ผัวเมียร้องกองปราบฯ รับทำคดีลูกชายตายมีเงื่อนงำ เผยลูกวัย 16 ปีพาญาติวัย 14 ซ้อนจักรยานยนต์จะไปซื้อน้ำปั่นหน้าโรงเรียน เจอตำรวจขอตรวจท่อดัง เลยซิ่งหนีก่อนที่จะถูกถีบรถเสียหลักพุ่งชนกำแพง คนขี่เสียชีวิต คนซ้อนสาหัส ไปแจ้งความ คู่กรณีแค่สาบานไม่ได้ทำ ทุกอย่างก็จบ
ที่กองบังคับการปราบปราม วันที่ 29 มกราคมนี้ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานายลำไพ บัวสิม อายุ 62 ปี และ น.ส.จารีย์ มูลมะณี อายุ 41 ปี ภรรยา พร้อมด้วย ด.ช.เอ อายุ 14 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม โดยนำภาพจากกล้องวงจรปิดมามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา กรณีเมื่อวันที่ 19 ก.ย.61 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ปฏิบัติหน้าที่กวดขันวินัยจราจรอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนวัดบ้านโป่ง ได้พบเห็นนายอนุชา มูลมะณี หรือน้องวิ อายุ 16 ปี กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีท่อเสียงดัง โดยมี ด.ช.เอนั่งซ้อนท้ายผ่านมาบริเวณดังกล่าว จึงเรียกตรวจสอบ แต่นายอนุชาพยายามเร่งเครื่องเพื่อหลบหนี ตำรวจจึงขี่รถไล่ตาม ถึงบริเวณสุสานบ้วนฮกหงี่ซัว รถจักรยานยนต์ของนายอนุชาเกิดเสียหลักพุ่งชนกำแพงสุสานเต็มแรง เป็นเหตุให้นายอนุชาเสียชีวิตคาที่ ส่วน ด.ช.เอได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บมองว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกินกว่าเหตุ
นายรณณรงค์กล่าวว่า อยากให้กองปราบฯ ช่วยรับทำคดีนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 5 เดือน ขณะนี้ทางตำรวจท้องที่คือ สภ.บ้านโป่ง กลับยังไม่มีการรับทำคดีหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งที่ทางครอบครัวของผู้ตายและผู้บาดเจ็บพยายามร้องขอ เนื่องจากมีการยืนยันชัดเจนจาก ด.ช.เอ ผู้บาดเจ็บ ว่าในช่วงการไล่ติดตามจับกุมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่งมีการใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย จนรถเสียหลักประสบอุบัติเหตุดังกล่าว รวมถึงภายหลังจากเกิดเรื่อง ทาง สภ.บ้านโป่งก็ไม่ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการส่งเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีเพียงพาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องมาสาบานว่าไม่ได้ใช้เท้าถีบรถของผู้ตายแต่อย่างใด ทางครอบครัวจึงติดใจ และยังคงเก็บศพนายอนุชาไว้
ด้าน น.ส.จารีย์กล่าวว่า ภายหลังเกิดเรื่อง ทางตำรวจ สภ.บ้านโป่งทำเพียงแค่ลงบันทึกว่าเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุ และยังคงยืนยันว่าไม่ได้ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของลูกชาย อีกทั้งยังเคยมาเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยุติเรื่องราว 1 ครั้ง ก่อนจะเงียบหายไป ซึ่งนับจากเกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ทางครอบครัวของตนก็ยังไม่เคยได้ยินแม้แต่คำว่าขอโทษ หรือมารับผิดชอบดูแลคนเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงแค่เข้ามาแนะนำให้ไปทำเรื่องขอเงินชดเชยจากทาง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยให้อ้างว่าผู้บาดเจ็บเป็นคนขับ ส่วนผู้ตายเป็นคนนั่งซ้อนท้าย เพื่อที่จะได้รับเงินชดเชยมากกว่าเดิม จาก 3 หมื่นบาท เป็นสามแสนบาท แต่ตนไม่เห็นด้วย อีกทั้งลูกชายของตนก็ทำผิดเพียงแค่ดัดแปลงสภาพรถแต่งท่อเสียงดัง ไม่น่าจะทำเกินกว่าเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิตเลย
ส่วน ด.ช.เอกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ซ้อนรถจักรยานยนต์ที่นายอนุชาขับไปซื้อน้ำปั่นที่บริเวณหน้าโรงเรียนวัดบ้านโป่ง ก่อนจะเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงพยายามหลบหนี เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับเรื่องท่อดัง จนมาถึงจุดเกิดเหตุ ตำรวจก็ได้ใช้เท้าถีบไปที่บังโคลนหลังของรถจนเสียหลักพุ่งชนกำแพง ก่อนที่ตนจะหมดสติสลบไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ก่อนรวบรวมเรื่องส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |