เห็นข่าวประเทศไทยมาแรง แซงโค้ง ผงาดขึ้นเป็นประเทศที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 4 ของโลก และอันดับหนึ่งของเอเชีย จากเว็บไซต์ ผู้จัดการ เมื่อวันวาน ก็เลยทำให้อดคิดถึง ลัลล้า อีโคโนมี ของ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขึ้นมาไม่ได้ แม้ต้องเดินตามคุณลุง เทพเทือก อยู่ในพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือแม้พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะพยายามเดินตามนายกฯ บิ๊กตู่ กันไปถึงขั้นไหน แต่ในเรื่องความคิด ความอ่าน ของลูกหลานจีนแคะ อย่าง ดร. เอนก แล้ว น่าจะไปไกลกว่าการเดินไป-เดินมาเยอะเลย...
------------------------------------------------
คือในเรื่อง รายได้ จากการท่องเที่ยวของบรรดาประเทศต่างๆ ในโลกนี้...คงต้องยอมรับว่า ออกจะเป็นอะไรที่เป็นกอบเป็นกำ หรือออกจะ เอาเรื่อง อยู่พอสมควร ขณะประเทศที่ทำรายได้การท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น ฟาดเม็ดเงินเข้าไปถึงปีละ 211,000 ล้านดอลลาร์ ประเทศอันดับสองอย่างสเปนทำรายได้ 68,000 ล้านดอลลาร์ อันดับสามฝรั่งเศสทำรายได้ 61,000 ล้านดอลลาร์ ประเทศอันดับสี่อย่างประเทศไทย ก็กดเข้าไปถึง 57,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าเอา 30 เข้าไปคูณตีออกมาเป็นเงินบาทไทย ก็ปาเข้าไปถึงระดับประมาณ 1.82 ล้านล้านบาท หวิดใกล้ๆ กับงบประมาณของประเทศทั้งประเทศในแต่ละปีเอาเลยถึงขั้นนั้น...
---------------------------------------------------
และการที่ประเทศไทยมาแรง แซงโค้ง แซงหน้าใครต่อใคร ไม่ว่ามาเก๊า ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฯลฯ ที่มีการพนัน การเล่นได้-เสียเป็นเครื่องล่อ มีความก้าวหน้า ทันสมัย ทางเทคโนโลยี หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย แถมยังตามหายใจรดต้นคอประเทศอดีตจักรวรรดินิยมอย่างฝรั่งเศส ที่ไปรวมเอาสมบัติพัสถานของใครต่อใคร มาวางโชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์ ชนิดห่างกันแค่ไม่กี่ล้านดอลลาร์ ก็เพราะประเทศไทยมีอะไรต่อมิอะไรแบบที่ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ท่านเคยหยิบเอามาสาธยาย บรรยายเอาไว้ในแนวคิดทางเศรษฐกิจ ที่ท่านได้ให้คำนิยามเอาไว้ในนามว่า ลัลล้า อีโคโนมี นั่นเอง...
--------------------------------------------------
ไม่ว่าจะเป็นประเภท สตรีทฟู้ด ถนนคนเดินที่สามารถยื่นมือไปคว้าอาหารระดับ 4 ดาว 5 ดาวตามลิ้นของพวกฝรั่ง พวกชาวต่างชาติ ใส่ปากกันได้สบายๆ แถมถูกแสนถูกอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น นิสัยคนไทย ที่แม้จะหันไปเตะ ไปถีบ ชาวไทยด้วยกันเองในแบบไหน อย่างไร หรือด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่สำหรับแขกบ้าน แขกเมือง หรือชาวต่างชาติแล้ว สิ่งที่เรียกว่า น้ำใจคนไทย สามารถทำให้บรรดาพวกฝรั่งหัวแดง หัวเหลือง หัวดำ หรือหัวใดๆก็แล้วแต่ ถึงขั้นน้ำตาไหลพรากๆ กันไปเป็นรายๆ ไปจนถึงลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพ ที่มีทั้งภูเขา แมกไม้ ลำธาร ท้องทะเลที่ไม่อุ่น ไม่หนาว ซัดเอาเม็ดทรายละเอียดปานแป้งเด็ก ขึ้นมากองไว้ตามชายหาดยาวเหยียด ตั้งแต่ภาคตะวันออก-ตะวันตก ไปยันภาคใต้ กระจัดกระจายไปตามเกาะแก่งต่างๆ ที่จัดอยู่ในระดับเกาะสวาท-หาดสวรรค์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
----------------------------------------------------
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่ทำให้ ดร. เอนก ท่านหยิบเอามาเป็น แนวคิดทางเศรษฐกิจ ที่ต่างออกไปจากประเภทมุ่งไปสู่ความเป็นฮ้ง เป็นฮับ เป็นนิคส์ เป็นแนคส์ เป็นสิงสาราสัตว์ แบบเสือที่ตัว 5 แมวตัวที่ 6 อะไรประมาณนั้น ซึ่งออกจะเป็นอะไรที่ เชยซ์ซ์ซ์ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับแนวโน้มความเป็นไปของโลก ซึ่งได้ผ่านยุคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะยุคปฏิวัติกันครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 หรือครั้งไหนๆ ก็แล้วแต่มานานแล้ว โดยได้ค่อยๆ เข้าสู่ยุคแห่งการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ที่ทำให้โลกทั้งโลกกลายเป็นโลกที่ไร้ขอบเขต พรมแดน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง หรือโลกเสมือนจริงก็ตาม และได้ทำให้เศรษฐกิจภาคบริการที่ต้องอาศัยอารมณ์ ความรู้สึก ไปจนถึง จิตวิญญาณ กลับกลายเป็นเศรษฐกิจกระแสหลัก ยิ่งเข้าไปทุกที...
------------------------------------------------------
แนวคิดทางเศรษฐกิจ...ในแบบที่ท่านให้คำนิยามว่า ลัลล้า อีโคโนมี จึงถือเป็นแนวคิดที่ฉีกกรอบ แหกกรอบ ไปจากแนวคิดทางเศรษฐกิจในแบบเดิมๆ มิใช่น้อย ฉีกไปจากแนวคิดที่อยากจะสร้างโน่น สร้างนี่ สร้างถนนหนทาง สร้างเขื่อน สร้างโรงไฟฟ้า สร้าง (อาณา) นิคมอุตสาหกรรม ฯลฯลฯลฯ ที่รัฐบาลไทยไม่ว่ายุคไหนต่อยุคไหน นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมฉบับที่ 1 ได้เริ่มต้นขึ้น ต่างหันมาวิ่งไล่กวด ไล่ตามพวกฝรั่ง หันไปทำลายป่า ทำลายต้นน้ำ ลำธาร ทำลายความรู้สึก นึกคิด หรือไปจนกระทั่ง ทำลาย จิตวิญญาณ ของผู้คน เพื่อหวังจะหารายได้เป็นกอบ เป็นกำ ให้มากๆ เข้าไว้ จนส่งผลให้การ อุต-ส่าห์-หา-กรรม ของประเทศไทย นำพาประเทศไปสู่ความเป็น แมวป่วย แทนที่จะเป็น เสือเศรษฐกิจ มาโดยตลอด...
-----------------------------------------------------
เสียดาย...ที่ช่วงระยะหลังๆ ดร. เอนก ท่านไม่ค่อยหยิบเอาเรื่อง ลัลล้า อีโคโนมี ออกมาเน้น ออกมาย้ำ เหมือนในช่วงแรกๆ จะด้วยเหตุเพราะท่านมีภารกิจต้องออกเดินสาย เดินตามลุงกำนันในนามพรรครวมพลังประชาชาติไทย อันเป็นพรรคที่ถูกจัดอยู่ในก๊ก เอาบิ๊กตู่ อย่างมิอาจตัดขาดแยกออกจากกันได้ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ เพราะการ เอาบิ๊กตู่ นั้น เผลอๆ อาจหมายถึงต้องเอาสมคิด เอาอีอีซี เอาเขื่อนวังหีบ เอาการจัดระเบียบทางเท้าของผู้ว่าฯ กทม. ฯลฯ อันอาจส่งผลให้ต้องเกิดอาการ ลิ้นพันกัน อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งๆ ที่โดยศักยภาพของ ดร. เอนก ของ ลุงกำนัน รวมไปถึงของแนวคิดทางเศรษฐกิจอย่าง ลัลล้า อีโคโนมี นั้น แทบไม่ต้องเสียเวลาไป เดินตาม ใครต่อใครเอาเลยก็ยังได้...
---------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Epictetus (อีกครั้ง)... Fortify yourself with contentment, for this an impregnable fortress. - จงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวท่านด้วยความสันโดษ (พอเพียง) เพราะนี่คือป้อมปราการที่ไม่มีผู้ใดจะตีแตก...
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |