โชคดี...ที่ไม่ค่อยต้องออกไปไหน-ต่อไหน ก็เลยไม่ต้องเจอกับฝุ่นพิษ มลพิษ พีเอ็มสองจุดห้า จุดหก อะไรต่อมิอะไรที่ใครๆ เขาหวาดหวั่น ขวัญสยอง กันยิ่งกว่า หนังผี ในช่วงนี้ นอนสูบบุหรี่อยู่กับบ้านไปเรื่อยๆ วันละซอง สองซอง แล้วค่อยวัดประเมินผลกันดูอีกที ว่าสุดท้ายแล้ว...ใครจะโชคดีที่ตายก่อน ไม่ต้องปวดเศียร เวียนเกล้า กับโลกทุกวันนี้ที่ชักไม่น่าอยู่ยิ่งขึ้นทุกที...
--------------------------------------------------------
ยิ่งการถ่ายทอดสด ไลฟ์สด ทุกวันจันทร์ของ ทักษิณ...ที่คงต้องถือเป็น มลพิษ อีกประเภทหนึ่ง เผลอๆ อาจหนักซะยิ่งกว่า พีเอ็มสองจุดห้า จุดหก ไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบเท่า อันนี้...ก็น่าจะสบายไปอีก คือคงไม่มีโอกาสได้ดู หรือตามแห่ไปดู เหมือนอย่างใครต่อใครเขา ไม่ว่าประเภทขาด่า หรือขาเชียร์ ที่หนีไม่พ้นต้องหันไปหยิบเอา ผีทักษิณ มาพูดถึง กล่าวถึง ไม่ต่างไปจากบรรดาแฟนหนัง บุปผาราตรี ที่ต้อง ตามไปดู กันในระดับภาค 5 ภาค 6 เข้าไปแล้ว แต่ก็ยังคงขายได้ ขายดี เหมือนเช่นเคย...
---------------------------------------------------------
ด้วยเหตุเพราะแค่เปิดไลน์ เปิดเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เปิดโทรศัพท์มือถือ กดนี่ กดนี่ ยังกดไม่ค่อยจะถูก เปิดไม่ได้ เปิดไม่เป็น มาโดยตลอด ดังนั้น...เมื่อต้องเจอกับการถ่ายทอดสดผ่านเทคโนโลยีระดับที่เรียกๆ กันว่า พ็อดสะแคสท์ พ็อดสะคาร์ด (Podcast) อะไรต่อมิอะไรก็มิอาจรับรู้ได้ ก็เลยคงไม่ต้อง โง่กว่าหุ่นยนต์ หรือต้อง กลายเป็นหุ่นยนต์ ถูกสั่งให้ทำโน่น ทำนี่ ถูกสั่งให้หันขวา หันซ้าย เหมือนอย่างบรรดาเครือข่าย พลพรรค ของพวก เผาๆ ทั้งหลาย ยังสามารถดำรงคงความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิต จิตใจ มีสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานพอที่จะแยกแยะได้มั่ง ว่าอะไรดี-อะไรชั่ว อะไรถูก-อะไรผิด ไปตามสภาพ...
-----------------------------------------------------
ส่วนถ่ายทอดสด หรือไลฟ์สด ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ นั้น...อันที่จริง ก็คงต้องสารภาพว่าไม่ได้ดูมานานแล้ว เพราะสามารถอาศัยการรีวายน์เทปของ ไทยโพสต์ ที่เขานำมาถ่ายทอดต่อเอาไว้แบบชนิด คำต่อคำ คือใช้วิธี อ่าน เพื่อไม่ให้ต้องเมื่อยหูและเมื่อยตาไปพร้อมๆ กัน แต่หลังๆ มานี้...ต้องยอมรับอีกนั่นแหละว่า อ่านไม่ค่อยไหว เพราะออกจะยาวเฟื้อยเลื้อยลากดิน อีกทั้งสิบปากว่า ย่อมไม่เท่ากับตาเห็น สิบตาเห็น ย่อมไม่เท่ากับมือคลำ อะไรถูก-อะไรผิด อะไรเข้าท่า-ไม่เข้าท่า ย่อมสามารถรับรู้ได้จาก การกระทำ ของรัฐบาลทั่นนั่นแหละ ไม่ใช่จากคำพูด คำจา หรือแม้แต่ บทเพลง ที่กดเข้าไป 5 เพลง 6 เพลง หวิดๆ จะออกเทป รวมชุดอภิมหาอมตะนิรันดรกาลได้ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...
--------------------------------------------------------
สรุปเอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะเป็นการบ้าน การเมือง การเศรษฐกิจ หรือการอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ในโลก ในสังคมทุกวันนี้ คงต้องพยายามหันไปยึดหลัก อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอให้ได้ เหมือนอย่างที่ใครก็ไม่รู้ เขาได้ประดิษฐ์ คิดค้น เอาไว้เป็นเครื่องเตือนสติ เตือนใจ ที่ค่อนข้างเข้าท่า เข้าทาง มิใช่น้อย คืออย่าไป Concoct หรือไปหยิบอะไรต่อมิอะไรมา ปรุงแต่ง อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวเอง จนเกิดอาการสวิงไป-สวิงมา สุดโต่งไปในด้านใด-ด้านหนึ่ง หรือออกอาการหูแหก-ตาแหก กับเรื่องที่มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามธรรมชาติของมันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...
-------------------------------------------------------------
คือถ้าคิดจะรัก...ก็อย่ารักถึงขั้นต้องตามไปแหกทวารดมกันในทุกเรื่อง ทุกราว หรือถ้าจะเกลียด ก็อย่าถึงกับเกลียดจนไม่คิดจะเผาผี ไม่คิดถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ เพื่อนร่วมวัฏสงสารใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย เอากันแค่...รักน้อยหน่อยแต่รักนานๆ หรือเกลียด-ไม่เกลียด แต่สามารถหยิบเอามาใช้เป็นบทเรียน บทศึกษา อะไรประมาณนั้น อันนี้...น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะอย่างน้อยก็ยังพอหลงเหลือสิ่งที่เรียกว่า สติ อันสามารถใช้เป็นฐานรองรับสิ่งที่เรียกว่า ปัญญา ให้มีโอกาสงอกๆ เงยๆ ขึ้นมาได้มั่ง และด้วย สติ-ปัญญา นี่เอง ที่น่าจะพอช่วยให้เห็นช่องทางในการอยู่ การเป็น การใช้ชีวิตให้สอดคล้อง เหมาะสม ไปตามสภาพ...
------------------------------------------------------------
และถ้าหากรู้จักอยู่ รู้จักเป็น ไปตามสภาวะความเป็นจริง ไม่เป็นในอย่างที่เราต้องการเป็น ไม่เป็นอย่างที่คนอื่นเห็นว่าเราเป็น แต่เป็นอย่างที่เราเป็น และเป็นไปตามสภาวะที่มันเป็น อันนี้...ยังไงๆ มันก็น่าจะพอ เย็นๆ ขึ้นมาได้มั่ง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี หรืออย่างน้อยก็อาจพอช่วยให้เกิดความอดทน อดกลั้น กับสิ่งที่มันไม่ได้เป็นไปตามที่เราอยากจะให้มันเป็น หรือไม่ได้เป็นไปตามที่เราปรารถนาและต้องการ อันนั้นนั่นแหละ...สิ่งที่เรียกว่า ขันติธรรม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ท่านหยิบเอามาเทศนาไว้ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ย่อมมีสิทธิ์อุบัติขึ้นมาในอารมณ์ ความรู้สึก ของใครต่อใครได้บ้าง ไม่ถึงกับเข้าหูซ้าย แล้วร่วงทะลุออกไปทางหูขวา แบบครั้งแล้วก็ครั้งเล่า...
--------------------------------------------------------
แน่ล่ะว่า...เมื่อไหร่ที่สิ่งที่เรียกว่า ขันติธรรม ได้อุบัติขึ้นมา สมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านทรงรับประกัน การันตี เอาไว้แล้วล่วงหน้า ว่ามันจะกลายเป็นตัวเปิดทาง กลายเป็นตัวรองรับ ให้ คุณธรรม แต่ละประเภท แต่ละชนิด ไม่ว่าความเมตตา กรุณา ความรัก ความสามัคคี หรือแม้กระทั่ง ความเป็นมิตรภายใต้ความแตกต่าง อย่างที่ ป๋าเปรม ท่านได้ให้ศีล ให้พร เอาไว้ในช่วงปีใหม่ มันก็จะค่อยๆ ทยอยตามมา เกิดความสุข ความสงบเย็น แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสังคมได้โดยไม่ยากซ์ซ์ซ์ ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเป็นฝุ่นพิษ มลพิษ หรือมลภาวะประเภทไหนก็แล้วแต่ ก็อย่าถึงกับต้องไปตกอก ตกใจ หูแหก ตาแหก จนเกินควร อาศัยสติ ปัญญา และขันติธรรม ความอดทน อดกลั้น รับมือไปจนกว่าไม่ว่าใครก็ใคร หนีไม่พ้นต้องตายไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวงนั่นแล...
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon... Patience is the virtue most needed just when we run out of it.- ขันติธรรมความอดทนเป็นคุณสมบัติที่เรามักจะขาด โดยเฉพาะในยามที่เราต้องการมันมากที่สุด...
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |