ในที่สุดราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 8 ก หน้า 1 ก็ได้เผยแพร่ “พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562” แล้ว และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ วันที่ 23 ม.ค.2562 เป็นต้นไป ...๐ ฉับพลันที่ พ.ร.ฎ.ประกาศลงราชกิจจาฯ ออกมา “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ กกต.ยุคทำงานเป็นเซเว่น อีเลฟเว่น ก็ได้ประชุมก่อนเปิดแถลงทันที โดย “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน  กกต.ก็ได้แถลงผลประชุม 7 อรหันต์ทันทีว่ามติเสียงข้างมากได้ กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป พร้อมยังเปิด “ไทม์ไลน์” ต่างๆ อาทิ วันรับสมัคร ส.ส.แบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ 4-8 ก.พ.,  ประกาศรายชื่อผู้สมัครที่มีคุณสมบัติ 15 ก.พ., ลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 4-16 มี.ค. และวันลงคะแนนนอกเขตเลือกตั้ง 17 มี.ค. ...๐ ทันทีที่มี พ.ร.ฎ.ออกมา นอกจากนักการเมืองและนักเลือกตั้งจะกระดี๊กระด๊าแล้ว  ตลาดหุ้นไทยก็ขึ้นแผง “เขียว” กันเป็นแถว สวนทางตลาดในภูมิภาคให้เพื่อนอิจฉากันเลย โดยปิดตลาดปรับขึ้นถึง 15.61 จุด อยู่ที่ 1,617.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,874.58 ล้านบาท ...๐ โฟกัสสำคัญอีกเรื่องหนึ่งหลังมี พ.ร.ฎ.ก็คงไม่พ้น “อนาคต” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าเลือกเส้นทางทางการเมืองอย่างไรต่อไป โดย “ลุงตู่” ก็ยังไม่มีการแย้มพรายเรื่องนี้แต่ประการใด นอกจาก “ยิ้ม” และส่งสัญลักษณ์ “ไอเลิฟยู” ให้บรรดากระจิบกระจอกข่าวที่สอบถามเท่านั้น ก่อนที่ต่อมาในเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” จะมีการโพสต์สั้นๆ ว่า "พ.ร.ฎ.เลือกตั้งประกาศแล้ว ผมขอให้ทุกฝ่ายเคารพและเดินหน้าสู่การ #เลือกตั้ง62 โดยความเรียบร้อยเพื่อความสงบสุขของประเทศนะครับ" …๐ ส่วน “4 รัฐมนตรี” ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้นก็ยังคงเป็น “เครื่องเคียง” อีกเช่นกัน โดยเฉพาะในประเด็นการ “ไขก๊อก” เพราะก่อนหน้านี้ทั้ง 4 รัฐมนตรียืนยันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพร้อมจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ไม่เหมือนในอดีต ซ้ำยังโอดอยู่เนืองๆ ว่าเสียเปรียบเพื่อน เนื่องจากต้องไปหาเสียงนอกเวลาราชการเท่านั้น แหม! อย่างนั้นก็ควรจะยื่นลาออกภาย 1-2 วันนี้สิจ๊ะ แล้วที่สำคัญไม่ต้องทำพร้อมกันก็ได้ …๐ ถือเป็นคำเตือนที่ทุกพรรคการเมืองต้องพึงสังวรไว้ เมื่อ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ที่เป็นกูรูด้านกฎหมายระบุว่า การหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และเริ่มคิดค่าใช้จ่ายด้วย การหาเสียง การใช้สื่อ หรือการระดุมทุน หรือแม้แต่การพูดจาอะไรก็ตามที่เคยพูดกันได้จะทำไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องพูดโจมตีคู่แข่ง แหม! เล่นเอา “ดอกเตอร์อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น” หนาวๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว เพราะเป็นดาวไฮด์ปาร์กที่มักพาดพิงเพื่อนอยู่เป็นนิจอยู่เสมอ ...๐ บอกได้คำเดียว แม้ตอนนี้มี พ.ร.ฎ.แล้ว แต่ใช่ว่า “พรรคการเมือง” ที่จะลงสมัครกันได้ทุกผู้ทุกนาม โดยเฉพาะ “พรรคเก่า” ที่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์มีการเตือนมาจาก “แสวง บุญมี” รองเลขาธิการ กกต. ในเรื่องการจัดตั้งสาขา-ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งระบุว่ามีเพียง 2 พรรคที่ปฏิบัติตามกฎเหล็ก 4 ข้อแล้วคือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นหัวหน้าพรรค และ พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) ที่มี “สุรทิน พิจารณ์” เป็นหัวหน้าพรรคเท่านั้น ที่สำคัญข้อมูลนี้มาจากฐานข้อมูลของ กกต.เมื่อวันที่ 21 ม.ค.เสียด้วย งานนี้เลยอาจเกิดเหตุตายน้ำตื้นกันง่ายๆ นะตัวเธอ ...๐ แม้ดูเหมือนหลายพรรคจะยืนยันว่าทำตามแล้ว แต่ข้อมูลของ กกต.ไม่อัพเดต โดยเฉพาะ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยที่ถึงขั้นเปรียบเทียบเลยว่า หากเป็นตำรวจ “แสวง บุญมี” ต้องถูกตั้งกรรมการสอบไปแล้วที่มาให้ข่าวสร้างความสับสน มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าที่ออกมาให้ข่าวอย่างนี้ พิโธ่! วีรบุรุษนาแกน่าจะมองโลกในแง่ดีบ้าง ที่ กกต.ออกมาชี้แจงก็เพื่อกระทุ้งกระตุ้นทั้งหลายภาคส่วนนั่นแล เพราะหากเมื่อถึงวันรับสมัครจริงๆ แล้วมาเฉลยทีหลังก็จะถูกด่าอีกว่าที่ผ่านมาทำไมไม่บอก ตอนนี้เขาบอกล่วงหน้าแล้ว หากพรรคใดเห็นว่าทำได้ครบก็ทวงถามและยืนยันกับ กกต.ก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องเดือดร้อนแต่ประการใด ...๐ นอกจากนี้เรื่องนี้ อยากบอกไว้คิดเล็กๆ ว่า “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ที่หวังเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไป อาจตายน้ำตื้นอีกเรื่อง โดยเฉพาะการไปแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ให้ดำเนินคดีกับ “พรรคพลังประชารัฐ” ในข้อหา "ค้ามนุษย์และฟอกเงิน” เพราะบอกได้คำเดียวว่า สุ่มเสี่ยงกับกรณีใส่ร้ายป้ายสีเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อมี พ.ร.ฎ.ออกมาแล้ว ...๐