เอกชนขานรับประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ประสานเสียงเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ชี้หลังเลือกตั้งบ้านเมืองสงบ เศรษฐกิจไทยสดใสแน่ ขณะที่หุ้นคึกคักดีดขึ้น 15 จุด ซื้อขาย 6.7 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภายหลังมีการประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 ว่า จะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นในภาคเศรษฐกิจเป็นบวกมากขึ้น และจะมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ดีขึ้นตามไปด้วย
"การเลือกตั้งที่มีความชัดเจน และหากการจัดเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย ก็จะเป็นผลดีอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจ โดยมองว่าความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นนี้จะมีผลต่อความคึกคักและการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตด้วย ส่วนเม็ดเงินจากการเลือกตั้งจะมีผลกับภาพรวมเศรษฐกิจอย่างไรนั้น ยังไม่ได้มีการประเมิน" นายลวรณกล่าวและว่า สศค.จะประกาศประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ โดยจากข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลทางเศรษฐกิจในปัจจุบันยังเชื่อมั่นว่าปีนี้ตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะขยายตัวได้ที่ 4%
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประกาศ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวช่วยให้ภาคเอกชนสบายใจขึ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสการต่อต้านเลื่อนการเลือกตั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดที่นักลงทุนติดตามคือ หลังจากการเลือกตั้งแล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร มีความสงบและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายหรือไม่ หากมีความสงบสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ เพราะปีนี้จะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นจำนวนมาก แต่หากมีปัญหาเรื่องความขัดแย้ง ออกมาเดินประท้วงการเลือกตั้ง เป็นภาพความขัดแย้งเกิดขึ้นในประเทศเหมือนแต่ก่อน จะฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะขณะนี้ประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ต่างออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก
นายเจน นำชัยศิริ อดีตประธาน สอท.กล่าวภายในงานสัมมนา "ส่องทิศทางการค้าต่างประเทศและเศรษฐกิจไทย 2562" ว่า การประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งเป็นการแสดงถึงการยืนยันในการวางแผนโรดแมปการเลือกตั้งของภาครัฐ เป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาคมโลก และยังจะส่งผลต่อภาคประชาชนให้มีความมั่นใจ คลายความกังวลได้เป็นอย่างมาก ดังนั้นหากการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจะทำให้เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดหวังให้ประเทศสามารถเดินหน้าและเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอยากเห็น เนื่องจากการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนขึ้น และหากประกาศวันที่แน่ชัดยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนปรับเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมเชื่อว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะก่อนการเลือกตั้งจะมีกิจกรรมต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการใช้จ่ายหรือการจ้างงาน และเมื่อมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นยังมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาจะเป็นรัฐบาลผสม แต่คงต้องติดตามรูปแบบของรัฐบาลผสมที่เกิดขึ้นว่าการคุมเศรษฐกิจเป็นอย่างไร คงต้องติดตามความชัดเจนอีกครั้ง
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า การที่เกิดการเลือกตั้งส่งผลถึงความชัดเจน ซึ่งเอื้อต่อบรรยากาศการลงทุนภาคเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโดยรวม
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า ส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ รวมไปถึงการบริโภคในประเทศที่จะกลับมาคึกคักในช่วงการเลือกตั้ง ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI จะมีเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนที่มีการขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 9 แสนล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในอีอีซีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องการเห็นรัฐบาลใหม่ดำเนินนโยบายต่อเนื่องและการเมืองมีเสถียรภาพ เพื่อให้มีบรรยากาศที่ดีที่เหมาะกับการลงทุน
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง (NC) กล่าวว่า จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งความชัดเจนของภาครัฐในการเลือกตั้งที่เป็นไปตามโรดแมปนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ส่วนผลของการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น เชื่อว่าจะยังคงเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในทิศทางที่ดีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 23 ม.ค. เปิดตลาดช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากนั้นประมาณ 40 นาทีหลังเปิดการซื้อขาย หรือราว 10.40 น. ดัชนีหุ้นไทยค่อยๆ ทะยานขึ้น ก่อนที่จะปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 1,617.25 จุด เกือบแตะจุดสูงสุดของการซื้อขายช่วงเช้าที่ 1,617.25 จุด เพิ่มขึ้น 15.48 จุด บวก 0.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างหนาแน่นที่ 38,148.22 ล้านบาท รับข่าวดีถึงการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
ขณะเดียวกันในช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยมาปิดที่ระดับ 1,617.38 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67,874.58 ล้านบาท แตะจุดสูงสุดที่ 1,620.51 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,600.35 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 686.28 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 6,382.15 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 293.32 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 5,989.19 ล้านบาท
นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับขึ้นในวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส่งผลให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาสนับสนุน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศเคาะวันเลือกตั้งชัดเจนเป็นวันที่ 24 มี.ค. ทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยแนวโน้มยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดเพื่อนบ้าน คาดว่าในวันที่ 24 ม.ค.แนวรับจะอยู่ที่ 1,600-1,610 จุด แนวต้านจะอยู่ที่ 1,625 จุด
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เชื่อว่าการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะกระแสเงินทุนต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณไหลกลับ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้น แต่ยังต้องจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประจำปี 61 หากต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้อาจทำให้ความต่อเนื่องดัชนีหุ้นไทยสะดุดได้ รวมถึงปัจจัยภายนอกทั้งสงครามการค้าและเบร็กซิตที่อาจเข้ามากระทบด้วย
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในประเทศมีข่าวดีเรื่องการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และการเตรียมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยหุ้นที่ได้รับผลดีจากการเลือกตั้ง มีอาทิ ค้าปลีก, แบงก์, นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |