แฉถูกสั่งเขียนเอกสารปลอม หวั่นทุจริตจ่ายเงินคนไร้ที่พึ่ง


เพิ่มเพื่อน    

    นศ.ร้องสื่อมวลชนถูกศูนย์คุ้มครองไร้ที่พึ่งขอนแก่นสั่งปลอมเอกสารทางราชการขณะฝึกงานนับพันชุด โดยเฉพาะเอกสารทางการเงินรวมกว่า 6.9 ล้านบาท เตรียมขอเข้าพบนายกฯ ช่วยตรวจสอบการทุจริต อดีตลูกจ้างศูนย์แฉเจ้าหน้าที่สอนปลอมเอกสารและลายมือชื่อชาวบ้าน แต่เมื่อไม่ยอมทำตามกลับถูกให้ออกโดยไม่เป็นธรรม
    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.พ.2561 นางน้อมจิตต์ ยศปัญญา อายุ 52 ปี พร้อมด้วย น.ส.ปนิดา ยศปัญญา อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนภายหลังจากที่ได้มีการเรื่องร้องเรียนต่อเลขาธิการ คสช.และ ป.ป.ช.จ.ขอนแก่น แต่ไม่มีความคืบหน้า เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และต้องการช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากพบเห็นความไม่โปร่งใสในการทำงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ในเรื่องเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ป่วยโรคเอดส์ในพื้นที่ขอนแก่น
    น.ส.ปนิดากล่าวว่า ได้เข้ารับการฝึกงานในตำแหน่งนักพัฒนาชุมชนที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น พร้อมเพื่อนรวม 4 คน โดยมีระยะเวลาการฝึกงานตั้งแต่ 7 ส.ค.-7 พ.ย.2560 ซึ่งการฝึกงานต้องลงพื้นที่พบปะกับประชาชนผู้ยากไร้ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเรียนรู้ปัญหาในชุมชน โดยช่วงที่เข้าฝึกงานจะมีเจ้าหน้าที่ศูนย์เข้ามาดูแลในฐานะครูภาคสนาม แต่กลับถูกให้ทำงานเกี่ยวกับเอกสาร ถูกสั่งให้กรอกข้อมูลสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและเอกสารของผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยสั่งให้ลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินของเอกสารตามแบบที่ราชการกำหนด
    “ในช่วงฝึกงานนั้น ส่วนใหญ่จะได้นั่งทำงานที่บ้านพักส่วนตัวของผู้อำนวยการศูนย์ ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์ไปประมาณ 1 กม. ทำงานตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำ โดยมีน้องสาว ผอ.และเจ้าหน้าที่บางคนคอยกำกับดูแลทุกขั้นตอน จึงทำตามคำสั่งและทำการปลอมลายเซ็นต์ชาวบ้านไปประมาณ 10 ราย ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 2,000 รายนั้นไม่ทำ หนูถามเจ้าหน้าที่ว่าทำไมต้องปลอมข้อมูลชาวบ้าน ก็ได้รับคำตอบว่าให้ถือเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านที่เขียนหนังสือไม่ได้ ให้กรอกข้อมูลทั้งหมดด้วยตนเองทั้งแบบสำรวจ ใบสำคัญรับเงิน
    ซึ่งในช่วงของการฝึกงานนั้นได้ทำเอกสารไปกว่า 2,000 ราย ยอดเงินรวมกว่า 6,900,000 บาท โดยหนูลงชื่อแทนชาวบ้านไปประมาณ 10 คน ส่วนเพื่อนๆ ที่มาฝึกงานด้วยกันนั้นไม่ทราบ แต่ทุกคนได้ทำเอกสารร่วมกัน จากนั้นจึงได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรม เริ่มรู้สึกว่าไม่โปร่งใส จึงไม่ทำตาม และขยำเอกสารที่เป็นลายมือตัวเองในการปลอมลายมือชาวบ้านทิ้งไป”
    น.ส.ปนิดากล่าวอีกว่า เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงนำเรื่องไปบอกพ่อแม่และอาจารย์ ซึ่งให้คำแนะนำว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำผิดกฎหมาย และคนผิดคือตัวเราเอง จึงนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ร้องเรียนไปยังท่านเลขาธิการ คสช.และ ป.ป.ช. รวมทั้งการลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน แต่เรื่องไม่คืบหน้า เกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองและเพื่อนนักศึกษาด้วยกันที่มาฝึกงานจะได้รับผลกระทบจากการที่ทำเอกสารดังกล่าว และเรื่องนี้ได้นำเรียนต่อมหาวิทยาลัยและอาจารย์ที่รับผิดชอบการฝึกงานได้รับทราบแล้ว
    เธอบอกว่า ตนได้ร้องเรียนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชน เพราะต้องการให้ประชาชนได้รับเงินจริง เฉพาะในช่วงที่ตนฝึกงานได้ทำเอกสารไปรวมกว่า 2,000 ราย ซึ่งในฐานะนักพัฒนาชุมชน เงินจำนวน 1-2 พันบาทก็ช่วยให้คนยากจนได้ใช้ประทังชีวิตระยะหนึ่ง แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ยังดี
    "ถ้าเราไม่ทำก็จะไม่ผ่านในช่วงของการฝึกงาน ดังนั้นการที่ครอบครัวพาร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองและต้องการเอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิด ครอบครัวเตรียมขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งหมดแล้วเพื่อส่งถึงมือท่านนายกฯ"
    ด้าน น.ส.ณัฐกานต์ หมื่นพล อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 370/135 ม.21 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น อดีตลูกจ้างศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้เข้าทำงานที่ศูนย์แห่งนี้ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการในเดือนตุลาคม 2558 จนกระทั่งมีการปรับตำแหน่งให้เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยสนับสนุนพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยได้รับมอบหมายในการทำงานเอกสารเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ป่วยโรคเอดส์ โดยเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้นำเอกสารมาให้ทำ ซึ่งมีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากที่นักศึกษาต้องทำคือ เอกสารบางอย่างไม่มีมาประกอบ ไม่มีการลงลายมือชื่อ หรือเอกสารมาไม่ครบ
    น.ส.ณัฐกานต์กล่าวว่า ในระยะแรกยอมรับทำเอกสาร เพราะเจ้านายสั่ง ลูกน้องต้องทำตาม แต่ต่อมาเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเงินมากขึ้น และบางทีนำเอกสารเปล่ามาให้กรอกข้อมูลทางราชการ จึงเริ่มกังวลใจและเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตั้งแต่ผู้อำนวยการศูนย์ไปจนถึงคนนอกที่มาร่วมทำงาน 6 คน บางคนมาสอนวิธีการปลอมลายมือชื่อด้วยการนำเอกสารไปส่องกระจก เพื่อให้ลายมือชื่อตรงกันในการเบิกจ่ายเงินแต่ละครั้ง
    "หนูไม่ทราบว่าเงินที่เบิกจ่ายไปนั้นถึงมือผู้มีรายได้น้อยตามเงื่อนไขและระเบียบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือไม่ แต่ที่ทำเอกสารนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเจ้าหน้าที่ทำกันเป็นขบวนการ"
    น.ส.ณัฐกานต์กล่าวอีกว่า ตนตัดสินใจกรอกเอกสารให้ผิดเพื่อให้กรมได้มาตรวจสอบ และเรื่องดังกล่าวนี้ ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีนิติกรมาทำการสอบปากคำแล้ว และเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2560 เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของศูนย์ได้บอกเลิกจ้างหนูและเพื่อนอีก 2 คนรวม 3 คนที่ฝ่าฝืนคำสั่งและไม่ทำตาม ให้ออกจากงานโดยไม่เป็นธรรม ขณะนี้หนูได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองขอนแก่น ฐานถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งได้ประทับรับฟ้องในการไต่สวนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อทราบถึงพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารของทางราชการดังกล่าวทั้ง 6 คน ที่ลุกลามไปถึงนักศึกษาฝึกงาน จึงได้รวมตัวกันร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดให้ได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"