เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. 30 เขต 'ปชป.' ชิงจังหวะซื้อใจคนกรุง       


เพิ่มเพื่อน    

      เมื่อวันอาทิตย์ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่หลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการเลื่อน-ไม่เลื่อนเลือกตั้งอยู่นั้น พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อาศัยจังหวะนี้เป็นพรรคแรกเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ครบทั้ง 30 เขตเลือกตั้ง ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

      พร้อมปล่อยคาราวานรถหาเสียง ซึ่ง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค ประกาศจุดยืน ปชป. ว่า“ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต” โดยมีภารกิจ “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ”

      จากการประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งรอบนี้ในเมืองหลวง ยังคงเป็นการแข่งขันระหว่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ผู้เชี่ยวชาญว่าต้องหันหน้าหันหลังไว้เป็นระยะ เพราะแม้ไม่ใช่คู่แข่งขันหลัก เนื่องจากยังไม่เห็นว่าจะมีว่าที่ผู้สมัครคนใดโดดเด่น แต่ก็ไว้ใจไม่ได้

      อย่างไรก็ตาม เมื่อกางดูผลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2554 แม้ชาว กทม.ส่วนใหญ่ยังคงมอบความไว้วางใจให้ ปชป. เป็นปากเป็นเสียงของเขา แต่คะแนนของเพื่อไทยถือว่าน่ากลัวมาก เพราะ ปชป.ชนะเพียง 110,616 เสียง

      ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงสนามเลือกตั้ง กทม.รอบนี้ได้เป็นอย่างดี อาจเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่หืดขึ้นคอ เพราะสูสีกันมาก และต่างฝ่ายต่างมีแผลฉกรรจ์ โดยแชมป์เก่ามีแผลสดจากการบริหารงานของ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” อดีตผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งคู่ปรับอาจใช้จุดนี้ในการขยี้

      ขณะเดียวกัน เพื่อไทย ก็มีจุดอ่อนที่ชาว กทม.ลืมไม่ลงจากเหตุการณ์ก่อจลาจลเมื่อปี 53 ด้วยความจำเจนี้เอง มีบางฝ่ายวิเคราะห์ว่าผลดีอาจตกอยู่กับพรรคเหล้าเก่าในขวดใหม่อย่าง พปชร.ก็เป็นได้ ถ้าวางยุทธศาสตร์ดี ม้านอกสายตาอาจพลิกกลับเป็นม้าเต็ง

      ทั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่น่าเป็นห่วงว่าเพื่อไทยจะหายใจรดต้นคอ ปชป. เมื่อเทียบจากคะแนนของปี 54 อาทิ เขตลาดพร้าว วังทองหลาง ของ “สรรเสริญ สมะลาภา” รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ กทม. ชนะคะแนน “สิงห์ทอง บัวชุม” จากพรรคเพื่อไทย เพียง 2,700 คะแนน เขตบางบอน หนองแขม ซึ่งรอบที่แล้ว “พ.ต.อ.สามารถ ม่วงศิริ”  ชนะ “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายพ่อเหลิม “เฉลิม อยู่บำรุง” ไปเพียง 1,300 คะแนน

      นอกจากนี้ บางเขตที่เพื่อไทยชนะในครั้งที่ผ่านมา  ปชป.ก็อาจจะสามารถพลิกกลับมาคว้าชัยได้ เช่น เขตบึงกุ่ม คันนายาว (แขวงรามอินทรา) แชมป์เก่า คือ “พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ” ชนะห่าง “พนิช วิกิตเศรษฐ์” เพียง 1,830 คะแนน ซึ่งรอบนี้ ปชป.ส่ง “พรม” พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ลูกชายของพนิช ชิงเก้าอี้แทน 

      อีกเขตหนึ่ง คือ มีนบุรี คันนายาว (แขวงคันนายาว) ซึ่ง “วิชาญ มีนชัยนันท์” จากเพื่อไทยเข้าวิน และชนะ “ชาญวิทย์ วิภูศิริ” จาก ปชป. อย่างฉิวเฉียดแค่เพียง 2,800 เสียงเท่านั้น โดยรอบนี้ ปชป.ตัดสินใจส่ง “ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย” ทายาทหมื่นล้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ลูกชาย “กิตติ ธนากิจอำนวย” 

      รวมทั้งเขตคลองสามวา ซึ่งเมื่อปี 54 “จิรายุ ห่วงทรัพย์” เพื่อไทย ได้ 28,198 เสียง ส่วน “สมัย เจริญช่าง” จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 26,947 เสียง เท่ากับทิ้งห่าง 1,251 คะแนน ซึ่งเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ปชป.ส่ง “ฮูวัยดียะห์ พิศสุวรรณ อุเซ็ง” ลง

      เลือกตั้งไม่รู้วันไหน แต่ที่แน่ๆ ตลาด กทม.เที่ยวนี้อ่อนไหวมาก ฉะนั้น ในฐานะเป็นพรรคที่ครองสัดส่วนมากกว่าเพื่อน อย่าหวังแต่เฉพาะกินบุญเก่า ไม่เช่นนั้นมีวืดสูง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"