หอการค้าคาดเลือกตั้ง 62 เงินสะพัด 80,000 ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 

17 ม.ค. 2562 - นางเสาวณีย์  ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาลัยหอการค้าไทยกล่าวในงานสัมมนา”เศรษฐกิจไทยกับการเลือกตั้ง ”  จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ปี 2562 จะมีจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทยก็คือมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเพื่อให้นโยบายและแผนงานต่างๆเดินหน้า แต่ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย  ซึ่งหากดูภาวะเศรษฐกิจไทยทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หอการค้าไทยได้ประเมินไว้ว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4% โดยในช่วงไตรมาสแรกอาจชะลอตัวเล็กน้อยแต่ยังเขื่อว่า หากการเลือกตั้งออกมาอย่างไร โดยการลงทุนของภาครัฐ และเอกชนเป็นตัวจักรสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 

ทั้งนี้ทางศูนย์ประเมินว่าจะมีเงินสะพัดจากการเลือกตั้งทั้งเลือกตั้งในระดับประเทศและเลือกตั้งท่องถิ่นได้มากกว่า 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสะพัดที่นำไปใช้ในการเลือกตั้งใหญ่กว่า 50,000 ล้านบาท ที่จะแบ่งเป็นการนำไปใช้ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ ผ่านกระตุ้นยอดค้าปลีก และอื่นๆโดยอีก 30,000 ล้านบาทจะเป็นเงินสะพัดจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยเงินสะพัดในการเลือกตั้งครั้งนี้จะดันยอดจีดีพีของไทยได้ถึง0.3%

" ธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากการเลือกตั้ง ได้แก่ ธุรกิจการพิมพ์และการโฆษณา,การค้าส่งค้าปลีก,การจำหน่ายน้ำมัน,การผลิตกระดาษ,ภัตตาคารและร้านอาหาร,การผลิตน้ำมันปิโตเลียม,การบริการทางด้านธุรกิจ,โรงแรมและที่พัก,การผลิตไฟฟ้าและการผลิตรถยนต์/รถจักรยานยนต์" นางเสาวณีย์   กล่าว 

อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองนั้นต้องไปดูว่าหลังการเลือกตั้งแล้วการเมืองจะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหนซึ่งหากเป็นไปในทิศทางที่ดีก็จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2562 ขยายตัวได้ที่ 4.2%

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ทิสโก้ กล่าวว่า การเลือกตั้งของไทยในครั้งนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก มีความคาดหวังในภาคธุรกิจอย่างสูงที่อยากจะเห็นให้มีการเลือกตั้ง และทุกฝ่ายรับทราบว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาจะเป็นรัฐบาลผสมและอยากเห็นแผนหรือนโยบายต่างๆให้เป็นนโยบายที่ต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ ความคาดหวังต่อระบบเศรษฐกิจไทยอยู่ที่แผนการลงทุนของภาคเอกชนแบบระยะยาวที่จะสร้างความมั่นใจและพร้อมที่จะจัดทำแผนลงทุนได้ ดังนั้น หากไม่มีการเลือกตั้งยิ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจมีปัญหาได้

ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังมีเรื่องของปัจจัยภายนอกเนื่องจากในช่วงสี่ถึงห้าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีการพึ่งพาเศรษฐกิจจากนอกประเทศเยอะอย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังไม่เข้าสู่ภาวะทดถอยดูได้จากตัวเลขการว่างงาน ที่อยู่ในระดับต่ำ การบริโภคที่ยังเติบโตได้ดี ขณะที่เศรษฐกิจจีนเชื่อว่าในปีนี้จะขยายตัวได้ ไม่น้อยกว่า 6% ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจจีนและสหรัฐยังเติบโตได้ดีก็เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโลกก็จะยังไม่เข้าสู่ภาวพถดถอย

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย ( สรท.)กล่าวว่า ภาคการส่งออกคาดหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง แต่เมื่อมีรัฐบาลแล้วภาคเอกชนอยากเห็นรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะอยากให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออกที่ยังมีหลายฉบับที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่มีการปรับแก้ไข รวมถึงกฎระเบียบของไทยที่อยากให้มีการปรับเปลี่ยนด้วย และอยากให้ประเทศไทยเข้าไปอยู่ในกรอบการเจรจา FTA ด้วยที่ต้องฝากรัฐบาลชุดใหม่ และสิ่งที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคการส่งออกอยากฝากให้ดูแลค่าเงินบาทไม่ควรที่จะแข็งค่ากว่ากลุ่มอาเซียนด้วยกัน ซึ่งไทยค่าเงินบาทแข็งกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าร้อย 10 ถือว่าแข็งค่ามากเกินไป

นาย วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยกล่าวว่า ภาคธุรกิจค้าปลีกไทยอยากเห็นให้มีการเลือกตั้ง เพราะหลายประเทศกำลังจับตาประเทศไทยอยู่โดยเฉพาะภาคธุรกิจค้าปลีกที่หลายประเทศอยากเข้ามาลงทุนค้าปลีกในประเทศไทย และสิ่งสำคัญอยากให้รัฐบาลใหม่ท่ามีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของโครงสร้างภาษีต่างๆที่ไทยยังมีอัตราสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หากโครงสร้างภาษีไทยมีการปรับลดลงเชื่อว่าจะอำนวยความสะดวกให้หลายประเทศเข้ามาลงทุนและเป็นการกระตุ้นการค้าและการท่องเที่ยวของไทยสูงขึ้นเม็ดเงินจะไหลเข้าประเทศได้อีกจำนวนมหาศาล


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"