญ่ฯ นี้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา" นายประยุทธกล่าว
ลั่นเกาะติดคดีเปรมชัย
นายกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์กล่าวว่า การที่จะลงโทษเรื่องงดเว้นค่าธรรมเนียมกับนายเปรมชัยและพวก ก็ต้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากผิดก็ว่าไม่ตามผิด แต่คดีล่าสัตวป่าทุ่งใหญ่ฯ สมาคมจะเฝ้าดู และไม่ยอมให้เงียบหายไป สมาชิกสมาคมจำนวนกว่า 5,000-6,000 คนไม่ยอม มีการสื่อสารถึงกัน และไม่กลัวใดๆ
"เป็นห่วงเมื่อได้อ่านข่าวรายงานว่าเขม่าดินปืนที่ตรวจต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ดูเหมือนต้องการให้เรื่องมันซา เพราะรู้นิสัยคนไทย เดี๋ยวก็ลืม แต่สมาคมไม่ลืมเหตุการณ์นี้แน่นอน" นายกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ กล่าว
รศ.ดร.นริศ ภูมิภาคพันธ์ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายจะต้องทำอย่างจริงจังและเท่าเทียม เพราะกฎหมายบังคับใช้กับทุกคน ไม่ใช้แค่ใครบางคน โดยใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มีการกำหนดบทลงโทษการล่าสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองเท่ากัน คือจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งสังคมกำลังจับตาจะมีมวยล้มหรือไม่
ส่วนนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การล่าสัตว์สัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองมีความผิดตามกฎหมาย จากการติดตามสถานภาพสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่ฯ ดีขึ้น แต่เสือดาว เสือดำ ประชากรเติบโตไม่มาก ด้วยสภาพธรรมชาติไม่เอื้อต่อการขยายพันธุ์ ต้องอนุรักษ์และฟื้นฟูต่อไป ในระยะยาวคณะกรรมการปฏิรูปประเทศนำเรื่องอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นประเด็นใหญ่ในการปฏิรูป เช่น หยุดยั้งการทำลายป่าที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า วางแผนทำข้อตกลงร่วมกับกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับเพื่อส่งมอบป่า ส่งมอบมากหรือน้อย ต้องชี้แจงให้ได้
"ขณะที่เรื่องกฎหมาย ยิงกระรอกกับยิงเสือดำโทษเท่ากัน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองฯ ตอนนี้เข้ากฤษฎีกาจะเสริมบทลงโทษของสัตว์แต่ละชนิดและพื้นที่ที่ล่าเพื่อเพิ่มบทลงโทษด้วย" ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าว
จากนั้น นายวิเชียรได้เดินทางมาห้องประชุม FORTROP ก่อนจะเปิดใจถึงปัญหาและอุปสรรคการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รักษาพื้นที่ป่าว่า การรักษาป่าให้มีคุณภาพ ต้องมีคนคุณภาพ ถ้าต้องการป่าสมบูรณ์ แต่ใส่คนด้อยคุณภาพเข้าไปก็ไม่สามารถจัดการได้ ของดีราคาถูกไม่มี จะให้ป่าสมบูรณ์อยู่ได้ ต้องมีเรื่องคน ฉะนั้น การรับบุคลากรต้องมีการคัดกรอง คนมีความตั้งใจทำงาน แต่ที่ควรมีมากกว่านั้นคือ การศึกษา ความรู้ความสามารถ และร่างกาย
"นอกจากคนแล้ว เครื่องมือในการปฏิบัติงาน ทุ่งใหญ่ฯ มี 25 หน่วย มีปืนหน่วยละ 2-3 กระบอก ไว้เฝ้าหน่วย 1 กระบอก ที่เหลือลาดตระเวน บางทีก็ยิงไม่ออก เจ้าหน้าที่เกิดความไม่มั่นใจในการทำงาน ลูกน้องเคยมาถามมีเงินกู้ให้ไปซื้อปืนมั้ย ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปกรณ์และเครื่องมือหลายพื้นที่ขาดแคลน ซึ่ง อช.แก้ปัญหามาตลอด ส่วนกฎหมายทั้งโทษและฐานความผิด โทษยังน้อย แม้แต่ในเขตรักษาพันธุ์ฯ ห้ามเข้า แต่ยังไม่มีบทกำหนดโทษ ต้องปรับปรุงเรื่องกฎหมาย" นายวิเชียรกล่าว
หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกกล่าวว่า บุคลากรที่ควรใส่เข้าไปในพื้นที่อนุรักษ์คือบัณฑิตคณะวนศาสตร์ เชื่อว่านิสิตตั้งใจทำงานในเขตอนุรักษ์ ฝากถึงน้องๆ อย่าเรียกร้องสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทางลาดยาง ต้องออกไปเรียนรู้ในพื้นที่และเติมเต็มประสบการณ์
"การจัดการสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ถือเป็นพื้นที่อนุรักษ์ ก่อตั้งยุคแรกๆ ของไทย แต่การจัดการยังขาดองค์ความรู้มาก แม้แต่ทุ่งหญ้าในป่าทุ่งใหญ่เป็นทุ่งสะวันนาจะจัดการอย่างไร บางคนบอกเผา บางคนให้ตัด บางคนให้ปล่อยธรรมชาติ ถ้าไม่มีความรู้เรื่องสัตว์ป่าจะมองไม่ออก การจัดการป่าทุ่งใหญ่ฯ มีการคุ้มครองถิ่นอาศัยไม่ให้ล่าสัตว์ป่า การจัดการโป่ง แหล่งน้ำ ทุ่งใหญ่ฯ สมบูรณ์สูง ตนอยู่ทุ่งใหญ่ฯ มา 1 ปี ไม่มีใครมาศึกษาวิจัย ไปแต่ห้วยขาแข้ง เป็นลูกเมียน้อยหรือเปล่า ไม่มีองค์กรหรือสถาบันเข้าไปศึกษาวิจัย ทั้งที่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 70 ชนิด ในพื้นที่ 2 แสนไร่ ความหลากหลายเท่าพื้นที่ล้านไร่" หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกกล่าว
ช่วงท้าย ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก คณบดีคณะวนศาสตร์ กล่าวแถลงจุดยืนว่า ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่มีข่าวและคดีทุ่งใหญ่ฯ สังคมไทยมีบทเรียน แต่ห่วงเรื่องจะเข้มข้นระยะหนึ่งแล้วหายไป เจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกฟ้องร้องแทน ก่อนหน้านี้ สโมสรนิสิตวนศาสตร์ องค์กรนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ ได้ออกแถลงการณ์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง ซึ่งจุดยืนในฐานะสถาบันการศึกษา 80 ปี ต้องดำรงต่อไปอย่างเข้มข้นจริง ทางคดีขอให้ทุกฝ่ายทำอย่างตรงไปตรงมา หากไม่เป็นเช่นนั้น คนไทยจะตรวจสอบ ไม่เฉพาะกรณีนี้ แต่รวมกรณีทรัพยากรธรรมชาติทุกเรื่อง วันนี้ถึงเวลาแล้ว เป็นเวลาที่ดีที่สุด ถ้าไม่ทำแต่วันนี้ สัตว์ป่าจะหายไป ต้องจริงจังและจริงใจ
"ถ้ากฎหมายไม่สามารถทำอะไรคนผิดได้ จะใช้มาตรการทางสังคมแทรกแซงและกดดันผู้กระทำผิด
ชนชั้นอภิชนในสังคมยังมีอีกพอสมควร เลิกเสียเถอะ ในการทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใครคิดทำขอให้ยุติ รวมทั้งพวกเราขอให้กำลังใจหัวหน้าวิเชียรอย่างเต็มที่" คณบดีคณะวนศาสตร์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |