27 ม.ค.2562 - นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความเป็นความตายทางการเมือง พื้นที่ชี้ขาด...”มีเนื้อหาระบุว่า พื้นที่ชี้ขาดอนาคตทางการเมืองของสองพรรคการเมืองสำคัญคือเพื่อไทยและพลังประชารัฐในการเมืองยุคสองฝ่ายสามก๊กคือ พื้นที่ภาคเหนือ 56 เขตเลือกตั้ง พื้นที่ภาคอีสาน 116 เขตเลือกตั้ง การต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างสองพรรคการเมืองหนีไม่พ้นสองพื้นที่ดังกล่าว เพราะชัยชนะในสองพื้นที่จะเป็นตัวชี้ขาดอนาคตของพรรคการเมืองทั้งสอง

(1) ชี้ขาดที่หนึ่ง หากพรรคเพื่อไทยสามารถกุมชัยชนะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานได้เหมือนเดิม ย่อมเป็นหลักประกันว่าจำนวน ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง มี ส.ส.มากที่สุด นำความชอบธรรมทางการเมืองทั้งหมดมาสู่พรรคเพื่อไทย เป็นกระดานหกไปสู่การเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

(2) ชี้ขาดที่สอง หากพรรคเพื่อไทยสูญเสียที่นั่ง ส.ส. ในสองภาคนี้ไปเป็นจำนวนมาก โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งก็จะหมดไป สูญเสียความชอบธรรมทางการเมือง ถึงแม้จะมีกระแสโกงเลือกตั้งมาช่วยก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้พรรคเพื่อไทยได้ ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน หรือพรรครอร่วมรัฐบาลเท่านั้น

(3) ชี้ขาดที่สาม หากพรรคพลังประชารัฐประสพความสำเร็จได้ ส.ส.จำนวนมากในสองพื้นที่ ถึงแม้จำนวน ส.ส. ยังไม่ชนะพรรคเพื่อไทย แต่ก็ทำให้พรรคพลังประชารัฐเข้าถึงเป้าหมายทางการเมืองของพรรคได้ นั่นคือ เป็นพรรคการเมืองอันดับสอง สร้างความชอบธรรมในการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและมีโอกาสสูงมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากมี สว. 250 คน ที่พร้อมสนับสนุน 

(4) ชี้ขาดที่สี่ หากพรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้อย่างยับเยินในสองพื้นที่ดังกล่าวคือภาคเหนือและภาคอีสาน ก็จะกลายเป็นบทสรุปว่า ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นคือ ความล้มเหลว พรรคพลังประชารัฐจะกลายเป็นพรรครอร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน (ทั้งที่ใจก็ไม่อยากเป็นเลย) และรอวันสลายตัวเหมือนพรรคการเมืองเฉพาะกิจอื่นๆ 

การเลือกตั้งปี 62 มีการแข่งขันกันเข้มข้นในทุกพื้นที่ แต่ที่เข้มข้นที่สุด ดุเดือดที่สุด หนีไม่พ้นภาคเหนือและภาคอีสาน เพราะมันคือความเป็นความตายทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ