เจตจำนงก่อนตาย


เพิ่มเพื่อน    


                                                           (1)
    กะว่าจะไปแจ้งความจำนงบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาล หลังจากที่เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ตามคำชี้แนะ ชี้นำ ของ พี่สาวบังเกิดเกล้า ที่เฝ้าชวนแล้ว ชวนเล่า มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง กี่หน แต่ก็ยังไม่ได้มีจังหวะเหมาะๆ ซักกะที ด้วยเหตุเพราะยังมั่วๆ อยู่กับการปั่นต้นฉบับโน่น ฉบับนี่ วันละ 2 ต้นฉบับเป็นอย่างน้อย เลยต้องผัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อยๆ...
                                                       (2)
    คือด้วยเหตุเพราะ พี่สาวบังเกิดเกล้า ของอันตัวข้าพเจ้าเอง ที่ไม่เพียงอายุ อานาม ออกไปทางไม้ใกล้ฝั่งยิ่งเข้าไปทุกที แต่ด้วยการ แบกภาระ ช่วยประคบ ประหงม บิดาบังเกิดเกล้าและมารดาบังเกิดเกล้า ตั้งแต่คนแรกยังไม่ไป จนกระทั่งได้ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่สองที่กำลังหนักไปทางไปแหล่-มิไปแหล่ นอกจากจะเป็นอะไรที่เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า เอามากๆ แล้ว การรับมือกับความซับซ้อน สับสน วุ่นวาย ในระหว่าง งานศพ นั่นแหละ ที่ทำให้ท่านเกิดความคิด ความเห็น ขึ้นมาว่า สู้หันไปบริจาคร่างกายให้เป็นประโยชน์กับพวกหมอ พวกนักศึกษาแพทย์ น่าจะเข้าท่า เข้าทางกว่าเป็นไหนๆ...
                                                   (3)
    เรียกว่า...อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลายเป็น ภาระ ให้กับผู้ที่ยังไม่ตาย ไม่ว่าถ้าตัว พี่สาว ท่านโชคดีที่ตายก่อน หรือตัวของอันตัวข้าพเจ้าเอง จะโชคดีที่ตายก่อนก็ตามแต่ เพราะแค่ดูพ่อ ดูแม่ ขณะยังไม่ทันได้ตาย ก็แทบอ้วกแตก อ้วกแตนแล้ว แต่ถ้าใครดันมาตายก่อนใครไปซะอีก ก็ยิ่งน่าจะรากเลือดขึ้นไปอีกหลายเท่า สู้ยกร่างกายไปให้พวกหมอ พวกแพทย์ เค้านำไปศึกษาหาความรู้ แถมยังรวบยอดทั้งสวด ทั้งเผา ให้เสร็จสรรพ โดยไม่ต้องมาเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กับกรรมพิธีอะไรอีก แค่คิดๆ ระหว่างที่ยังไม่ทันได้ตาย ก็น่าสบายใจกว่าเป็นไหนๆ...
                                                      (4)
    ด้วยการเห็นดี เห็นงาม กับคำชี้แนะ ชี้นำ ทำนองนี้ ของ พี่สาวบังเกิดเกล้า ท่านนั่นเอง ก็เลยตัดสินใจว่าจะต้องหาทางไปแจ้งความประสงค์ เจตจำนงดังกล่าว กับทางโรงพยาบาลให้จงได้...แต่ก็อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละ ได้แต่คิดไป-คิดมา ยังไม่มีเวลาได้ลงมือปฏิบัติแบบจริงๆ จังๆ ซะที จนกระทั่งล่าสุด...เมื่อเผอิญได้ดูข่าว ดูสารคดี จากโทรทัศน์ช่องไหนต่อช่องไหน ก็จำไม่ได้ซะแล้ว ที่นำเอาเรื่องราวการแสดงเจตจำนงต้องการบริจาคร่างกายของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ให้กับโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็เลยยิ่งเกิดแรงกระตุ้น เกิดแรงบันดาลใจ ตั้งเป้าว่าวันใด-วันหนึ่ง จะต้องตอบสนองคำชี้แนะ ชี้นำของพี่สาว อันถือเป็นการเดินตามแนวทางของ หลวงพ่อคูณ ไปด้วยในตัว...
                                                     (5)
    เพราะสำหรับ หลวงพ่อคูณ แล้ว...เฉพาะแค่บริจาคอะไรต่อมิอะไรขณะที่ท่านยังไม่ได้ตาย ไม่ได้มรณภาพ ก็ต้องเรียกว่ามหาศาล บานเบอะ บานตะเกียง เห็นข่าวแวบๆ ที่ใครก็ไม่รู้เขาพยายามรวบรวมไว้เป็นตัวเลขคร่าวๆ ว่ากันว่า...ไม่น่าจะน้อยกว่า 6,000 ล้านบาท หรืออาจมากกว่านั้นอีกกี่เท่าต่อกี่เท่าก็ยังไม่ถึงกับชัดเจน ชนิดแทบไม่น่าเชื่อเอาเลยว่า...มนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาโดยแทบไม่ได้มีสมบัติพัสถานใดๆ รองรับเอาไว้เลย แต่กลับมาสามารถสร้างคุณประโยชน์อันมากมาย มหาศาล ให้มวลมนุษย์รายอื่นๆ ได้กว่าสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น เคยมี ไม่รู้กี่แสนกี่ล้านเท่า อะไรจะชั่งงดงาม สง่างาม ไปกว่านี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว...
                                                     (6)
    แถมแม้แต่สิ่งสุดท้าย...คือเศษซากร่างกายเท่าที่เหลืออยู่ ยังสามารถนำไป บริจาค นำไปใช้ให้เป็น ประโยชน์ กับผู้อื่น คือบริจาคกันชนิดหยดสุดท้าย เม็ดสุดท้าย เอาเลยก็ว่าได้ เรียกว่า...แทบไม่ต้องเสียเวลาไปสนใจว่าท่านเคยพูด หรือเคยเทศน์ อะไรเอาไว้มั่ง ไม่ว่าจะออกไปทางไพเราะเสนาะหู หรือออกไปทางมึงๆ-กูๆ เพราะโดย การกระทำ ของตัวท่าน ไม่ว่าขณะยังมีชีวิตอยู่ หรือขณะตายไปแล้ว ย่อมสามารถนำมาใช้อธิบายถึงสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ ได้อย่างครบถ้วน กระบวนความ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ธรรมะที่ไม่เคยต้องตกเป็น ภาระ ของผู้หนึ่ง ผู้ใด มีแต่นำมาซึ่ง ปวงประโยชน์ ให้กับใครต่อใคร ไม่ว่าผู้ที่คิดจะเดินตามธรรมะ หรือผู้ไม่คิดจะเดินตามคำชี้แนะ ชี้นำใดๆ ก็แล้วแต่... 
                                               (7)
    สรุปรวมความแล้ว...ด้วยคำชี้แนะ ชี้นำ ของพี่สาวบังเกิดเกล้า บวกกับแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจจาก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ นี่แหละ เห็นที...คงต้องหาทาง หาเวลา ไปแจ้งเจตจำนงกับทางโรงพยาบาล ก่อนที่จะเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง โดยไม่ทันรู้เนื้อ รู้ตัว ยิ่งในช่วงระหว่างนี้...ที่เพื่อน-พ้อง-น้องพี่แต่ละราย ร่วงผล็อยๆ กันจนแทบไม่รู้ว่าศพใครเป็นศพใคร วัดไหนเป็นวัดไหน ศาลาไหนเป็นศาลาไหน อย่างน้อย...ถ้าได้เตรียมเนื้อ เตรียมตัวเอาไว้ก่อน ก็คงไม่ต้องกลายไปเป็นภาระให้ เพื่อนรัก เพื่อนใคร่ อย่าง เสื้อเตี้ย-สนานจิตต์ บางสพาน เขาต้องเดินสายมางานศพของตัวเรา เหมือนอย่างที่ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กับงานศพของเพื่อนพ้อง-น้อง-พี่ รายไหนต่อรายไหนมาโดยตลอด...
                                   -------------------------------------------------
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"