‘บิ๊กตู่’ยังกั๊กอนาคต ไล่ไปส่องกม./‘วิษณุ’ซัดนักการเมืองรู้กฎอยู่แล้วเลิกโวย


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ยังอุบไต๋อนาคตทางการเมือง บอกให้ไปดูข้อกฎหมาย สั่งเร่งปิดจ๊อบผลงานก่อนเลือกตั้ง จ่อจัดมหกรรมการสร้างการตระหนักรู้ต่อยุทธศาสตร์ชาติ วันจันทร์นี้ลงพื้นที่ จ.สระบุรี "วิษณุ" ตอกนักการเมืองอย่าโอดครวญกับระเบียบ กกต.เพราะรู้มาก่อนแล้ว เลขาฯ กกต.ยันกฎหมายกำหนดให้ใช้หลักฐานเสียภาษีปี 59-61 จะผ่อนผันไม่ได้ พัทลุงเดือดแน่ อดีตปลัดจังหวัดลาออกแล้วลงสมัครส.ส.สังกัดภูมิใจไทย แต่ไม่ตอบโต้ "นิพิฏฐ์" ขณะที่ชทพ.สุพรรณบุรียังไม่จบ "จองชัย" ลั่นพร้อมลงชน "ประภัตร"

     ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก วันที่ 25 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ครบรอบ 61 ปี ภายในงานมีพิธีมอบรางวัลเกียรติยศจักรดาวให้แก่ศิษย์เก่าเตรียมทหารดีเด่นประจำปี 2562 เพื่อเชิดชูยกย่องศิษย์เก่าเตรียมทหารที่มีความรู้ความสามารถ ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมจนเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และสร้างเกียรติยศชื่อเสียงให้แก่สถาบัน ซึ่งมีผู้ได้รับการคัดเลือกจำนวน 17 คน 
    สำหรับรายชื่อศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว โดยการคัดสรร อาทิ พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้, พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) หรือหน่วยซีล ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24, พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 16, พล.อ.ธงชัย สาระสุข อดีต ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 19 เป็นต้น
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสดุดีและยกย่องผู้ที่ได้รับรางวัลจักรดาวสดุดีประจำปี 2562 และเชื่อมั่นว่าผู้ที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารทุกรุ่น นักเรียนเตรียมทหารและกำลังพลของกองทัพจะดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของข้าราชการกองทัพไทยที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตยและความมั่นคงต่อไปของบ้านเมือง สิ่งสำคัญที่สามารถนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่อย่างสม่ำเสมอคือ การน้อมนำแนวทางจิตอาสาพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  บูรณาการการปฏิบัติหน้าที่ราชการทหารให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ 
     "ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น พวกเราจะทำหน้าที่ในการที่นำพาประเทศไปสู่ความสุขสันติมีความยั่งยืนในทุกมิติทุกรูปแบบ อยากฝากไปกับพี่น้องทหารทุกคนทั้งในและนอกราชการ ให้ทุกคนได้สร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีความภูมิใจในการเป็นทหาร ตำรวจ ในการเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ที่จะอยู่กับท่านตราบจนสิ้นชีวิต ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ ศักดิ์ศรีเกียรติยศอยู่ที่ประชาชนจะมอบให้ เราไม่สามารถไปบังคับให้ใครเคารพนับถือได้ เกียรติภูมิของท่าน ซึ่งมาได้จากการปฏิบัติหากทำดีท่านก็จะได้รับสิ่งตอบแทนดี มีความสุขสุขใจและมีเกียรติยศให้กับครอบครัว หากทำไม่ดีก็จะเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเสื่อมเสียกับกองทัพ และทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่า ทหาร ตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกโอกาส เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนอันเป็นที่รักของเรา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า ขอให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนนั้นมีความสุข มีระเบียบวินัยมี ความเจริญยั่งยืนสืบไป พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ช่วยรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศในวิถีทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย"
    หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานได้พยายามสอบถามถึงการตัดสินใจอนาคตทางการเมือง ภายหลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มและกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไปดูข้อกฎหมาย”
    จากนั้น ขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางกลับ โดยนั่งคู่กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดย พล.อ.อนุพงษ์ได้เปิดกระจกรถ เมื่อนักข่าวถามว่า ตัดสินใจอนาคตหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ก็ทำท่าชู 3 นิ้ว I love you และกล่าวว่า “เพื่อชาติ เพื่อชาติ”  
28ม.ค.นายกฯลงพื้นที่สระบุรี
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ หลังจากนั้นช่วงค่ำ นายกฯ กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า สัปดาห์หน้า รัฐบาลจะจัดมหกรรมการสร้างการตระหนักรู้ต่อยุทธศาสตร์ชาติ “อนาคตไทย อนาคตเรา” ระหว่างวันพุธที่ 30 มกราคม ถึงวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ณ ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้คนทั้งชาติได้รับรู้ถึงบริบทของโลกและความท้าทายในอนาคต เข้าใจแนวคิดและสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งร่วมมือกันทุกภาคส่วน ในการที่จะสร้างไทยไปด้วยกัน ด้วยการขับเคลื่อนบ้านเมืองของเราไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ขอเชิญพี่น้องประชาชนได้มีส่วนร่วมในงานดังกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 พล.อ.ประยุทธ์ยังคงมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ โดยวันที่ 28 ม.ค. นายกฯ มีกำหนดการเดินทางตรวจราชการ จ.สระบุรี จุดแรกเยี่ยมชมสวนพฤษศาสตร์พุแค ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ สวนพฤษศาสตร์แห่งแรกของประเทศ และเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ใกล้ชุมชน ตามโครงการป่าในเมือง สวนป่าประชารัฐเพื่อความสุขของคนไทย ที่ได้พัฒนาพื้นที่และอำนวยความสะดวกรอรับให้บริการประชาชน เช่น การศึกษา การพักผ่อน ออกกำลังกาย จากนั้นนายกฯ จะเป็นสักขีพยาน มอบที่ดิน สปก.4-01 ให้แก่เกษตรกร จำนวน 10 ราย และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลลักษณะแปลงรวม พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) แก่ราษฎร 10 ราย ก่อนนายกฯ จะทักทายประชาชน และไปเยี่ยมชมศูนย์โอท็อปคอมเพล็กซ์พุแค และศูนย์การท่องเที่ยวโอท็อป นวัตวิถี ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ณ ตลาดหัวปลี
    นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายฮิโรกิ มิทสึมะตะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น เข้าพบเพื่อเตรียมการก่อนคณะของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ จะเดินทางไปโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่นระหว่าง 30 ม.ค.-2 ก.พ.นี้ ถึงการเตรียมคำตอบกับนักธุรกิจว่า คงจะพูดได้ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยขณะนี้ชัดเจนขึ้นเยอะ และนักลงทุนตอบสนองดี โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์มีการตอบสนองที่ดี หลังจากที่มีปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ทุกคนมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง จึงทำให้นักลงทุนสบายใจ และเมื่อเราไปตอบที่ประเทศญี่ปุ่น เขาจะได้สบายใจเช่นกันว่าความอึมครึมในประเทศไทยมันหมดลงแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นนายกอบศักดิ์จะต้องเดินทางไปด้วยการลาออกจากตำแหน่ง น่าจะเป็นหลังจากไปโรดโชว์แล้วหรือไม่ นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ต้องรอดู 4 รัฐมนตรีว่าจะลาออกไปก่อนหน้าผมหรือเปล่า ถ้าลาออกก่อนไป ตนก็คงไม่ได้ไปแน่ ตอนนี้ก็จะทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ขอให้รอดูต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่าเก็บของแล้วยืนยันยังไม่ได้มีการเก็บของแต่อย่างใด
    ส่วนการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้น นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ขอให้รอทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลง ที่ผ่านมามีผลงานที่รัฐบาลทำออกมามากมาย ยิ่งปีสุดท้ายเป็นปีที่รัฐบาลพยายามเก็บงานหลายเรื่องเหมือนกับการตัดชุวิวาห์ มันต้องใช้เวลาในการตัดเย็บ ดีไซน์ การชุน และสุดท้ายจะเห็นผลในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนแต่งงาน ตนจึงบอกว่า 4 ปีที่ผ่านมาเราเดินหน้ามาหลายเรื่อง และปีสุดท้ายเป็นปีที่มีสีสันที่สุด เพราะเป็นปีที่ทุกอย่างเห็นผลและเกิดการเปลี่ยนแปลง 
    "ทำให้ผมพอใจและสบายใจ และคิดว่านายกฯ จะมีหลายเรื่องที่จะบอกกับประชาชน เนื่องจากมีผลงานออกมามากมาย เวลาอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนการเลือกตั้งเราต้องพยายามปิดงานให้ได้ โดยนายกฯ พยายามสั่งอยู่ตลอดเวลา และเร่งให้ทุกคนปิดงานพยายามเดินหน้าทุกโครงการให้เห็นผล" นายกอบศักดิ์กล่าว
กกต.ย้ำไม่ผ่อนผัน
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ว่า ขณะนี้
สามารถหาเสียงได้ทุกช่องทางตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด โดยเริ่มหาเสียงได้ตั้งแต่ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.กำหนดการหาเสียงทั้งการติดตั้งป้ายหาเสียง การใช้รถหาเสียง และการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย ขอให้ศึกษาจากระเบียบของ กกต.ที่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและปฏิบัติตาม และขอให้เตรียมเอกสารในการลงสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย ใบสมัคร ค่าสมัคร ใบรับรองการแสดงหลักฐานการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี (2559-2561) 
    "ใครจะโอดครวญว่าเตรียมตัวไม่ทันคงไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว" นายวิษณุ ระบุ
     ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า กกต.ได้พูดคุยกันแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งเรามีข้อกังวล แต่เนื่องจากกฎหมายนี้กำหนดให้ใช้หลักฐานการเสียภาษีถึงปีที่รับสมัคร จึงมีมติว่าหลักฐานภาษีที่จะใช้ต้องใช้ย้อนหลัง 3 ปี คือปี 2559, 2560 และ 2561 ซึ่งการเสียภาษีของปี 2561ทางกรมสรรพากรให้เสียภาษีตั้งแต่ 1ม.ค.- 31 มี.ค. 62 ดังนั้นผู้ที่จะสมัครสามารถยื่นเสียภาษีประจำปี 2561 ได้แล้ว และขอหลักฐานการเสียภาษีจากกรมสรรพากรเพื่อนำมายื่นสมัคร ส่วนที่มีบางคนอาจจะมีปัญหาในการรวบรวมหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ก็ให้ไปยื่นเสียภาษีประจำปีกับกรมสรรพากรก่อนเพื่อให้ได้หลักฐานใบเสร็จการเสียภาษีมายื่นสมัครต่อ กกต.ก่อน แล้วค่อยไปยื่นหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายหลังต่อกรมสรรพากร ส่วนการเสนอให้ กกต.ผ่อนผันเกณฑ์ดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเรื่องที่กำหนดอยู่กฎหมาย
         เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียว่า ขณะนี้ใครที่มีเฟซบุ๊ก ไลน์ ก็ไม่ต้องลบแอคเคาต์ โดยสามารถแจ้งล่วงหน้าต่อผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งได้เลย กกต.ให้อิสระเสรีภาพในการหาเสียงเต็มที่ ทุกพรรคสามารถทำได้ตามปกติ เพียงแต่อย่าทำผิดกฎหมาย และขอให้เก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายไว้เป็นหลักฐาน ตอนนี้ กกต.ได้ประสานกับทุกมีเดีย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ไปหารือกับผู้บริหารกูเกิลเรื่องการคำนวณค่าใช้จ่าย และสัปดาห์หน้าก็จะไปคุยกับไลน์ประจำประเทศไทย เพื่อให้ความรู้ไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อความที่ผิดกฎหมาย
    ส่วนกรณีที่ผู้สมัครพรรคการเมืองตำหนิ กกต.ล่าช้าเรื่องการกำหนดสถานที่ติดป้ายหาเสียง เลขาธิการกกต.กล่าวว่า กกต.กำลังเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรับสมัคร จึงไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจนว่าแต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครกี่เขต ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ผูกกับการคำนวณจำนวนป้าย และผู้ช่วยหาเสียง เช่นกำหนดให้มีได้ไม่เกิน 10 เท่าของจำนวนเขตที่ส่งสมัคร เรื่องการหาเสียงสามารถดำเนินการได้ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องการคำนวณค่าใช้จ่ายซึ่งเริ่มนับแล้ว
         นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ทุกราย ขอให้ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต กฎหมายด้านความมั่นคง กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว และต้องไม่ขัดต่อมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงฯ และต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ หลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ กฎหมายความมั่นคง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ปชป.บี้กกต.ทำให้ชัดเจน
     “วิทยุและทีวีมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน หากมีการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นการชี้นำทางความคิด และไม่เป็นกลางทางการเมือง อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมได้ การเสนอเนื้อหาด้วยความเป็นกลาง ไม่ชี้นำ ไม่ขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ได้รับสาระที่เป็นกลางอย่างแท้จริง” นายฐากรกล่าว
    ขณะที่นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า การที่ กกต.ยังออกระเบียบเลือกตั้งไม่ชัดเจน ทั้งการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องแจ้งวิธีการการดำเนินการ รวมทั้งหลักฐานให้ กกต.รับทราบตั้งแต่วันรับสมัครเป็นต้นไป และยังมีปัญหาของยานพาหนะที่ต้องยื่นต่อ กกต.ในการขอใช้ยานพาหนะและการจัดสถานที่เวทีหาเสียง ซึ่ง กกต.ต้องทำให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหากับผู้สมัครที่จะต้องหาเสียง เพื่อที่จะได้ดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ระเบียบบางเรื่องเมื่อเขียนไปแล้วก็ทำได้ยากมาก จึงอยากให้ กกต.มีหน่วยงานที่สามารถตอบข้อสงสัยของผู้สมัคร เพราะเวลานี้หากจะถามระเบียบต่างๆ กกต.มักจะให้ทำหนังสือเข้าไป ทำให้ใช้เวลามาก จนกระทั่งเลยเวลาในการหาเสียง จึงขอเรียกร้อง กกต.ให้กำหนดระเบียบที่ตีความไม่ตรงกันให้ชัดเจน
     นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการกิจกรรมพิเศษภาคอีสาน พรรค ปชป. และผู้อำนวยการเลือกตั้งโซน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ และเลย  เปิดเผยว่า พื้นที่โซน 3 จังหวัดดังกล่าวมีผู้สมัครของพรรครวม 23 คน ปชป.เป็นพรรคที่ชัดเจนที่สุดในการเสนอนโยบายที่จับต้องได้และเป็นประชาธิปไตยที่สุจริตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืนในทุกบริบทสังคมการเมืองไทย คนภาคอีสานจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยในครั้งนี้อย่างมีศักดิ์ศรี และมั่นใจว่าจะลงโทษพวกที่ซื้อเสียงดูถูกคนอีสานมาตลอด และก้าวข้ามผ่านสิ่งที่สูญเสียมาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา 
    "จากการลงพื้นที่ภาคอีสาน ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของคนในพื้นที่ ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนจะหันกลับมาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเกิดของตัวเอง ทั้งนี้ ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ปชป.จะลงพื้นที่พบปะพี่น้องในจังหวัดเลย คาดว่าในภาคอีสาน พรรคจะได้ ส.ส.ระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ประมาณ 15 คน เมื่อไปรวมกับตัวเลข ส.ส.ของพรรคทั้ง 2 ระบบทั่วประเทศ จะทำให้ ปชป.ได้เป็นเเกนนำจัดตั้งรัฐบาลในทันที" นายภูมิสรรค์กล่าว    
     ที่ห้องทำงานนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ปลัดจังหวัดพัทลุง ได้เข้ายื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งปลัดจังหวัดพัทลุงเพื่อลงสมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 2  พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.2562 
    ต่อมาที่หน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง แกนนำพรรค ภท.ของ จ.พัทลุง นางนาที รัชกิจประการ  เหรัญญิกพรรค ผู้ดูแลการสมัคร ส.ส.ของพรรค ภท.ใน 14  จังหวัดภาคใต้, นายสมใจ ด้วงทอง หัวหน้าสาขาพรรค ภท.ภาคใต้ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง มีนายภูมิศิษฏ์ คงมี เขต 1, นายเขมพล อุ้ยตระกุล เขต 3  พร้อมคณะ มาให้การต้อนรับนายฉลอง โดยนายฉลองกล่าวว่า สมัยที่ตนรับราชการในพื้นที่ภาคอีสาน ได้มีความนิยมชื่นชอบนโยบายพรรคภูมิใจไทย ในการแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน และพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคเดินสายกลางไม่เคยขัดแย้งหรือสร้างศัตรูกับพรรคการเมืองใด จนส่งผลให้คะแนนนิยมของพรรคได้พุ่งสูงขึ้นตามลำดับจึงตัดสินใจลาออกจากราชการมาลงสมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 2
ปลัดพัทลุงไขก๊อกสังกัด ภท.
    นายฉลองกล่าวว่า กรณีที่นายนิพิฏฐ์กล่าวว่ามีปลัดจังหวัดให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เดินเก็บบัตรประชาชนในราคาบัตรละ 500 บาท และไม่ได้ระบุว่าปลัดจังหวัดคนนี้เป็นใคร ในขณะนั้นตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน จึงไม่อยากออกมาโต้ตอบวันนี้ได้ลาออกจากราชการแล้ว  ก็ไม่อยากไปโต้ตอบ สร้างความขัดแย้งกับนักการเมืองคนไหน พรรคใด และหลังจากนี้ขอเดินหน้าออกพบปะประชาชนเพื่อชี้แจงนโยบายพรรคอย่างเดียวใครจะสาดโคลนใส่ตนก็เชิญตามสบาย
    ด้านนางนาทีกล่าวว่า ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการมีที่นั่ง  ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ แต่ก็ไม่ย่อท้อ จากการที่ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ ตามนโยบาย เสียสละ ทำมากกว่าพูด ทำให้คะแนนนิยมของพรรคดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าผู้สมัครของพรรคจะสามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.ได้ทุกจังหวัด และก็จะมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 16 ที่นั่ง   
    ที่สวนธนบุรีรมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. พร้อมคณะ และนายไสว โชติกะสุภา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ พรรค ภท. อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่มาออกกำลังกาย โดยตลอดทางได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี โดยนายอนุทินกล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ กทม.อย่างเป็นทางการครั้งแรกของพรรคภท. มั่นใจในตัวนายไสว เพราะเป็น ส.ก.หลายสมัย วันนี้มีคนที่เชื่อมั่นและให้กำลังใจเราเป็นพรรคที่ตั้งใจทำงาน ไม่ได้มาชิงไหวชิงพริบในทางการเมืองหรือสร้างความขัดแย้ง 
    นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้มีความชัดเจน เนื่องจากมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งพรรคก็ยินดีทำตามรัฐธรรมนูญและกติกาทุกประการ ไม่มีปัญหา ระเบียบต่างๆ เขียนมาชัดเจนว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ เราก็ทำตามนั้น ดีที่สุดคือไม่ต้องโพสต์ แต่ลงไปหาชาวบ้าน จะเป็นสิ่งที่มีผลมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ตนเลิกโพสต์แล้ว  ต้องขยันเดินเคาะทุกประตูบ้าน เอานโยบายของพรรคไปนำเสนอ ไม่ใช่อยู่บ้าน พิมพ์อะไรแล้วเอากล้องมือถือมาถ่ายคลิปตัวเอง แล้วก็มาบอกให้คนเลือกตัวเอง ไม่มีใครเขาเลือกหรอก 
    นายจองชัย เที่ยงธรรม สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรี เขต 3 พรรคภูมิใจไทย แข่งกับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)  และยืนยันเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้ ขณะที่การทำความเข้าใจและปรับความเข้าใจกับแกนนำพรรค ชทพ. ตามที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคระบุว่าสามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงแล้วนั้น ตนยืนยันว่าที่ผ่านมา น.ส.กัญจนา รวมถึงคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา แกนนำคนสำคัญของพรรค ชทพ.ไม่เคยเรียกพูดคุยถึงประเด็นที่เป็นปัญหา ดังนั้นตนขอประกาศจะลงเลือกตั้งเขต 3 จ.สุพรรณบุรี ของพรรคภูมิใจไทย และพร้อมสู้กับเลขาธิการพรรค ชทพ.
    ส่วนนายเสมอกัน เที่ยงธรรม บุตรชายนายจองชัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวปัญหาความขัดแย้งระหว่างบิดากับนายประภัตร ตนไม่ค่อยได้รับทราบ เพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ตนไม่ขอยุ่ง ที่ผ่านมาตนเคยพูดคุยเพียงสั้นๆ กับบิดา ว่าจะเอาอย่างไรแล้วแต่ท่านจะเป็นคนดำเนินการ คาดว่าวันที่ 26 ม.ค. ตนเสร็จธุระจากต่างจังหวัดแล้ว คงจะเดินทางไปพูดคุยกับบิดาในเรื่องดังกล่าว
    "เรื่องนี้ผมไม่ค่อยรับรู้ เพราะเป็นเรื่องที่ปวดหัว แล้วแต่คุณพ่อเลยว่าจะเอาอย่างไร ไฟนอลสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตามนั้น ส่วนตัวเคารพในการตัดสินใจของคุณพ่อ ผมยังยืนยันว่าลงสมัครในนามพรรค ชทพ. เขต 4 สุพรรณบุรี เหมือนเดิม เพราะได้มีการพูดคุยกับนายวราวุธ ศิลปาอาชา ประธานคณะทำงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ ชทพ. ซึ่งทางนายวราวุธก็ยืนยันที่จะให้ตนลงสมัครในพื้นที่เขต 4 เหมือนเดิม โดยที่ไม่มีความขัดแย้งกัน" นายเสมอกัน กล่าว     
เด็กเสรีพิศุทธ์โต้เด็ก พปชร.
    มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยว่า คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ได้ประชุมสรุปจำนวนผู้สมัคร ส.ส.ที่พรรคจะส่งในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. โดยจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตทั้งสิ้นจำนวน 249 เขต ในพื้นที่ กทม. ส่งผู้สมัคร 22 เขต ในส่วนของผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคนั้นมีทั้งสิ้น 131 คน ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้ที่ประสงค์ลงสมัครในส่วนนี้ด้วย โดยรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทางคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครจะประชุมพิจารณากันอีกครั้งในวันที่ 30 ม.ค.นี้ 
    รายงานข่าวจากพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แจ้งว่า การส่งตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เบื้องต้นจะส่งผู้สมัคร ส.ส.จำนวนประมาณ 150 เขต ในพื้นที่ กทม.จะส่งเพียง 8 เขตเท่านั้น เนื่องจากหลังมีชื่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. ทำให้กระแสของพรรค พท.ใน กทม.ดีดตัวขึ้นแรงมาก จนพรรค ทษช.จำเป็นต้องหลีกทางให้ในหลายเขตจากเดิมที่คาดว่าจะส่งผู้สมัคร กทม. 10-15 เขต 
    นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีรองโฆษกพรรค พปชร. ระบุผิดหวังกับการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยว่า ขอบคุณที่ยังกล่าวชื่นชม และรู้ถึงประวัติคุณงามความดีในอดีตของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ควรศึกษาข้อเท็จจริงให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกมา และอย่าพูดให้เกิดความคลุมเครือ เพราะการดำเนินคดีดังกล่าวเฉพาะสมาชิกพรรค พปชร.ที่เป็นแกนนำและอดีต ส.ส.ที่ไปจูงใจอดีต ส.ส.มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น มีการระบุชื่อชัดเจน ไม่ได้หมายรวมถึง สมาชิกคนอื่นๆ ทั่วไป อยากจะเตือนว่า การเลือกตั้งควรยืนอยู่บนความถูกต้อง มีจริยธรรมทางการเมือง ไม่ใช่เพียงยึดหลักกฎหมาย แล้วหาทางเอาเปรียบคู่แข่งทุกวิถีทาง 
     "อยากถามพรรค พปชร.ด้วยว่า หาคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในนามพรรค ได้แล้วหรือยัง ถึงมาพูดจาถากถางพรรคการเมืองอื่น พรรคเสรีรวมไทยมีความพร้อมจึงเสนอชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หรือว่าสมาชิกทั้งพรรค ตนไม่เข้าใจ ที่อ้างว่ามีสมาชิกทั่วประเทศ ไม่มีใครเหมาะสมเลยหรือ จึงพยายามวิงวอนเอาคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ทั้งๆ ที่คนคนนั้นยังไม่เคยตกปากรับคำเลย แล้วอย่างนี้จะอาสามาเป็นตัวแทนประชาชนแก้ไขปัญหาของประเทศได้อย่างไร หรือเป็นแค่หุ่นเชิดทางการเมือง ของใครบางคนที่ไม่กล้าจะลงเลือกตั้ง" นายปิติพงษ์กล่าว  
    ทางด้านพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) นำโดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค และคณะ พร้อมนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ เดินทางมาภาคอีสาน ตามกำหนดการพรรคเพื่อชาติสัญจร พร้อมทั้งเปิดสถาบันพัฒนาการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19-26 ม.ค.2562 โดยวันนี้ช่วงเช้าอยู่ที่เทศบาลเมืองสุรินทร์ และต่อด้วยช่วงบ่ายซึ่งเป็นเวทีปราศรัยใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน โดยจัดขึ้นที่เทศบาลตำบลศีรขรภูมิ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ และปิดท้ายที่โรงสีคุณโรจนินทร์ อ.ปราสาท บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนนับหมื่นคนมาเฝ้ารอและให้การต้อนรับ
    ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวชุมชนคลองเตย รับฟังปัญหาความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต ซึ่งปัญหาหลักที่ชาวบ้านชุมชนคลองเตยได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ปัญหาที่อยู่อาศัย พื้นที่ชุมชนคลองเตยเป็นที่ของการท่าเรือ นอกจากนี้ นายธนาธรยังเข้าไปชม "โรงหมู" ซึ่งเดิมเป็นโรงฆ่าสัตว์ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนในชุมชน โดยนายธนาธร เปิดเผยว่า สิ่งที่น่าเศร้าอย่างมากเมื่อได้มาเยือนชุมชนคลองเตย คือการที่ที่นี่แทบไม่เปลี่ยนไป คุณภาพชีวิตยังไม่ได้รับการพัฒนา จาก 20 ปีที่แล้วที่ตนเคยมาทำงานมาเยือนชุมชนตอนทำกิจกรรมนักศึกษา. 
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"