ใครได้ประโยชน์จาก สงครามการค้าจีน-สหรัฐ?


เพิ่มเพื่อน    

    ตอนเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนใหม่ๆ คนส่วนใหญ่บอกว่าน่าจะเป็นแค่เรื่องบลัฟกันระหว่าง 2 ยักษ์ คงไม่กลายเป็นศึกสงครามใหญ่โตอะไร เดี๋ยวก็เลิก เพราะต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บทั้งคู่ ไม่น่าจะมีใครอยากทำสงครามการค้ากันหรอก
    แต่เอาเข้าจริงๆ สงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งกลับยืดเยื้อมาถึงวันนี้
    และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือ หลายบริษัทกำลังหาทางหลบหลีกผลเสียหายอันเกิดจากสงครามนี้ด้วยการย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น
    ข่าวระยะหลังบอกว่า หลายบริษัทได้ย้ายออกจากจีนมาทำการผลิตในอาเซียน...และดูเหมือนว่าประเทศที่ได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวนี้คือเวียดนาม
    ทำไมจึงเป็นเวียดนาม?
    เหตุผลที่สำคัญคือ เวียดนามได้เปรียบในจุดที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อีกทั้งค่าลงทุนต่ำและรัฐบาลทุ่มเทสนับสนุนอย่างเต็มพิกัด 
    อีกประเด็นหนึ่งคือ เวียดนามไม่มีข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ทำให้เชื่อว่าโดนัลด์ ทรัมป์ คงไม่ตามไล่ล่าไปถึงเวียดนาม
    และที่เป็นปัจจัยสำคัญใหม่ล่าสุดอีกประการหนึ่งคือ เวียดนามก็มีความคืบหน้าเรื่องการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปเเละประเทศริมมหาสมุทรเเปซิฟิกอีก 10 ชาติ
     จุดที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเวียดนามเอื้อต่อการขนส่งสินค้าทางทะเลไปทางตะวันออก และการนำเข้าวัตถุดิบทางบกจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็ค่อนข้างสะดวก
     ตั้งเเต่สหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหญ่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทที่ไปปักหลักที่จีนที่ไหวตัวทันต่างก็วิ่งหาข้อมูลเกี่ยวกับการขยับขยายไปเวียดนามกันอย่างคึกคัก
    มีการประเมินกันว่าเวียดนามเป็นทางเลือกที่มีแรงจูงใจที่สุดสำหรับผู้ผลิตสินค้าในจีนที่ต้องการขยายกำลังการผลิตนอกประเทศ
    เพราะศูนย์การผลิตอื่นๆ ในเอเชียสู้เวียดนามไม่ได้ เนื่องจากตั้งอยู่ห่างไกลจากจีน ทำให้เสียค่าลงทุนสูงกว่า
    ที่สำคัญคือ เวียดนามตอบโจทย์เรื่อง supply chain สำหรับการผลิตและขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนี้
    อย่าได้แปลกใจหาก iPhone จะย้ายฐานการผลิตจากจีนบางส่วนมาเวียดนามในเร็ววันนี้
    สำนักข่าวต่างประเทศอ้างรายงานใน Vietnam Investment Review เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า Foxconn ซึ่งเป็นผู้รับเหมารายหลักในการประกอบโทรศัพท์มือถือ iPhones ที่มีโรงงานในจีนหลายแห่ง กำลังเจรจากับผู้บริหารของเวียดนามที่กรุงฮานอย หรือคณะกรรมการที่มีอำนาจตัดสินใจอย่าง Hanoi People's Committee โดยมีเป้าหมายตั้งโรงงานประกอบโทรศัทพ์ iPhone ขึ้นที่นั่น
    ชัดเจนว่านี่คือยุทธศาสตร์ “หลบกระสุนสงคราม” ระหว่างจีนกับสหรัฐของ iPhone เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออนาคตของตนเองในภาวะที่การเมืองระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นตลอดเวลา
    ข่าวอีกกระแสหนึ่งบอกว่า แม้บริษัทจีนเองก็ยังไม่วายต้องคิดหาวิธีหลบลี้หนีภัย
    บริษัทผลิตหูฟังไร้สาย GoerTek ของจีนก็กำลังพิจารณาย้ายโรงงานจากจีนไปเวียดนามด้วยเหตุผลเดียวกัน
    แน่นอนว่าจะต้องเกิดคำถามว่า ทำไมบริษัทเหล่านี้ไม่มองไทยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งนอกจากเวียดนาม
    นี่เป็นคำถามที่คนไทยควรจะต้องใคร่ครวญพิจารณาประกอบการวางยุทธศาสตร์ชาติเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
    นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจเวียดนามที่เติบโตเร็วในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการขยายตัวของโรงงานที่ต่างชาติลงทุนที่นี่นอกจากแหล่งเดิม เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้เเละไต้หวัน
    ยิ่งปีที่ผ่านมาจะเห็นการก้าวกระโดดของเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มาลงเวียดนามอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ แจ้งว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ หรือ Foreign Direct Investment (FDI) โดยเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างในปี ค.ศ.2000-2005 เป็น 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี ค.ศ.2008 ถึง 2014
    สำหรับเวียดนาม “วิกฤติคือโอกาส” อย่างเห็นได้ชัด
    และยิ่งต้องทำให้ไทยเราหันมามองตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์ว่าเวียดนามทำอะไรที่เรายังไม่ได้ทำ หรือทำสู้เขาไม่ได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"