"หมวดเจี๊ยบ" เตรียมพาตัวแทนสถานทูตต่างประเทศไปพบ ตร. 13 ธ.ค. รับทราบข้อกล่าวหา ที่ตัวเองถูก คสช.แจ้งจับ ผิด ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพ์ โพสต์วิจารณ์นายกฯ

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง (เลิศภควัต) อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เปิดทำเนียบฯ ให้การต้อนรับตูน บอดี้สแลม และคณะนักวิ่ง แต่ไม่ยอมพูดคุยกับม็อบต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาว่า ในวันที่ 13 ธ.ค. เวลา 09.30 น. ตนจะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาตามที่พนักงานสอบสวนเรียกให้เข้าไป

"ในวันดังกล่าวจะเดินทางไปพร้อมทนายและคณะผู้สังเกตการณ์จากสถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยด้วย โดยวันที่เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา หากเจ้าหน้าที่ให้ชี้แจง ก็พร้อมจะชี้แจงว่าการวิจารณ์ดังกล่าวเป็นไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ และเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 รองรับไว้" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว

อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การวิจารณ์นั้นไม่ใช่การมุ่งโจมตีหรือใส่ร้ายรัฐบาล แต่ด้วยฐานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นถึงผู้บริหารประเทศ และเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมถูกบุคคลวิจารณ์การทำงานได้ เพื่อให้การทำงานเพื่อประเทศนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ดังนั้นกรณีที่ คสช.แจ้งความเอาผิดผ่านกฎหมายความมั่นคงหรือกฎหมายคอมพิวเตอร์ จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตต่อกรณีที่ คสช.ใช้อำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 116 และความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 รวมทั้งสิ้น 6 กระทง ซึ่งบทลงโทษสูงสุดคือจำคุกกระทงละ 7 ปี รวมเป็น 42 ปีกับประชาชนที่กล้าวิจารณ์ผู้นำรัฐบาล แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการส่งสัญญาณไปยังสังคมไทยว่า หากผู้ใดที่วิจารณ์นายกฯ ที่ต้องยอมรับการตรวจสอบ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีสิทธิจำคุก 40-50 ปีด้วย

"ดังนั้นกรณีของบุคคลในตำแหน่งนายกฯ หากทนยอมรับเสียงวิจารณ์ไม่ได้ ควรพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว.