พีเอ็ม ๒.๕ ถอยไปก่อน
เพราะมลพิษทางเสียงเริ่มจะหนักหนาสาหัสกว่า
ฤดูหาเสียงเริ่มมาได้สักพักแล้ว และวันนี้เริ่มจะหนวกหู กับเสียงกระจองอแงขายฝัน
มีปากสักแต่พูดไม่ต้องคิด ว่าอะไรทำได้ ไม่ได้ อะไรจริง ไม่จริง
ไม่ต่างมหกรรมโกหกแห่งชาติ
นักการเมือง ก่อนหาเสียง ขณะหาเสียง และหลังหาเสียง ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ดูลูกอ๊อด ตัวเล็กไร้ขา หากินในน้ำ
โตขึ้นขางอก หางหด ครึ่งบกครึ่งน้ำ
เช่นกัน นักการเมืองก่อนหาเสียง ยกมือไหว้ใครไม่ค่อยเป็น
ถึงฤดูหาเสียงเมื่อไหร่ ยกมือไหว้กราดไปทั่ว
หลังหาเสียง อำนาจอยู่ในมือ ทีนี้ก็รอคนมาไหว้
เป็นคนละคนกัน
การหาเสียงของนักการเมืองจึงต้องหารสองหารสิบ มันเชื่อไม่ได้ทั้งหมด เพราะมันมีส่วนที่เกินจริงอยู่เยอะ
บางคนพูดถึงปัญหา และวิธีแก้ไข ทั้งๆ ที่ในอดีตตัวเองเป็นผู้สร้างปัญหานั้นขึ้นมาเอง
และไม่เคยคิดจะแก้ปัญหา!
โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ
ประชาธิปไตย-เผด็จการ
วานนี้ (๒๘ มกราคม) พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาพรรคเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ส.ส. เจ๊หน่อย สุดารัตน์ พูดทิศทางและยุทธศาสตร์ของพรรคเอาไว้น่าสนใจ...
....กว่า ๒ เดือนที่มีโอกาสลงพื้นที่ ประชาชนต่างสะท้อนปัญหา เศรษฐกิจแย่ หนี้สินเพิ่มขึ้น
๔ ปีที่พี่น้องประชาชนต้องทนกับความทุกข์อย่างมาก
๒๘ ปี ที่ทำการเมืองมา ไม่มีครั้งไหนที่ประชาชนรู้สึกว่าขาดที่พึ่ง
พวกเขารอคอยที่จะให้พวกเราไปช่วยเขาออกจากความทุกข์
วันที่ ๒๔ มีนาคม นอกจากจะเป็นวันสำคัญของพวกเราแล้ว ยังเป็นวันที่ประชาชนได้ก้าวออกจากทุกข์ครั้งนี้
ตลอดเวลาที่บอกประชาชนเศรษฐกิจไม่ดี ปีนี้เศรษฐกิจจะไม่ดียิ่งกว่าเดิม เราต้องแข็งแรงไปสู้งานหนักให้ประชาชน
พรรคการเมืองเกิดขึ้นหลายพรรค แต่สุดท้ายคือ ๒ ขั้วเท่านั้น
คือขั้วที่ตั้งขึ้นสืบทอดอำนาจเผด็จการ
และขั้วตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาธิปไตย
วันนี้เราไม่ได้อยู่สงครามโลกที่ใช้รถถังไปสู้กัน
แต่เราอยู่สงครามการค้า เราจึงต้องออกไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ปีนี้เศรษฐกิจจะแย่มาก
ธนาคารโลกยืนยันเศรษฐกิจโลกอยู่ในข่วงขาลง
ถ้าเราได้ผู้เป็นรัฐบาลไม่เชี่ยวชาญเศรษฐกิจคนไทยจะทุกข์มากขึ้น
อยู่ที่ประชาชนว่าจะเลือกรัฐบาลที่เชี่ยวชาญด้านการทหาร หรือรัฐบาลเชี่ยวชาญการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ชินวัตร เคยทำสำเร็จมา ทุกครั้งเราทำเศรษฐกิจดีขึ้นทุกครั้ง มีความสุข กระเป๋าตุงทุกครั้ง
พรรคเพื่อไทย จะนำพาประเทศไทยสู่ความสงบสุข ไม่ใช่ความสงบสุขแบบ ๔-๕ ปีที่ไม่มีเสรีภาพ ความสงบสุขไร้คุณภาพกระเป๋าแฟบ
พรรคเพื่อไทยจะสร้างความสงบสุขบนเศรษฐกิจที่ดี มีบางพรรคการเมืองหรือผู้มีอำนาจบอกปล่อยเลือกตั้งเลือกพรรคการเมืองเดี๋ยวบ้านเมืองไม่สงบ ความไม่สงบที่เต็มด้วยความทุกข์กระเป๋าแฟบเป็นทุกข์
พรรคจะสร้างความสุขให้อนาคตประเทศ
ชัยชนะของพรรค จะเกิดขึ้นได้ด้วยขุนพลของเราที่ช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อเป็นที่พึ่งที่หวัง เชื่อว่าทุกท่านจะทำให้เกิดความสำเร็จ นำชัยชนะมาสู่ประชาชน
ขอให้อดีต ส.ส.มีกำลังขวัญกำลังใจ และ ส.ส.ใหม่ขอให้ร่วมกันสู้ ชัยชนะจะไม่ไกลเกินเอื้อม วันที่ ๒๔ มีนาคม คือวันแห่งชัยชนะของประชาชน หมดเวลาแล้วสำหรับรถถัง ได้เวลาแล้วของผู้บริหารมืออาชีพ....
สรุปรวมที่ "เจ๊หน่อย" สื่อสารออกมา เป็นการบอกว่า ยุครัฐบาล คสช. คือยุคที่ประเทศมืดบอดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างน้อยๆ ก็ ๒๘ ปี
คือยุคหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ถ้านับในแง่เศรษฐกิจ คือว่า โกหก
ความฉิบหายทางเศรษฐกิจวันนี้เทียบไม่ได้เลยกับวิกฤติเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐
วิกฤติต้มยำกุ้งตรงกับรัฐบาลไหน?
ครม.บิ๊กจิ๋วมีใครบ้าง
ทักษิณ ชินวัตร
โภคิน พลกุล
จาตุรนต์ ฉายแสง
เสนาะ เทียนทอง
เฉลิม อยู่บำรุง
อดิศร เพียงเกษ
เผื่อใครจำไม่ได้ ขณะนั้น "จาตุรนต์ ฉายแสง" เป็นถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เชียวนะ
ทักษิณล่ะ?
ทักษิณเป็นรองนายกฯ
แล้ววันนั้นทักษิณเป็นที่พึ่งของใครบ้างหรือเปล่า
ก็ไม่น่าจะมี
เพราะ ทักษิณ ยังต้องพึ่งพา โภคิน
เรื่องอะไรนะหรือ???
ก็ที่รู้ๆ กันนั่นแหละ
กระเป๋าตุง!
ย้อนกลับไปดูได้คำพิพากษาศาลฎีกา (๕๗๓๐/๒๕๕๐) ยกฟ้องคดีที่โภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น (จำเลยที่ ๑)
กับหนังสือพิมพ์อีก ๘ ฉบับเป็นเงินกว่า ๒,๕๐๐ ล้านบาท
กรณีที่ "สุเทพ" อภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๐ โจมตีเรื่องการลดค่าเงินบาทว่า สงสัย "โภคิน" จะนำความลับเรื่องการลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ของรัฐบาลไปบอก "ทักษิณ"
ทำให้บริษัทของ "ทักษิณ" ได้ประโยชน์จากการลดค่าเงิน
คำพิพากษาตอนหนึ่งระบุเอาไว้ว่า
....ประกอบกับพันตำรวจโททักษิณซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบเสียหายรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจการค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศที่ต่างประสบความเสียหายอย่างรุนแรง ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้งข้อสงสัยโจทก์ได้
จำเลยที่ ๑ เพียงแต่ตั้งข้อสงสัยว่าโจทก์เป็นผู้นำเอาความลับที่สุดดังกล่าวที่รู้มาโดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่ควรจะรู้ไปบอกพันตำรวจโททักษิณ ไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง
การตั้งข้อสงสัยดังกล่าวของจำเลยที่ ๑ จึงมีมูลเหตุเพียงพอที่จะให้ตั้งข้อสงสัยเช่นนั้นได้ ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยอย่างเลื่อนลอย อันจะทำให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลยที่ ๑ ที่จงใจฉวยโอกาสในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้านให้ร้ายโจทก์โดยปราศจากเหตุอันสมควร....
ที่ "เจ๊หน่อย" บอกว่า ๒๘ ปี ที่ทำการเมืองมา ไม่มีครั้งไหนที่ประชาชนรู้สึกว่าขาดที่พึ่ง เท่ายุคนี้ ถ้าไม่เมากาว ก็กินยาลืมเขย่าขวด
นี่แหละคือการหาเสียง
รวบรัดตัดความเฉพาะ ๔ ปีในยุครัฐบาล คสช. ประชาชนรู้สึกทุกข์ รอวันให้พรรคเพื่อไทยกลับมาบริหารประเทศเพื่อคลายทุกข์อย่างนั้นหรือ?
๔ ปีก่อนยุค คสช.ประชาชนมีความสุข กระเป๋าตุงกันหรือเปล่า?
เอางี้...
ไปดูโพสต์ของหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom
...ข่าวดีครับ
ตามที่ผมได้ไปขึ้นเบิกความเป็นพยาน ยึดทรัพย์เสี่ยเปี๋ยงและเครือข่าย ในคดีทุจริตจำนำข้าว และการระบายข้าวแบบจีทูจี ตั้งแต่สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์
ล่าสุดศาลแพ่งได้มีคำสั่งยึดทรัพย์ บ.กรีธา พรอพเพอร์ตี 1,362 รายการ วงเงินประมาณ 9,600 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ถือว่าเป็นคดีที่สอง
ส่วนคดีแรกคือบริษัท ทีเอส พรอพเพอร์ตี วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา ยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินเช่นกัน
ทั้งสองคดีนี้ ถือว่าเป็นบริษัทเครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง ที่ศาลแพ่งตัดสินแล้ว จำเลยอุทธรณ์ครับ มีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบ....
ชาวนาทำนากันดักดาน มีแต่พวกนี้แหละครับ "เป๋าตุง"
พรรคเพื่อไทยแน่ใจนะว่า ประชาชนรอให้ช่วยพ้นทุกข์
เจ๊ๆ ทั้งหลายระวังตัวไว้
อีกไม่นานถึงคิว!
ผักกาดหอม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |