"ไลก้า” ประเทศไทยยอดแรงโตเท่าตัวขึ้นท็อป 5 ของเอเชียแค่ 2 ปี เผยสินค้าบางรุ่นไม่พอจำหน่าย เตรียมลุ้นบริษัทแม่อนุมัติเปิดแฟล็กชิพ สโตร์รูปแบบใหม่แห่ง 2 ของโลก
8 ก.พ. 60 - นายดนัย สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอลิส ไพรเวต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กล้องและเลนส์ ไลก้า (LEICA) ในไทย เปิดเผยว่า ยอดขายปี 2560 มากกว่า 300 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากสินค้าใหม่อย่างรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและไลก้าคิวมาเสริมทัพ
"บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าออกไปยังกลุ่มอายุน้อยลง เนื่องจากก่อนหน้าผู้บริโภคชาวไทยอาจยังไม่รับข้อมูลว่าไลก้ามีกล้องระดับราคาหลักหมื่น โดยเฉพาะไลก้า ดีลักซ์ ราคา 3 หมื่นบาทมียอดจำหน่ายดีมาก แต่เฉลี่ยแล้วระดับราคาที่ผู้บริโภคนิยมมากสุดจะเป็น 2 แสนกว่าบาท โดยที่ผ่านมาสินค้าบางรุ่นขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยยังต้องใช้เวลารอนานจากโรงงานผลิตอีกด้วย เพราะกล้องไลก้าเป็นสินค้าลักชัวรี่ที่มีการผลิตไม่มาก"นายดนัยกล่าว
อย่างไรก็ตามแผนการขยายสาขาอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากทางเยอรมัน เพื่อดำเนินงานเปิดแฟลกชิปสโตร์รูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่มีเพียงแค่การจำหน่ายสินค้าเท่านั้น โดยรูปแบบใหม่ดังกล่าวหากสามารถเปิดได้ในเมืองไทย จะนับเป็นแห่งที่ 2 ของโลกโดยมีสาขาแรกตั้งอยู่ที่โรงงาน ณ ประเทศเยอรมัน เบื้องต้นน่าจะเป็นทำเลใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้าบีทีเอส และมีประชากรจำนวนมาก น่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท และเปิดได้ช่วงเดือน พ.ค. นี้
“ในเมืองไทยนับเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือจัดอยู่ในลำดับ 1 ใน 5 ของเอเชียรองจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับการอนุมัติเปิดแฟลกชิบสโตร์รูปแบบใหม่ เพราะจากยอดขายตั้งแต่ปีแรกที่เกินเป้าหมาย และปีที่ผ่านมาเติบโตเท่าตัว แสดงให้เห็นว่าเป็นตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่ง โดยกล้องรุ่นที่ขายดีเป็นไลก้าเอสแอล ราคา 2.35 แสนกว่าบาท รวมถึงไลก้าคิว ราคา 1.65 แสนบาท และไลก้าเอ็มราคาประมาณ 2.68 แสนบาท” นายดนัย กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |