Cr:siamrath .com
28 ม.ค.62- ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ แถลงข่าว “การจัดงานโครงการมหกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย” ว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมจะมีงานใหญ่ คือ มหกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย ปีที่ 11 ระดับภาคปี 2562 จัดขึ้น 4 ภาค แบ่งเป็น 1.ภาคกลางและภาคตะวันออก จ.สมุทรปราการ ณ ลานน้ำพุ ศูนย์การค้าเมกะบางนา ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2. ภาคเหนือ จ.ลำพูน ณ แจ่มฟ้าพลาซ่า วันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 3. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สุรินทร์ ณ โรงแรมทองธารินทร์ วันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ และ4. ภาคใต้ จ.นราธิวาส ณ สวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 10-14 มีนาคม
นพ.มรุต กล่าวว่า โดยแต่ละภาคก็จะมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ ภาคใต้ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเรื่อง การนวดลังกาสุกะ ซึ่งเป็นการนวดสำหรับผู้สูงวัย แก้ปวดเมื่อย ปวดเข่า ปวดหลัง นวดด้วยน้ำมันสูตรต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการนวดไทยนั้น ที่ผ่านมากรมฯ ได้มีการผลักดันมาตรฐานการนวดให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และในปีนี้เป็นปีที่สืบเนื่องจากปี 2561 ที่ผ่านมาที่ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกจากองค์การยูเนสโกให้ “โขนไทย” เป็นมรดกวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งในส่วนของนวดไทยก็ได้จัดส่งพร้อมกันในปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในปีนี้ก็ต้องมารรอลุ้นว่า นวดไทยจะได้รับการคัดเลือกในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 ด้วย
“นวดไทย เราจะเสนอทับศัพท์ ว่า NUAD THAI โดยขณะนี้ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้จัดเตรียมรายละเอียดต่างๆ เพื่อส่งต่อให้ทางกระทรวงวัฒนธรรม เสนอให้อยูเนสโกพิจารณา เราได้รวบรวมข้อมูล ทั้งของนักวิชาการของกรมฯ และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับทางภูมิปัญญาท้องถิ่นของกระทรวงวัฒนธรรมมาช่วยดู เพื่อให้เห็นว่านวดไทยแตกต่างจากนวดของที่อื่นอย่างไร เราก็ได้มีการค้นคว้าว่า ของไทยมีการนวดที่เรียกว่า นวดเส้นประธานสิบ ซึ่งเป็นตำรานวดแผนโบราณ และเป็นการนวดที่ทั่วโลกรู้จักดี เช่นเดียวกับมวยไทย” นพ.มรุต กล่าว
นพ.มรุต กล่าวอีกว่าวิธีการนวดตอกเส้น นวดขิดเส้น ล้วนเป็นหลักการนวดของไทย หากต่อไปใครจะเอานวดไทยไปต่างประเทศ เปิดโรงเรียนนวดที่ต่างประเทศก็ต้องผ่านการอบรมเป็นครูในประเทศไทยและไปสอนที่ต่างประเทศ โดยจะรวบรวมเกี่ยวกับเรื่องราว ประวัติการนวดเส้นประธานสิบ และมาตรฐานการนวดไทย พร้อมทั้งจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับที่ พระบาทสนเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจารึกเรื่องการนวดของไทยเอาไว้ที่ศาลาราย ซึ่งรายล้อมข้างผนังภายในวัดโพธิ์ นับเป็นหลักฐานใหญ่ว่านี่คือ ภูมิปัญญาความรู้ของประเทศไทย โดยกรมจะทำเป็นหลักฐานรายละเอียดว่านี่คือ ภูมิปัญญาของไทย
อย่างไรก็ตาม โดยการนวดนั้น จะมุ่งเน้นการรักษาโรคโดยไม่ต้องใช้ยา ซึ่งทั่วโลกจะรู้จักกันในเรื่องการนวดผ่อนคลาย เป็นการรักษาร่างกาย กล้ามเนื้อ รักษาอารมณ์ให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า เพราะส่วนใหญ่หากไปรักษาโรคต่างๆ คนที่ต้องให้การรักษาต้องเป็นแพทย์แผนไทย แต่การนวดผ่อนคลายทั่วไปจะเป็นผู้ช่วยแพทย์แผนไทย จริงๆในเรื่องการนวดยังช่วยเรื่องคลายเส้น แก้ปวดเมื่อย แก้นิ้วล็อก บรรเทาอาการปวดศีรษะ บรรเทาอาการไมเกรนก็มี
"การพิจารณาของยูเนสโก น่าจะมีขึ้นประมาณเดือนพศจิกายน แต่ในระหว่างนี้เราก็จะร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมในการพิจารณา ซึ่งการเตรียมทางกรมแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและประชุมกันหลายรอบแล้ว และจะมีการเชิญทางวัดโพธิ์ มหาลัยต่างๆ หลายๆแห่งที่ทำรวมทั้งศิริราช มาร่วมกันจัดทำเป็นมาตรฐานร่วมกัน และวางแผนในการพัฒนา"
เมื่อถามว่าเกี่ยวกับภาพจำที่อาจเป็นแง่ลบของการนวดไทยจะมีการแก้ไขอย่างไร อธิบดีฯ กล่าวว่า จะไม่ใช้คำว่า Thai massage แต่จะใช้ทับศํพท์ว่า นวดไทย (NUAD THAI) ไปเลย เพราะเมื่อพูดถึง Thai massage แล้วยังมีคนมองไปถึงการนวดที่มีกามารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง คงต้องมีการดูแลในส่วนนี้ให้ดี หากตั้งเป็นร้านนวดก็ต้องเป็นนวดเพื่อรักษาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่นวดเพื่อกามารมณ์ ซึ่งในปีนี้เราจะเดินหน้าในเรื่องมาตรฐาน ร้านไหนเผ่าก็จะมีโลโก้ ซึ่งทางกรมฯ ได้ประสานและขอทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้แล้ว จะใช้ทั้งในและต่างประเทศ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |