ชายแดนใต้ยังร้อนระอุ! คนร้ายดักบึ้ม 3 ตำรวจชุด รปภ.ครูกรงปินัง จ.ยะลา บาดเจ็บ ชาวบ้านโดนลูกหลง 3 ราย "ผู้การปัตตานี" นำผู้ต้องหาประกบยิงชาวไทยพุทธดับทำแผนประกอบคำสารภาพ "คณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส" ร่วมแสดงความอาลัยเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพและพระลูกวัดมรณภาพ 

    สถานการณ์ความไม่สงบพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ยังคงเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด เวลา 08.30 น. วันที่ 25 ม.ค.62 ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ขาวนวล สารวัตรสอบสวน สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดริมถนนสาย 410 ยะลา-เบตง บริเวณหัวสะพานบ้านบาซาเวง ม.6 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง ซึ่งเป็นชุดดูแลความปลอดภัยครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านตะโละซูแม เดินทางกลับจากส่งคณะครู ได้ประสบเหตุถูกคนร้ายลอบวางระเบิด ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย และชาวบ้านที่ผ่านไปมาบนถนนเส้นทางดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอกรงปินัง
    พล.ต.ต.กฤษฏา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จ.ยะลา) นำกำลังตำรวจ ทหาร พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยปิดกั้นเส้นทางการจราจร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD เข้าทำการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร น้ำหนักประมาณ 5 กก. มาวางไว้ริมถนนข้างทาง ก่อนจุดชนวนระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 6 นาย ที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านตะโละซูแมมาถึงที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย ส.ต.ท.อภินันท์ ตาหลี, ส.ต.ต.ชารีฟ นวลดำ และ ส.ต.ท.ณัฐกร นนตานอก 
    นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 3 ราย ทราบชื่อคือ นายมาหามะ บือซา ถูกสะเก็ดระเบิดที่ปากเล็กน้อย, น.ส.รอซีย๊ะ สะนิ อาการหูอื้อ และ ด.ญ.มวัดดะห์ บือซา มีอาการตกใจ
    เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งเตือนการก่อเหตุร้าย เนื่องจากการข่าวได้ระบุมีกลุ่มคนร้ายเข้ามาเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.กรงปินัง เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นการก่อเหตุของนายยาห์ยา บือราเฮง ซึ่งเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา
    ที่ จ.ปัตตานี เวลา 10.30 น. พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์  เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมด้วย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 นำตัวนายอาบีดิน ลาเตะ แนวร่วมกลุ่มขบวนการก่อเหตุความรุนแรง ทำแผนรับสารภาพ ร่วมก่อเหตุยิงนางกัญญารัตน์ ยศอักษร อายุ 59 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดพื้นที่ ม.1 ต.ป่าบอน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา
    นายอาบีดิน ลาเตะ ยอมรับว่า ตนเองเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และเข้าร่วมขบวนการเมื่อปี 2553 และยอมรับเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงนางกัญญารัตน์ ยศอักษร ซึ่งตนเองทำหน้าที่เช็กเป้าหมาย โดยมีนายไซฟูดดีน หะยีปูเต๊ะ, นายกอเซ็ง ลาเตะยามา และนายอับดุลรอแม ดอเลาะ เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ จากการขยายผลตรวจยึดเมมโมรีการ์ดที่อยู่กล้องหน้ารถยนต์เก๋ง ของนายอาบีดีนที่ถอดซุกซ่อนไว้ภายในบ้านเลขที่ถูกจับกุม ตรวจสอบไฟล์วิดีโอในเมมโมรีการ์ดพบหลักฐานสำคัญที่นายอาบีดินโทรศัพท์พูดคุยกับนายไซฟูดดีนในการเช็กเป้าหมายโดยเจาะจงเป็นคนไทยพุทธ 
    ในการทำแผนรับสารภาพครั้งนี้ นายอาบีดีนมีหน้าที่เฝ้าดูเป้าหมายที่บริเวณตลาดนัด โดยอาศัยอยู่ในรถเก๋งคัน พร้อมกับลูกวัย 3 ขวบ โดยมีเป้าหมายเป็นไทยพุทธ ครั้งแรกเป็นไทยพุทธที่เป็นผู้ชายและมีอาวุธปืน แต่ไม่สามารถหาเป้าหมายได้ จึงเลือกเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงแทน เมื่อเป้าหมายขับจักรยานยนต์ผ่าน จึงได้โทรศัพท์บอกนายไซฟูดดีนและพวก ซึ่งดักอยู่ในป่าริมทาง ห่างประมาณ 1 กิโลเมตร โดยนายอาบีดีนได้ขับรถตามเป้าหมายไป เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้าย 3 คนใช้จักรยานยนต์ 2 คัน เมื่อได้จังหวะนายกอเซ็งจึงชักอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จ่อยิงนางกัญญารัตน์ทันที ก่อนจะลงจากรถและจ่อยิงซ้ำจนเสียชีวิต พร้อมทั้งหยิบกระดาษที่มีข้อความว่าจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่วางข้างศพ ก่อนที่จะหลบหนีไป
    ส่วนที่ จ.นราธิวาส นายแวอาแซ แวมามุ และนายนูรูยี บือราเฮง คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส พร้อมนายสุธิพงษ์ บินเจ๊ะมุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโตะเด็ง นายใหญ่ดี ดือราแม กำนันตำบลโตะเด็ง นำประชาชนและกลุ่มสตรีในพื้นที่ ม.1 บ.โตะเด็ง และ ม.5 บ.โผลง เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยในพิธีบำเพ็ญกุศลศพของพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ อดีตเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี  เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ และพระสมุห์อรรถพร กุศลจิตฺโต อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ
    ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสยังได้นำคณะแม่บ้านในพื้นที่มาเปิดครัวฮาลาลเพื่อจัดเตรียมอาหารให้ชาวมุสลิมที่เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยต่อการมรณภาพของพระทั้งสองรูปด้วย
    นอกจากนี้ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสยังได้ร่วมพบปะกับพระพรหมเสนาบดีรักษาการเจ้าคณะภาค 7 ประธานศีล  5 ส่วนกลางวัดปทุมคงคา และคณะของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี, พระเทพศีลวิสุทธ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา และนายธนาธิป พรหมชื่น กำนันตำบลสุไหงปาดี ให้การต้อนรับและร่วมพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น
    พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด ในภาพรวมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีความปรารถนาที่ดีต่อกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าในวันนี้ท่านผู้นำศาสนาและพี่น้องมุสลิมทุกคนที่มาร่วมพิธีในวันนี้ท่านได้กรุณาเป็นอย่างมากที่จัดอาหาร จัดอะไรมาเพื่อที่จะมาพบปะสังสรรค์แสดงความสัมพันธ์ให้สังคมรู้และรับประทานอาหารร่วมกัน
    มีรายงานว่า กรณีที่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ได้จัดซื้อที่ดินและปลูกสร้างอาคารเสนาสนะสงฆ์ เพื่อขยายและพัฒนาวัดรัตนานุภาพ ที่ตั้งอยู่หมู่ 2 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส จากเดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากนัก ทำให้วัดมีหนี้สินค้างชำระในการจัดซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมเป็นเงิน 1,379,165 บาท กองอำนวยการร่วมงานพิธีบำเพ็ญกุศลสังขารธรรมของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ และพระสมุห์อรรถพร กุสลจิตฺโต จึงได้เปิดรับบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคารออมสิน สาขาสุไหงปาดี ชื่อบัญชี "สมทบทุนชำระหนี้ การจัดซื้อที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างวัดรัตนานุภาพ บัญชีเลขที่ 020261876187 ซึ่งล่าสุดได้รับบริจาครวมแล้วกว่า 4,300,000 บาท ทั้งนี้ จะเปิดรับบริจาคไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค.2562 
    ด้านสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา นายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ และพระสมุห์ อรรถพร ขุนอำไพ 
    นายชาติชายกล่าวว่า กสม.ขอน้อมรับข้อมูลจากผู้ประสบเหตุในพื้นที่มาประกอบการพิจารณาต่อกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกกรณี เพื่อให้รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการแสดงท่าทีต่างๆ ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ตลอดจนคำนึงถึงความรู้สึกของผู้ประสบเหตุที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่ง กสม.มุ่งหวังว่าหน่วยงานรัฐและคนไทยทุกคนจะร่วมมือกันเพื่อสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างแท้จริงและยั่งยืน.