"หมอเสริฐ-ลูกสาว" แจ้งลาออกทุกตำแหน่ง "บีดีเอ็มเอส-บีเอ" พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหวังพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ก.ล.ต.เผยภายใน 14 วันต้องเสียค่าปรับ หากไม่ยินยอมจะส่งเรื่องให้อัยการสั่งฟ้อง ด้าน กบข.พร้อมลดสัดส่วนการลงทุนหากบริษัทจดทะเบียนใดไม่เข้าเกณฑ์อีเอสจี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เผยแพร่ข่าว โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต.ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ, แพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และนางนฤมล ใจหนักแน่น กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ บมจ.การบินกรุงเทพ (บีเอ) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 499.45 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มกราคม น.ส.เกษรา วงศ์เกตุ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และเลขานุการ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (บีดีเอ็มเอส) ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีเนื้อหาว่า "บริษัทขอเรียนว่าบริษัทยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจาก ก.ล.ต.เกี่ยวกับการให้ทั้ง 2 รายพ้นจากตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัท แต่ได้รับแจ้งจากนายแพทย์ปราเสริฐ และแพทย์หญิงปรมาภรณ์ ว่าขอลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.62 และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี"
สำหรับบุคคลทั้ง 2 รายได้ดำรงตำแหน่งในบีดีเอ็มเอส โดยนายแพทย์ปราเสริฐเป็นกรรมการ, ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานกรรมการบริหาร ส่วนแพทย์หญิงปรมาภรณ์เป็นกรรมการ, กรรมการบริหาร, กรรมการบริหารความเสี่ยง, ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ซึ่งในวันที่ 23 ม.ค.62 บริษัทจะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้นและกำหนดมาตรการที่เหมาะสม รวมถึงแต่งตั้งบุคคลเข้าทำหน้าที่แทน และบริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทให้ทราบต่อไป
น.ส.ตรีศรัณย์ สีตกะลิน เลขานุการบริษัท บมจ.การบินกรุงเทพ ทำหนังสือถึง ตลท.ว่า นายแพทย์ปราเสริฐ และนางนฤมล ใจหนักแน่น ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยนายแพทย์ปราเสริฐเป็นกรรมการ รองประธานกรรมการ ประธานคณะผู้บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ส่วนนางนฤมลเป็น เลขานุการสำนักประธานคณะผู้บริหาร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.62 เป็นต้นไป และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งบริษัทจะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาวันที่ 24 ม.ค.นี้ และเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย รวมทั้งการดำเนินการตามแผนงานทางธุรกิจที่วางไว้
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ทั้ง 3 รายจะต้องมาชำระค่าปรับจำนวนเงินดังกล่าวกับ ก.ล.ต.ภายใน 14 วัน นับตั้งแต่ที่ ก.ล.ต.ส่งหนังสือแจ้งไป แต่หากทั้ง 3 รายไม่ยินยอมเปรียบเทียบปรับ ก.ล.ต.จะส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อไป
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า นโยบายการลงทุนของ กบข.ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (อีเอสจี) หากพบว่าตราสารหนี้หรือหลักทรัพย์ของบริษัทใดมีปัญหาเกี่ยวกับอีเอสจี กบข.จะไม่ลงทุน หรือหากลงทุนอยู่แล้วและเกิดปัญหาภายหลังก็จะทยอยลดสัดส่วนการลงทุนลงตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพตลาด ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น กบข.ได้กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มกิจการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินมาตรฐานอีเอสจีแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |