“เขารู้ว่าผมมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย การกุเรื่องขึ้นมาเล่นรังแกผมในคราวนี้จึงไม่ใช่มีเป้าหมายแค่ตัวผม ซึ่งไม่ได้มีความสำคัญอะไร คนที่ต้องเตรียมตัวไม่ให้เกิดสภาวะตกกระไดพลอยโจน ก็คือตัวท่านนายกทักษิณเอง ที่เขาโอบล้อมครอบครัวของท่านเข้ามาทุกขณะ เพื่อเอาครอบครัวชินวัตรมาเป็นข้ออ้างและเป็นเหยื่อ ในขณะที่เขาจะเข่นฆ่ากันเอง

            ในส่วนตัวผม ฝ่ายเขารู้ว่าเดินงานต่างประเทศได้และได้ทำมามาก เขาต้องการให้ผมทำงานยากขึ้น  ข้อกล่าวหาในเรื่อง 112 ก็ไร้น้ำยาโดยสิ้นเชิง ในระดับระหว่างประเทศไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครเอาตาแล ที่สำคัญคือไม่มีประเทศไหนจับผู้ถูกกล่าวหาส่งให้เลยแม้แต่รายเดียว ในรอบไม่รู้กี่ปีที่ผ่านมา เขาจึงหาเรื่องมาเพิ่มให้ผมอีก คราวนี้เป็นเรื่องอาวุธ โดยหวังไว้ว่าความระแวงผู้ก่อการร้ายสากลอาจจะทำให้บางประเทศเกิดกลัวขึ้นมาบ้าง ก็ขอรายงานไว้เสียที่นี่ว่า คงจะมุกแป้กอีกแล้วล่ะครับพระคุณท่าน

            สุดท้ายขอให้การศึกษากับคุณจักรทิพย์ ชัยจินดา หัวหน้าตำรวจไทยสักหน่อย ได้ยินว่าท่านพูดถึงผมว่ามีแนวคิดรุนแรง หวังก่อความไม่สงบอยู่เสมอ คุณจักรทิพย์ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ต้องรู้ว่าแนวคิดรุนแรงกับการกระทำที่รุนแรงเป็นของคนละอย่างกัน จริงทีเดียวครับ ผมอยากเปลี่ยนแปลงเมืองไทย ให้เมืองไทยของเรายกระดับขึ้นเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค อยากเห็นคนยากคนจนของเมืองไทยยกระดับขึ้นเป็นชนชั้นกลาง และเอาคนรวยยกขึ้นเป็นผู้เล่นระดับโลก และอยากปรับโครงสร้างการเมืองไทยให้คลายความฉ้อฉล ทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดที่รุนแรงทั้งนั้น ผมจะเอาจริงทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการรุนแรงอย่างที่คุณจักรทิพย์พูดมา”

             บางช่วงบางตอน จักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงที่ยังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ระบายความอัดอั้นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหา มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พร้อมกับถูกทางการไทยออกหมายจับ

            ล้มล้างการปกครอง-อาวุธ-ความรุนแรง 3 สิ่งที่แยกกันไม่ออก แนวร่วมเสื้อแดงมักถูกลากโยงผูกเป็นข้อหายามเกิดเหตุปั่นป่วน คราวนี้กระสุนมาตกฝั่งจักรภพ ที่ทั้งทหารและตำรวจต้องการลากตัวมาลงโทษให้ได้ ทางการข่าวความมั่นคงประเมินจักรภพมีแนวคิดรุนแรง ความคิดสุดโต่ง ซ้ำมีความพยายามต่อต้านรัฐบาล ซ่องสุมกำลัง อาวุธ เตรียมก่อเหตุรัฐบาลปัจจุบัน

            ว่ากันว่า ขบวนการแดงใต้ดิน ยังไม่ได้ดับสูญไปไหน แม้แนวร่วมใต้ดินในประเทศจะถูกเฝ้าประกบติดอย่างใกล้ชิด แต่พวกนี้บางส่วนพัฒนาไปสู้รบผ่านโลกไซเบอร์ 

            ส่วนแนวร่วมระดับสั่งการต่างแบ่งสายเดินเกม ในสายปลุกปั่นยั่วยุเห็นได้จากพวกนักจัดรายการ  ที่ยังอาศัยช่องทางยูทูบ ทั้งพูด ทั้งทำคลิปด้านลบ ป่าวประกาศ เป่าหูส่งสัญญาณมาถึงแนวร่วมในประเทศเป็นระยะ ผนวกกับสหายอารมณ์ค้างที่หลบหนีไปตามแนวชายแดน ยังมีความคิดจ้องโจมตีรัฐบาลทุกรูปแบบทุกเวลา

            เพียงแต่แนวร่วมในประเทศที่คอยรับช่วงมาปฏิบัติการ ยังมีทั้งในพวกพร้อมรับคำสั่งกับพวกที่เริ่มหวาดหวั่น จากการถูกทางการไทยกดดันกวาดล้างอย่างหนัก เลยเริ่มทยอยนำอาวุธที่ตกค้างตั้งแต่สมัยการชุมนุมทางการเมืองปี 2553-2557 ออกไปทิ้งเพื่อหลีกหนีความผิด 

            ว่ากันอีกว่านับแต่ โกตี๋-วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แนวร่วมเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ อีกหนึ่งผู้ต้องหาที่ทางการไทยต้องการตัวหายสาบสูญ ไม่รู้ชะตากรรม ทำให้ทั้งแนวร่วมฝั่งไทยและฝั่งตะเข็บชายแดนไร้หัวคอยกำหนดทิศทาง บวกกับตัวเองและคนรอบข้างก็ถูกกดดันกวาดล้างอย่างหนัก จึงไม่กล้าขยับเขยื้อน

            แต่ก็มีบางพวกเริ่มหันไปหาที่พึ่งใหม่ ที่ชื่อนำหน้าด้วย จ.เหมือนกัน อยู่ฝั่งอเมริกา ส่วน จ.จักรภพ อยู่ฝั่งใกล้ๆ ไทย กับแนวคิดสุดโต่ง ชิงชังรัฐบาลทหาร รวบรวมสหายเก่าตรวจแถวแนวร่วมใต้ดินอารมณ์ค้างทั้งในและต่างประเทศ คอยหาช่องโจมตีรัฐหากสถานการณ์เอื้ออำนวย 

            เมื่อทางการไทยโยนข้อหารุนแรงให้ จักรภพ และเจ้าตัวโต้กลับ โยนให้เป็นเรื่องช่วงชิงอำนาจภายใน ชี้สถานะตัวเองเป็นผู้ถูกยัดข้อหา แต่กับการที่เจ้าตัวไม่หยุดพร้อมทั้งโต้กลับ

            ตามที่ระบุไว้ในเฟซบุ๊กหลายวันก่อน "...จะเดินทางไปเยี่ยมเยือนมิตรประเทศของเราจำนวนมาก  รวมทั้งสำนักงานตำรวจสากลหรือ Interpol เพื่อแถลงความบริสุทธิ์ของเรา และจะเล่าเบื้องหลังความฉ้อฉลของกรณีนี้ให้เขาได้รับรู้โดยละเอียด โดยจะไม่รอให้ระบอบเผด็จการไทยใช้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการกล่าวโทษได้ก่อน"

            ปักธงรบไม่ยอมถูกยัดเยียดข้อหาฝ่ายเดียว เดินสายประจานแผ่นดินเกิด ส่วนประเทศปลายทางรับสารแล้วจะตีค่าเป็นแพะ หรือเด็กเลี้ยงแกะ ยังต้องตามติดกันต่อไป!