‘บิ๊กตู่’ไม่น่ากลัว! ‘จาตุรนต์’เย้ยมีดีแค่250ส.ว./พปชร.เผย2เหตุผลหนุน‘ประยุทธ์’


เพิ่มเพื่อน    

  2 เหตุผลพลังประชารัฐชู "ลุงตู่" เป็นนายกฯ ผลงานเด่น ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร "จตุพร" ให้เลือกจะเอา "ตู่โน้น" หรือ "ตู่นี้" ขณะที่ "เจ๊หน่อย" เผย 29 นี้เคาะแคนดิเดตนายกฯ ยืนยันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ด้านประชาธิปัตย์ไม่พูดมาก ส่ง "พี่มาร์ค" ชื่อเดียว

    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสาน พบว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ในบัญชีผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 
    1.ผลงานที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ค่าตอบแทน อสม. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา ปาล์ม และอีอีซี 
    2.พล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคการเมืองใด ที่ผ่านมาเรามีสองขั้วการเมืองที่มีปัญหาความขัดแย้งมาโดยตลอด นำมาซึ่งวิกฤติของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์จะโต้แย้งอย่างมีเหตุผลกับหลายๆ กลุ่มตามสถานการณ์มากกว่า
    "ทุกอย่างอยู่ที่มติของกรรมการบริหารพรรค แต่ส่วนตัวแล้วผมมองว่าลุงตู่มีความเหมาะสมในทุกด้านที่จะเป็นนายกฯ เป็นอดีตทหารที่รักชาติ รักประชาชนและเทิดทูนสถาบัน ผมจึงอยากให้ลุงตู่เป็นนายกฯ ต่อไป" นายธนกรกล่าว
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐจะส่งชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในรายชื่อบัญชีนายกฯ ว่า จะส่งใครมาก็ไม่กลัว ตนมาไกลขนาดนี้แล้ว ยิ่งทำงาน ยิ่งมั่นใจ ส่วนที่บอกว่าเราจะไปอยู่ข้างใคร ตอนนี้พรรคคิดไปถึงการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ดังนั้นคำถามจึงต้องเปลี่ยนว่าใครจะมาอยู่ข้างเรา 
    ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า วันนี้ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน เราไม่มีทางจะชนะได้ พี่น้องตัดสินใจง่ายมากว่าควรจะเลือกพรรคใด ถ้าต้องการสืบทอดอำนาจเลือกพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ หากไม่เอาการสืบทอดอำนาจเลือกพรรคเพื่อชาติ 
    "หากต้องการ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการตู่นู้น ก็เลือกพรรคที่หนุนตู่นู้น ต้องการสนับสนุนตู่นี้ ก็เลือกพรรคเพื่อชาติ" นายจตุพรกล่าว
    นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ด้วยมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง แต่มีบางพวกที่ติดอีเวนต์มักจะแยกพวกระหว่างคำว่าเผด็จการและประชาธิปไตย ใช้วาทกรรมบิดเบือนให้ประชาชนสับสน จึงอยากเสนอว่านักการเมืองเราควรให้เกียรติประชาชนและกองทัพ โดยไม่ผลักทหารและกองทัพให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประชาชนและประชาธิปไตย เพราะทหารก็คือหนึ่งในจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและเป็นประชาชนในประเทศนี้เช่นกัน โปรดอย่ากอดประชาธิปไตยไว้แต่เพียงผู้เดียว
         เธอกล่าวว่า ต้องให้เกียรติประชาชนที่กำลังศึกษานโยบายและพรรคการเมืองควรแข่งขันกันทำประโยชน์ให้กับประชาชนในยุคสมัยนี้ และเคารพสถาบันอย่างกองทัพ อย่าเหมาทหารทุกคนว่าเป็นเผด็จการทั้งหมด ขอร้องว่าให้เลิกมองโลกด้วยความเกลียดชัง เราควรพยายามสร้างบรรยากาศให้ประชาชนไปสู่การเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 อย่างเรียบร้อย 
วอนอย่าด่าทหาร
    "ไม่เห็นด้วยที่จะมีนักเคลื่อนไหวหรือนักการเมืองจะหาเสียงด้วยการด่าทหาร เหมารวมเป็นเผด็จการแล้วมัดรวมกองทัพและรัฐบาลเข้ากับพรรคการเมือง โปรดอย่าลืมว่าเผด็จการรัฐสภาก็เป็นชนวนที่เกิดความขัดแย้งมาแล้ว และประชาธิปไตยแบบทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนปรารถนา"
    นางมัลลิกากล่าวว่า อย่าไปเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง คุณไม่ชอบเขาเพราะคุณไปแย่งอำนาจกับเขา แต่เวลามีภัยพิบัติทางธรรมชาติมีวิกฤติก็มีทหารตัวเล็กๆ ลูกหลานชาวบ้านหรือกองทัพเข้าไปให้การช่วยเหลือคุณไม่พูดถึงเขาสักคำ แต่เวลาจะหาเสียงทางการเมืองกลับไปโจมตีเอาเขามาเกี่ยวข้อง จัดพวกแยกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียบรรยากาศ ทำให้เกิดความเกลียดชัง เกรงจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้ง 
    นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์นี้จะพิจารณาอนุมัติบัญชีนายกรัฐมนตรี โดยจะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงคนเดียว 
    ขณะที่ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้พิจารณาในส่วนของผู้ที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี แต่พรรคไทยรักษาชาติมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคมากกว่า 3 คนแน่นอน
          “สุดท้ายประชาชนจะต้องเลือกว่าให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ หรือให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ ฉะนั้นรายชื่อนายกฯ จากฝั่งประชาธิปไตย ผมคิดว่าเราพูดคุยกันได้ และพรรคไทยรักษาชาติก็พร้อม หากประชาชนให้ความไว้วางใจมากเพียงพอ เราก็จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นทางเลือกให้กับการเมืองไทยในอนาคต
         ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ทษช. กล่าวว่า แนวโน้มพรรคพลังประชารัฐ คงเชิญ พล.อ.ประยุทธ์มาอยู่ในบัญชี 3 คนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่าจะเสนอเพียงชื่อเดียวหรือทั้งสามชื่ออย่างที่มีข่าว
    เมื่อถามว่า มองว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวทางการเมืองหรือไม่ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ทษช. ตอบว่า ถ้าพูดในแง่วิสัยทัศน์ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และผลงาน ก็ไม่น่ากลัวเลย แต่ พล.อ.ประยุทธ์มีข้อได้เปรียบคือมี ส.ว. 250 คนในกระเป๋า ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบพรรคการเมืองต่างๆ ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อถึงโค้งสุดท้ายประชาชนไทยเหลือประเด็นเดียวในการตัดสินใจคือจะให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ และถ้าทุกคนเห็นว่าตลอดเวลา 4-5 ปีนี้เดือดร้อนพอแล้ว โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เสียหาย พล.อ.ประยุทธ์กับพวกก็แก้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาลคือต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีจาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนอื่นที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน
ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
          ถามว่าหากถูกเสนอชื่อเป็นบัญชีนายกฯ ของพรรค จะพร้อมหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อใครบ้าง แต่ สุดท้ายก็ต้องให้เจ้าตัวลงชื่อยินยอมด้วย ถ้าถึงวันที่มีหนังสือมาให้ยินยอมก็จะตอบปัญหานี้
         “ถ้าทุกคนเห็นว่าตลอดเวลา 4-5 ปีนี้เดือดร้อนพอแล้ว โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เสียหาย พล.อ.ประยุทธ์กับพวกก็แก้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาล คือต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีจาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนอื่นที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน” นายจาตุรนต์กล่าว
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เผยว่า วันอังคารที่ 29 ม.ค. พรรคจะประชุมและพิจารณาเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
    นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ชวนคนไทยอ่านผลงาน 4 ปีรัฐบาลว่า ประชาชนคนไทยล้วนรู้อยู่ว่าผลงาน 4 ปีของรัฐบาลนี้เป็นอย่างไร แม้รัฐบาลจะอ้างว่าได้ดำเนินการเรื่องต่างๆ แล้ว แต่ประชาชนก็สัมผัสได้ถึงปัญหา เช่น เรื่องปากท้องเศรษฐกิจ เพราะกำลังซื้อในประเทศตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้น ประชาชนสามารถตัดสินใจได้เองว่ารัฐบาลมีผลงานดีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะนำเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ เพราะที่แล้วมาพรรคเพื่อไทยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยกลับมาดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
         นายพงศ์เทพกล่าวถึงข้อครหาที่ 4 รัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังไม่ลาออกว่า ทั้ง 4 คนควรลาออกนานแล้ว โดยปกติเมื่อจะมีการเลือกตั้ง ทุกรัฐบาลจะต้องอยู่ในสถานะรักษาการ ต่างจากรัฐบาลชุดนี้ ที่มีอำนาจเต็ม สามารถดำเนินการเรื่องต่างๆ ได้หมด ดังนั้น เมื่อรัฐบาลนี้ไม่อยู่ในสถานะรักษาการ 4 รัฐมนตรีจึงไม่ควรอยู่ในตำแหน่งต่อไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับคำเชิญของพรรค พปชร.ในการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน ซึ่งเมื่อตอบรับแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ควรจะจำกัดการใช้อำนาจ มิเช่นนั้นจะใช้อำนาจและกลไกของรัฐเอื้อประโยชน์ให้กลับมาสู่ตำแหน่งนายกฯ อีกครั้ง เพราะวันนี้เห็นได้ชัดว่ามีการใช้กลไกรัฐเพื่อประโยชน์แก่บางพรรคการเมือง
กกต.หยุมหยิม
    นายพงศ์เทพกล่าวถึงระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการใช้สื่อในการรณรงค์หาเสียงว่า ทำให้ผู้ที่คิดจะลงเลือกตั้งเกิดความกังวล จนต้องประกาศปิดเฟซบุ๊กและสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ กันเป็นแถว จนทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอยู่พอสมควร ทั้งที่ความจริงแล้ว กกต.ควรสนับสนุนให้ทุกพรรคการเมืองใช้โซเชียลมีเดียในการรณรงค์หาเสียง เพราะสามารถทำให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มที่ ประหยัดค่าใช้จ่ายผู้สมัคร และยังสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการใช้สื่ออย่างไรบ้าง ดังนั้น จึงอยากให้ กกต.ช่วยอำนวยความสะดวก อย่าสร้างกฎเกณฑ์ที่ทำให้ผู้สมัครเกิดปัญหา
    นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ขอให้ คสช.และ กกต.พิจารณายกเลิกระเบียบที่หยุมหยิมรัดตัว จนผู้ปฏิบัติอึดอัดไม่สามารถทำงานได้อย่างสะดวก กฎเกณฑ์ที่ยังไม่ชัดเจนตีความได้หลายนัย และยังไม่มีการวินิฉฉัยชี้ขาดเป็นแนวทางไว้ว่าจะยึดเกณฑ์ใดเป็นหลัก ความไม่แน่ใจในหลายวิธีการว่าทำได้หรือไม่ ยังเป็นคำถามจากพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้สมัครกลัวการทำผิดกฎหมาย จึงบั่นทอนกำลังใจของผู้สมัครและพรรคการเมืองในการทำงาน และสภาพเช่นนี้อาจเกิดการจ้องจับผิดกันไม่จบไม่สิ้น ซึ่งอาจสร้างภาระให้กับทุกฝ่ายโดยใช่เหตุ
          ที่สำคัญคือ การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ ม.44 และคำสั่ง คสช.ที่จำกัดสิทธิของผู้สมัครและพรรคการเมืองอีกหลายฉบับด้วยกัน จึงทำให้มีความอึดอัดกันทุกพรรค คงไม่เว้นแม้แต่ พปชร. ซึ่งเป็นพรรคที่มี รมต.อยู่ในรัฐบาลเป็นสมาชิกด้วย ดังนั้น คสช.และ กกต.จึงควรยกเลิกประกาศ คำสั่ง ระเบียบต่างๆ ที่เป็นการจำกัดสิทธิของผู้สมัครและพรรคการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และหากมีการร้องเรียนอันไม่เป็นสาระ ก็ขอให้ กกต.ใช้ดุลพินิจในทางที่เป็นคุณกับฝ่ายการเมืองด้วย ทั้งนี้ เพื่อทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปด้วยดี และสำเร็จเรียบร้อย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"