นายกฯ สั่งหัวหน้าส่วนราชการทำความเข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆ กับ ปชช.ช่วงเลือกตั้ง ระมัดระวังตัวเรื่องการทำงาน ผบ.ทสส.ลั่นทหารทุกคนรักชาติ กองทัพพร้อมส่งผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตย ทษช.จี้ 4 รมต.ลาออกทันที “วิษณุ” ตอก กกต.กังวลจนสร้างข้อจำกัดตัวเอง ยันกรอบ 150 วันไม่รวม 60วัน ขู่เก็บบัตรประชาชนโยงใบแดงได้หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ภท.ท้า "นิพิฏฐ์" เปิดชื่อแจงปลัด จว. พร้อมลาออกลง ส.ส.ภท. ยันไม่ได้ทำผิด ขณะที่นิพิฏฐ์ลั่นร้อง กกต.สัปดาห์หน้า "ชัชชาติ" ปราศรัยดุซัดดูดนักการเมืองยิ่งกว่าดูดส้วม
เมื่อวันศุกร์ ที่ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2562
โดยในที่ประชุม นายกฯ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้ารับตำแหน่งใหม่ และขอให้ระมัดระวังทุกเรื่องในการทำงาน และเรื่องส่วนตัวให้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ และวันนี้ในที่ประชุมจะมีการทดลองใช้ระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เป็นครั้งแรก ซึ่งเอกสารการประชุมจะอยู่ในหน้าจอแท็บเล็ตทั้งหมด อยากให้ทุกคนนำสิ่งที่ได้จากการประชุม ไปหาวิธีการทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ได้มากที่สุด และนำปัญหา ข้อสงสัย หรือความต้องการของประชาชน เป็นตัวกำหนด เพราะได้ตั้งเป้าหมายแล้วว่าจะทำงานเพื่อประชาชน และประชาชนเป็นศูนย์กลาง และต้องปรับบริบทให้สอดคล้องกับโลกในปัจจุบัน
ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่ได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องแถลงถึงข้อห่วงใยต่างๆ ของนายกฯ โดยนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงข้อกำชับของนายกฯ ในช่วงการเลือกตั้งว่า ในเรื่องของการเลือกตั้งนายกฯ กำชับว่า ข้อเท็จจริงอะไรที่คิดว่าเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ก็ต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนกับข้อมูลที่ออกมา อยากให้พวกเราที่เป็นข้าราชการได้ให้ความรู้ความเข้าใจกับครูอาจารย์ ที่จะไปทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องที่เป็นข้อมูล
"นายกฯ ไม่ได้กำชับในการวางตัวช่วงการเลือกตั้ง เพราะขณะนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง แต่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งมีบุคลากรที่เป็นครูกว่า 4 แสนคน ได้ออกหนังสือตามกฎหมายว่า การเป็นข้าราชการต้องปฏิบัติตัวอย่างไร แจ้งไปเพื่อเป็นการย้ำในความชัดเจนที่ต้องวางตัวเป็นกลางในทางการเมืองในทางปฏิบัตินั้นต้องทำอย่างไร ตรงนี้ถือได้ว่าย้ำไปแล้ว"
นายบุญรักษ์กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้มีการชี้แจงในที่ประชุมว่าพระราชกฤษฎีกาฯ จะมีการประกาศในวันใด และจะมีการเลือกตั้งในวันไหน รวมถึงเรื่องการสอบการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) เป็นเรื่องที่นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายว่า หากเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ให้คืนวันสอบให้กับเด็กตามกำหนดการเดิม คือวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2562 โดยให้รอพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งที่จะออกมาอีกครั้ง
ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวภายหลังเป็นประธานงานวันกองทัพไทยว่า อยากให้ประชาชนได้ทราบว่ากองทัพไทยเป็นส่วนสำคัญที่อยู่คู่กับบ้านเมืองตั้งแต่อดีตกาล ความเจริญเติบโตพัฒนาการในแต่ละยุคแต่ละสมัย ทหารและกองทัพล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนให้ประเทศชาติเจริญเติบโตมาอย่างมีแบบแผนจนถึงปัจจุบันนี้จนถึงทุกวันนี้ และโอกาสใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านประเทศในการเลือกตั้งไปสู่ระบอบประชาธิปไตย กองทัพยังมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ส่งผ่านในสิ่งที่ได้ดำเนินการมาเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปในแบบที่ประเทศชาติมั่นคงประชาชนมีความสุข
ทหารทุกคนทำเพื่อชาติ
"ปัจจุบันเรามีทหารเก่า เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม หรือแม้แต่ทหารอยู่ในราชการอย่าง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก จิตวิญญาณของความเป็นทหารคือเราเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน สละความสะดวกสบายเพื่อให้ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุขและพร้อมที่จะเหน็ดเหนื่อยเพื่อปกป้องอธิปไตยของเราคงอยู่เสมออยากให้สังคมได้ตระหนักเห็นถึงความจริงจังตั้งใจของทหารและขอกำลังใจ รวมถึงกำลังพลชั้นผู้น้อยปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชาย หรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ล้วนแต่มีความเสี่ยงภัย ขอให้ประชาชนมีความอุ่น และมั่นใจว่ากองทัพไม่ว่าจะเป็นทหารในหรือนอกราชการก็ยังคงรับใช้ชาติมุ่งมั่นในเจตนาที่ดี อุดมคติของทหารคือเห็นแก่ประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน และมุ่งหวังว่าประเทศชาติจะต้องเปลี่ยนผ่านยุคปัจจุบันไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างถาวร" พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าว
ที่ลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 1 ภายในกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เป็นประธานพิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหาร เนื่องในวันกองทัพบกและวันกองทัพไทย ประจำปี 2562 โดยได้นำกล่าวคำปฏิญาณตน พร้อมทั้งอ่านสารของ ผบ.ทสส. และกล่าวให้โอวาทกำลังพล ให้ทุกคนได้ยึดมั่นและรักษาคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้ให้ไว้โดยเคร่งครัด เพื่อให้มีศักยภาพพร้อมสนับสนุนการดำเนินภารกิจของกองทัพให้บรรลุความสำเร็จ และสร้างเสริมประเทศชาติให้มีความผาสุก ร่มเย็น สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงสืบไป
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กังวลว่าต้องประกาศผลให้ทันกรอบ 150 วันว่า กลัวมันมีได้ 2 ทาง คือ กลัวว่าใช้ 60 วัน ซึ่งจะเกินกรอบ 150 วันแล้วจะมีปัญหา แต่ต้องกลัวด้วยว่าเมื่อไปสร้างข้อจำกัดตัวเองให้การประกาศผลต้องอยู่ในกรอบ 150 วัน มันจะทำให้การทำอะไรก็ตามไม่ละเอียด รอบคอบ จะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่า ดังนั้นวิธีการคือ ต้องหาความชัดเจนและถูกต้องให้ได้ โดยเป็นหน้าที่ กกต.อยู่แล้ว ส่วนการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความรัฐบาลไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่มีเหตุ อีกทั้งวันนี้ยังไม่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลย ถึงเวลา กกต.อาจจะทำได้ทันก็ได้ แต่ตนและใครๆ ยังคงยืนยันว่าการประกาศผลเลือกตั้งไม่รวมอยู่ในกรอบ 150 วัน
“คนที่คิดว่าต้องรวมถือว่าแปลกมาก ท่านไปเอาที่ไหนมา มีคนเดียวในประเทศไทย ผมยังยืนยันว่ากรอบเวลา 60 วัน กับ 150 วัน คนละอย่างกัน ก็ควรใช้เวลา 60 วันให้เต็มที่ จะไปบีบตัวเองให้มันเหลือ 40 กว่าวันทำไม และเรื่องนี้พูดก็พูด ตั้งแต่เริ่มต้นมาก็บอกแล้วมีคนสงสัยอยู่คนเดียว คนอื่นไม่มีใครเขาสงสัย คุณอ่านรัฐธรรมนูญเป็นคุณก็รู้ ถ้าเชื่อคนนั้นคนนี้ไปถึงศาลแล้ว ศาลไม่เอา ก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น เมื่อยังไม่ถึงศาลก็ใช้สามัญสำนึกของเราเองคิด ไปถามนักกฎหมายทั้งหลายดู” นายวิษณุกล่าว
กกต.กำหนดวันเลือกตั้งเอง
เมื่อถามว่า หากเลยวันที่ 9 พ.ค.ไปแล้วมีคนสงสัยแล้วไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่างนั้นถือเป็นความขัดแย้งแล้ว แต่ความขัดแย้งแบบนี้ไม่ค่อยดี เพราะถ้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วศาลวินิจฉัยว่าเลยกรอบมันทำไม่ได้ จะมีปัญหาเพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับได้ และถึงตอนนั้นไม่ใช่ กกต. ประชาชนก็สามารถยื่นให้ตีความได้ จึงเป็นเหตุผลให้ กกต.พยายามจะทำให้ทันภายในเวลา 150 วัน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุคาดว่า พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งจะถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในสัปดาห์หน้าว่า กระบวนการเป็นไปตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ดังนั้นเมื่อมีการประกาศ พ.ร.ฎ.ในราชกิจจานุเบกษา กกต.จะต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน ส่วนที่นายวิษณุระบุว่า วันที่ 24 มีนาคม เป็นวันที่มีความเหมาะสมในการจัดการเลือกตั้งนั้น อำนาจหน้าที่ในการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นของ กกต.
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า กรณีเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
เมื่อวานนายวิษณุบอกว่า วันที่ 24 มีนาคม เหมาะสมที่สุดสำหรับการเลือกตั้ง แต่วันนี้ออกมาพูดอีกอย่างในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนสับสน ทุกคนต้องการความชัดเจน เรื่องวันเลือกตั้ง แต่รัฐบาลกลับไปกับมา เรื่องนี้เป็นปัญหาของรัฐบาล คสช. ดังนั้น อย่าโยนความรับผิดชอบ ปัดความรับผิดชอบให้องค์กรอื่น ความวุ่นวาย ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น เนื่องจากวันเลือกตั้งไม่ชัดเจน เป็นอำนาจของรัฐบาล คสช.เราเรียกร้องว่าต้องทำให้ชัดเจน ดึงความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนกลับคืน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเสมอ แม้รู้ว่าอยู่ในกติกาที่ออกมาให้อีกฝ่ายได้เปรียบ ได้กลับมาอยู่ในอำนาจ และใช้อำนาจทุกอย่างเพื่อให้ผลการเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างที่ต้องการ ไม่ว่ากติกาจะเอาเปรียบอย่างไรก็พร้อมสู้และทำอย่างเต็มที่
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า แม้พรรค ทษช.ไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนการเลือกตั้ง แต่ก็พร้อมที่จะลงสู่สนามเลือกตั้งตลอดเวลา สิ่งสำคัญคืออยากเห็นการเลือกตั้งที่นำความมั่นใจทั้งจากคนไทยและต่างชาติกลับคืนมาเรียกร้องให้ กกต.เป็นกลาง โปร่งใส การออกระเบียบต่างๆ ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันต่อทุกพรรคการเมืองและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองโฆษกพรรค ทษช.กล่าวถึงกรณีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อมลาออกจากตำแหน่งโดยรอความชัดเจนของอีก 3 รัฐมนตรีเพื่อลาออกพร้อมกันว่า มารยาทและจริยธรรมทางการเมืองในฐานะรัฐมนตรีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศทั้ง 4 ท่าน การดำรงอยู่ในตำแหน่งคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาทำให้เกิดคำถามมาโดยตลอดถึงความถูกต้องดีงามและความเหมาะสม ในการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อผลประโยชน์หรือสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองให้พรรคการเมืองที่ตนสังกัด เป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ จึงคาดหวังอยากให้เกิดมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงขึ้น ดังนั้นรัฐมนตรีทั้ง 4 ท่าน ควรแสดงสปิริตทางการเมืองเลยทันที และไม่รีรอเพื่อแสดงให้เห็นจริยธรรมทางการเมืองที่ยังพอมีอยู่บ้าง
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการหารือกับนายกฯ ในเรื่องการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ถึงเวลานั้นท่านนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชา พวกตนก็ต้องไปยื่นใบลาออกกันทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งนายกฯ ก็รับทราบเหมือนที่พวกตนได้พูดไปว่า ถึงเวลาที่เหมาะสม พวกตนก็จะมายื่นให้ท่าน ซึ่งนายกฯ ทราบอยู่แล้วในหลักการตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้มีข้อทักท้วง ปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของเรา เป็นการตัดสินใจของเรา ท่านก็วางใจ และไว้ใจให้เราตัดสินใจให้เหมาะสม และในเวลาที่เหมาะสมนั้นคืออะไร ขอให้รออีกนิด
ภท.-นิพิฏฐ์โต้กันเดือด
ส่วนกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่าปลัดจังหวัดแห่งหนึ่งสั่งเก็บประชาชนโดยให้เงินเจ้าของบัตร 500 บาท ถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่า หากมีการกระทำเช่นนั้นจริงถือเป็นความผิดอยู่แล้ว ต้องดำเนินคดี โดย กกต.จะแจ้งความหรือสอบสวนเองว่าเป็นการกระทำของใคร ซึ่งแยกเป็น 2 ทางคือ คดีเลือกตั้งและคดีอาญา และเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐถ้าได้รับเรื่องร้องเรียนหรือมีเบาะแสจะต้องเข้าไปดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง จะโยงไปถึงการให้ใบเหลืองและใบแดงได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อาจจะทำให้โยงไปถึงได้ถ้าทำคดีเป็น เพราะเมื่อมีเวลา พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง คนที่เป็นเจ้าของบัตรประชาชนจะไม่มีบัตรอยู่กับตัวความผิดแม้จะทำก่อน แต่ผลก็ไปเกิดตอนนั้น เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย เพราะเคยเกิดมาเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ตอนเลือกตั้งกึ่งพุทธกาล ถือว่าเป็นความผิด และเรื่องดังกล่าวหากมีการร้องไปยัง กกต.จังหวัด ก็สามารถเก็บเรื่องไว้รอให้พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เชิงเป็นการเอาผิดย้อนหลัง เพราะมีผลต่อเนื่องกัน
ถามว่า ขณะนี้ยังไม่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง แต่มีการร้องเรียนกันแล้ว ถ้ามี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งจะยิ่งมีจำนวนมากกว่านี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รับทราบ เป็นห่วงอยู่ แต่จะให้ตนทำอย่างไร ต่อข้อถามว่าหากเรื่องร้องเรียนเยอะ จะกระทบการรับรองผลการเลือกตั้งที่ กกต.ระบุจะใช้เวลาน้อยกว่า 60 วันหรือไม่ นายวิษณุบอกว่า “ก็ทำให้มันได้ 60 วันสิ เขาให้ 60 วัน คุณก็จะเอาให้มันสั้นเอง โดยสร้างข้อจำกัดตัวเอง ติดโน่นติดนี่”
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นสำนักงาน กกต.จะรวบรวมข้อมูล เพียงแต่กรณีดังกล่าวยังไม่ทราบรายละเอียดขอทราบรายละเอียดข้อมูลก่อน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า อยากขอให้เปิดเผยชื่อออกมา กล้าๆ หน่อย พูดมาเลยว่าใครที่เป็นผู้กระทำ เป็นนางนาที รัชกิจประการ กรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เอ่ยชื่อออกมาเลย ไม่ต้องมาบอกใบ้ และคนที่ออกมาเปิดเผยก็ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดด้วย
นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ภท. กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส. เขตในจังหวัดพัทลุงเขตเดียวกับนายนิพิฏฐ์ เป็นปลัดจังหวัดพัทลุง ซึ่งจะยื่นลาออกจากราชการในวันที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง บุคคลดังกล่าวมิได้กระทำการใดตามที่นายนิพิฏฐ์กล่าวหา หัวหน้าพรรค ภท.ได้มีการออกคำสั่งและได้กำชับกับว่าที่ผู้สมัครทุกคนว่ามิให้กระทำการใดๆ ที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือระเบียบ ประกาศของ กกต. ซึ่งทุกคนก็ได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ได้กระทำการใดที่ผิด
"วิธีการพูดของนายนิพิฏฐ์ เป็นวิธีการแบบเดิมๆ คือใช้อักษรย่อ พูดเป็นปริศนา แล้วขู่ว่าทำผิดถึงขั้นยุบพรรค ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสี โดยท่านลืมไปว่าท่านก็เป็นรองหัวหน้าพรรคการเมือง การใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครอื่นหรือพรรคการเมืองก็มีความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้เช่นกัน จึงอยากเรียกร้องให้ท่านทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ถ้าเห็นว่าผิดก็ร้องเรียนให้ดำเนินคดี อย่าใช้วิธีการแบบที่เคยๆ ทำ"
นายศุภชัยกล่าวด้วยว่า "ความจริงก็เห็นใจท่าน เพราะเท่าที่ทราบท่านไม่เคยมีคู่แข่งที่มีกระแสความนิยมสูงเท่านี้มาก่อน หรืออาจในทางกลับกันว่าท่านไม่เคยกระแสตกเท่านี้ อย่างไรก็ตาม อย่าได้กังวลใจ เพราะประชาชนวันนี้เข้าใจการเมืองดี ย่อมตัดสินใจอย่างมีสติได้ ถ้าท่านในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ กลัวจนไม่กล้าทิ้งพื้นที่ไปช่วยลูกพรรค พรรคของท่านก็จะเสียหายท่านอย่ากลัวเลยครับ เพราะความกลัวทำให้เสื่อม"
ขณะที่นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะให้นายอนุทินดูหลักฐานทั้งหมดว่าใครเป็นผู้สั่งการ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะเตรียมนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดยื่นให้ กกต.ตรวจสอบในสัปดาห์หน้า ที่นายอนุทินพูดเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่านายอนุทินรับทราบแล้วว่ามีการเก็บบัตรประชาชน ก็ถือว่าการเปิดข้อมูลเรื่องนี้ของตนประสบความสำเร็จแล้ว เพราะต้องการให้มีการเปิดปากพูดแบบนี้ และขอเตือนไปยังนายอนุทินให้ระวังเรื่องการยุบพรรคและถูกยึดทรัพย์ เนื่องจากความผิดซื้อเสียงเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดฟอกเงินด้วย เพราะถ้ามีการจับการทำผิดเรื่องเก็บบัตรประชาชนแม้แต่รายเดียว นายอนุทินก็ผิดด้วย ดังนั้นแทนที่จะออกมาท้าตนให้เปิดรายชื่อ ต้องเรียกคนที่นายอนุทินคิดว่าเกี่ยวข้องมาสอบถามว่าทำจริงหรือไม่
"ชัชชาติ"ปราศรัยดุ
นายนิพิฏฐ์ตอบโต้นายศุภชัยว่า นายศุภชัยรู้พิกัดการทำความผิดได้อย่างไร เพราะตนไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร จังหวัดไหน พรรคการเมืองใด ที่เตรียมการทุจริตเลือกตั้ง หรือว่ากินปูนร้อนท้อง ยืนยันว่ารังเกียจการทุจริตในทุกพื้นที่เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในบางจังหวัดที่มีการเย็บแบงก์ร้อยติดกับแบงก์ยี่สิบเพื่อซื้อเสียง ส่วนที่บอกว่าตนกระแสตกและคนที่ ภท.เตรียมส่งผู้สมัครกระแสแรงนั้น เป็นเรื่องที่ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ อยากให้คิดถึงความหลังครั้งที่ว่าที่ผู้สมัครรายนี้อยู่พรรคเพื่อไทยก็เคยเกิดปรากกฏการณ์ลักษณะเดียวกันมาแล้ว โดยเชื่อว่าคนพัทลุงจะสอนบทเรียนนักการเมืองซื้อเสียง
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า อยากให้ กกต.และผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดลงมาสอดส่องดู เพราะจากการที่ลงพื้นที่พบว่าแทบทุกอำเภอมีการซื้อบัตรประชาชนไปเก็บ ซึ่งอาจจะเอาไปใช้ในการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งทางพรรคได้รวบรวมหลักฐาน และจะส่งเรื่องดำเนินการตามกฎหมายหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง และขอให้ กกต. ลงมาดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะขณะนี้แม้จะยังไม่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง แต่มีการซื้อบัตรประชาชนกันแล้ว เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากหาก กกต.จะเอาจริง
วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์, นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท. และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีอดีตส.ส.กาฬสินธุ์และจังหวัดใกล้เคียงให้การต้อนรับ จากนั้นคณะเดินทางไปยังเวทีปราศรัย โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า ทุกวันนี้รัฐบาลเลื่อนเลือกตั้งไปเรื่อยๆ เด็กที่เกิดปี 2557 ทุกวันนี้อยู่อนุบาล 2 ไม่รู้ว่าจะต้องรอให้ขึ้นประถมก่อนหรืออย่างไรถึงประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง การที่รัฐบาลพูดไม่จริง ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อก่อนบอกว่าเกลียดนักการเมือง ด่านักการเมือง แต่ทุกวันนี้ดูดนักการเมืองเหล่านั้นมายิ่งกว่าดูดส้วม เคยบอกว่าเกลียดคอร์รัปชัน แต่ทุกวันนี้คนใกล้ตัวในรัฐบาลมีแต่คอร์รัปชัน เคยบอกว่าไม่ชอบนโยบายประชานิยม แต่พอใกล้เลือกตั้งก็แจกเงินให้ประชาชนจนมีคนกล่าวว่า รับเงินหมากาเพื่อไทย ซึ่งส่วนตัวไม่เห็นด้วย ไม่ควรไปดูถูกหมา เพราะหมายังซื่อสัตย์ ให้ใช้คำว่ารับเงินมากาเพื่อไทย
หลังจากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ และทีมงาน เดินทางไปปราศรัยอีก 3 จุด ได้แก่ อ.ยางตลาด อ.สมเด็จ และ อ.กุฉินารายณ์ โดยมีอดีต ส.ส. ให้การต้อนรับ
ขณะที่พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) เดินสายพบประชาชนครั้งแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาของประชาชน นำทีมโดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค, นายอารี ไกรนรา, นายวิโชติ วัณโณ, นายปรียนันท์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค ตลอดจนผู้บริหาร ว่าที่ผู้สมัคร และกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรค พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ กองเชียร์พรรค พร้อมแนะนำว่าที่ผู้สมัครส.ส. ทั้งหมด 4 เขต
โดยนายสงครามกล่าวว่า ขณะที่เผด็จการพยายามสืบทอดอำนาจ พรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจไม่ได้ทำประชาชนลำบากไปอีก 4 ปี แต่จะลำบากไปถึง 20 ปี ของยุทธศาสตร์ 20 ปี
ส่วนนายจตุพรกล่าวว่า แม้ คสช.จะไป แต่ได้ทิ้งทายาทยุทธศาสตร์ 20 ปี จึงมองว่าประชาชนจะอดตาย 20 ปี ถ้าปล่อย คสช.บริหารประเทศกันต่อ จึงเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้เกิน 250 ที่นั่ง และขอฝากเรียนพี่น้องประชาชนช่วยเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ถล่มทลาย เพื่อทำลายเผด็จการ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |